เกียร์อัตโนมัติที่เราท่านใช้อยู่บนรถกันทุกวันนี้ พัฒนากันเป็นเวลานานหลายสิบปี โดยเฉพาะเกียร์ออโต้ 10 สปีด ของ Ford อันมีข้อดีที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ตั้งแต่ที่ผู้เขียนเริ่มอ่านออกเขียนได้ในครั้งเยาว์วัย รอบตัวในละแวกบ้านมีแต่คนซื้อหารถกระบะมาใช้งาน ซึ่งรถเหล่านั้นติดตั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด กันเป็นมาตรฐาน เรียกว่าผู้คนไว้ใจกับเกียร์ที่มีผู้ขับขี่เป็นคนบังคับสั่งการ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เราขับรถต้องควบคุมได้ตามใจสั่ง คนกับรถยนต์เปรียบเสมือนร่างเดียวกัน เกียร์ธรรมดานี่แหละดีที่สุดแล้ว
ถามว่าทำไมคนยุคย้อนไปเมื่อ 20 ปีขึ้นไปคิดแบบนั้น เหตุผลสำคัญมาจากความไม่รู้ เพราะถ้าศึกษาแล้วจะพบว่า รถยนต์ที่มีเกียร์อัตโนมัติมาให้เป็นรายแรกๆ จะประจำการอยู่บนรถเก๋งหรือรถยนต์นั่ง 4 ประตู จำนวนเกียร์จะเริ่มที่ 2-3 สปีด แน่นอนว่าประสิทธิภาพในการใช้งาน เมื่อเทียบกับเกียร์ธรรมดา 5 สปีดในยุคเดียวกัน ต้องเรียกว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว ทั้งเรื่องการตอบสนองอันเชื่องช้า ความฉลาดในการเปลี่ยนเกียร์ และประเด็นความทนทานรวมถึงการบำรุงรักษา ที่คนยุคเก่าต่างหวาดกลัวไม่กล้าซื้อรถเกียร์อัตโนมัติมาใช้เท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นที่บริษัทรถยนต์หลายรายคาดการณ์ว่า อนาคตผู้คนจะต้องหันมาคบหาเกียร์อัตโนมัติที่พวกเขาเคยก่นด่า เหล่าวิศวกรจึงทุ่มเทแรงสมองและสองมือ คิดค้นเกียร์อัตโนมัติให้มีจุดด้อยน้อยที่สุด ซึ่งแต่ละยุคที่ผ่านมาพัฒนาการมีให้เห็นได้ชัดเจน อาทิ เกียร์อัตโนมัติแบบทอร์กคอนเวอร์เตอร์ 4 สปีด ที่ในประเทศไทยเกียร์ลูกนี้ถูกใช้เวลานานโดยผู้ผลิตหลายค่ายจวบถึงปัจจุบัน เพราะเด่นดังในความมีเสถียรภาพ ซ่อมบำรุงง่าย อะไหล่ถูก
ถึงกระนั้น ผู้ผลิตรถยนต์ก็ต้องคิดค้นอะไรใหม่ๆ เพื่อมาขายลูกค้า องค์กรเอกชนผู้แสวงกำไรจากหลายฝั่งทวีปจึงพัฒนาเกียร์อัตโนมัติออกมาเพิ่ม ทั้งเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์กคอนเวอร์เตอร์ 5-8 สปีด หรือจะเกียร์ CVT มีสายพานทำจากเหล็กเป็นตัวถ่ายทอดกำลัง ไม่ก็คบหาเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ที่ดีเด่นในประเด็นความฉับไว ทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนมีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นก็คือการมอบความพึงพอใจให้ลูกค้าสูงสุด
เกียร์ออโต้ 10 สปีด เด่นเรื่องสมรรถนะกว่าเกียร์สปีดน้อยจริงหรือ?
ประเด็นร้อนเวลาเราเขียนข่าวเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ไม่ว่ามาจากฝั่งญี่ปุ่น ยุโรป หรืออเมริกา เมื่อใดก็ตามที่ระบุไปว่า “รถยี่ห้อ xxxx โฉมใหม่มีเครื่องยนต์ xxxx ผสานกับเกียร์อัตโนมัติ xx สปีด” โอ้ย!! มาเลยครับเสียงแขวะมาแล้ว… เกียร์ออโต้สปีดเยอะแบบนี้ พังมาทีจนแน่นอน ไม่ก็เอามาทำไมเกียร์สปีดเยอะแบบนี้ เอาแค่ 6 สปีดก็พอแล้วช่างไทยไม่ค่อยเก่ง เดี๋ยวซ่อมไม่ถูกจุด เหล่านี้ทั้งหมดพบเห็นได้ทั่วไปตามสื่อออนไลน์ และตามเพจเฟสบุ๊คคุยเรื่องรถยนต์
อันที่จริงแล้วคนมีความคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดอะไร เพราะพวกเขายังคงยึดติดกับคำว่า ยิ่งมากยิ่งมีปัญหา ทั้งๆ ที่บริษัทรถยนต์ได้ทุ่มเทเงินทุนมหาศาลกับทีมวิศวกรหัวกะทิอีกเป็นโขยง เพื่อร่วมกันพัฒนาสร้างสรรค์เกียร์อัตโนมัติลูกใหม่ให้ดีสมใจลูกค้า เอาล่ะเพื่อไม่เสียเวลาเรามาเข้าเรื่องกันเลย
สดๆ ร้อนๆ คงหนีไม่พ้นการพูดถึงเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ติดตั้งอยู่บนรถกระบะ กับรถเอสยูวีตัวลุย อย่าง Ford Ranger กับ Ford Everest ที่นอกจากจะลดขนาดความจุดเครื่องยนต์ดีเซลจาก 3.2 ลิตร กับ 2.2 ลิตร หั่นเหลือเพียง 2.0 ลิตร ยังมิวายนำเสนอเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ลูกใหม่ ที่ไม่ว่าใครก็ตามได้ทราบข่าว เสียงจะแตกเป็น 2 ฝั่งทันที ได้แก่ ฝั่งชมว่าฟอร์ดใจปล้ำจริงนะเนี่ย เอาเกียร์ลูกใหม่มาใส่ให้คนไทยได้ใช้ ส่วนฝั่งคิดลบจะเอ่ยว่า แหมเกียร์ 10 สปีดจะทนเหรอ ลำพังเกียร์ 6 สปีด ลูกเก่ายังทำงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย…
ช้าก่อน!! หากผู้อ่านยังคิดแบบนั้น ท่านไม่ผิดครับ แต่มันไม่ถูกทั้งหมด ก่อนอื่นเลยเราต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า เหตุผลที่ผู้ผลิตติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เข้ากับขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร ทั้งเทอร์โบเดี่ยวและคู่ พวกเขาไม่ได้ตั้งใจมีไว้เพื่อเบ่งแข่งกับคู่แข่งในตลาดเท่านั้น เพราะเกียร์ที่มีสปีดเยอะๆ ช่วยให้การขับขี่ในทุกสถานการณ์ ผู้ขับขี่จะเรียกแรงม้าแรงบิดขึ้นมาใช้ได้เหมาะสมมากกว่าเกียร์สปีดน้อยๆ
ถามว่าทำไมเกียร์ออโต้สปีดเยอะจึงทำงานได้ดีกว่าเกียร์น้อยสปีด เราอยากให้ผู้อ่านคิดตามว่า เครื่องยนต์ยุคใหม่ที่มีกำลังแรงม้ากับแรงบิดสูงมาก หากจับคู่กับเกียร์ออโต้ 10 สปีด จะเรียกว่าเป็นเหมือนดั่งกิ่งทองใบหยก สมมติว่าคุณกำลังขับรถตามหลังกระบะซิ่งที่วิ่งอยู่ 100 กม./ชม. แล้วต้องการกดเร่งแซง ถ้าคุณแซงขณะขับรถที่ใช้เกียร์ 10 สปีด ผลลัพธ์คือตัวรถจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว … เดี๋ยวนะรถเกียร์ออโต้ 6 สปีด ก็แซงได้เร็วเหมือนกัน (เสียงจากผู้อ่าน) อ่าครับ ใจเย็นแล้วฟังให้จบนะ
คือตอนแซงรถอาจพุ่งไปเร็วพอกัน แต่ประสิทธิภาพในการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องสู่ล้อนั้น เกียร์ออโต้ 10 สปีด เหนือกว่ามาก เพราะประโยชน์ที่ได้มามีหลายประเด็น เริ่มจากเกียร์จะเสื่อมสภาพช้ากว่า เพราะถ้าเป็นเกียร์ออโต้ 6 สปีด ขณะวิ่งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. แล้วกดคันเร่งปุ๊บรอบฟาดไปราว 3,000-3,400 รอบ/นาที สิ่งที่ตามมือแรงเครียดถ่ายทอดสู่ห้องเกียร์สูงมาก ทว่าในเกียร์ออโต้ 10 สปีด สมองกลจะตัดกำลังไปที่ช่วงเกียร์อันมีอัตราทดเหมาะสมที่สุด เพื่อลดทอนแรงกระทำต่อชุดเกียร์ ช่วยทั้งการเปลี่ยนเกียร์ให้ฉับไวขึ้น แถมด้วยความทนทานในระยะยาวที่สูงกว่า
ประเด็นถัดมาเป็นเรื่องความนุ่มนวลระหว่างเปลี่ยนเกียร์ ข้อนี้นี่แหละที่หลายคนยังโต้แย้งกันอยู่ตลอด บ้างก็ว่าเกียร์ออโต้ 6 สปีด ในรถยุคปัจจุบันเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว แต่ความจริงนั้นเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มีแต้มต่อเหนือกว่าไม่น้อย เหตุเพราะยิ่งมีเกียร์สปีดเยอะ อัตราทดแต่ละเกียร์จะถูกซอยย่อยถี่ยิบ เพื่อให้มีตัวเลือกในการเปลี่ยนตามแต่ละสถานการณ์ได้เหมาะสมครบถ้วน เรียกว่าแม้จะมีคนนั่งเต็มคันพร้อมข้าวของสัมภาระ หรือจะขับรถแค่คนเดียวแล้วเกิดบ้าเสี้ยนคันเร่งขึ้นมา ชุดเกียร์จะทราบทันทีว่าโหลดในแต่ละการขับขี่ซึ่งต่างกันนั้น ต้องปรับไปใช้เกียร์ไหนจึงจะดีงามตามใจผู้ขับ
เราพอจะรู้ว่าผู้อ่านคงสงสัยว่า นี่คุณเคยขับ Ford Ranger หรือ Everest มาเยอะขนาดนั้นเชียว เราตอบได้ว่ามากพอที่จะอธิบายความเป็นจริงให้ผู้อ่านทราบได้ เพราะทุกการขับขี่ที่เราเริ่มจากในเมืองอันมีรถแน่นหนาเบียดเสียด ไปจนถึงการวิ่งบนทางด่วนซัดความเร็วเกินระดับ 120 กม./ชม. หรือเอาไปปีนเขาไต่ขึ้นชมวิวทิวทัศน์ เราพิสูจน์ประสิทธิภาพของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ลูกนี้มาชุ่มฉ่ำตามข้อสงสัยเดียวกับที่ผู้อ่านมีหมดแล้ว ดังนั้นโปรดอย่ามัวเชื่อแต่ให้สิ่งที่คนอื่นพูดถึง รวมถึงเชื่อการอ่านบทความอย่างที่ผมเขียนเนี่ยแหละ คือใจอยากให้ทุกคนได้ไปลองสัมผัสรถคันจริง ว่ามันมีดีเหมือนที่เราเล่าให้ฟังหรือเปล่า
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com