ทุกวันนี้ถ้าคุณไปเดินดูรถยนต์ตามงานแสดงหรือในโชว์รูมต่างๆ คุณจะเห็นว่ามีผ่านกระดาษขนาดใหญ่ ติดอยู่ที่ด้านข้างไม่ก็ด้านหน้าของตัวรถ กระดาษพวกนี้บรรจุข้อมูลต่างๆมากมาย มันคือ Eco Sticker ตามแนวนโยบายของภาครัฐที่ต้องการยกระดับให้ผู้ซื้อมีข้อมูลมากพอประกอบการตัดสินใจในการซื้อรถยนต์
หลายคนอาจจะเลือกซื้อโดยใช้การอ่านรีวิว , ดูข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต แต่ถ้าคุณไม่มีเวลาว่างในแต่ละวันมากขนาดนั้น Eco Sticker นับว่าเป็นทางออกที่ดีในการเรียนรู้ข้อมูลเบื้องต้น ว่ารถยนต์ที่คุณกำลังมองหานั้น จะมีอะไรมาให้คุณบ้าง และมันน่าจะตอบโจทย์คุณได้หรือไม่
ที่มา Eco Sticker
เจ้ากระดาษที่ผมเรียกว่า Eco Sticker นั้นเป็นแนวโยบายที่เกิดขึ้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีมาตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยกระทรวงอุตสาหกรรมต้องการยกระดับมาตรฐานการให้ข้อมูลเด่นชัดมีความเป็นสากลมากขึ้น จึงกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมรถยนต์และรถนำเข้า จะต้องติดแผ่นป้ายแสดงปริมาณการใช้พลังงานและปริมาณ การปล่อยก๊าซไอเสียในระหว่าการขับขี่อย่างชัดเจน
โดยป้าย Eco Sticker จะติดเพื่อแสดงข้อมูลสมรรถนะรถยนต์ และคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน ที่ผู้ซื้อควรทราบ ตามมาตรฐานสากลขององค์การสหประชาชาติ ทำให้คุณรู้ว่ารถยนต์ที่คุณกำลังหมายปองจะจองนั้นมีความคุณสมบัติอย่างไร ซึ่งข้อมูลที่ให้บนสติกเกอร์นั้น เป็นการทดสอบและเก็บรวบรวมข้อมูล โดยหน่วยงานของภาครัฐบาล ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องสืบเนื่องจากบริษัทเอกชน ผู้นำเข้าหรือจัดจำหน่าย ในการจัดทำ แผ่นให้ข้อมูลดังกล่าว เพื่อให้ผู้บริโภค รับทราบข้อมูลตัวรถโดยละเอียดยิ่งขึ้นด้วยตนเอง
อ่านให้ถูก ดูให้เป็นง่ายนิดเดียว Eco Sticker
ทีนี้ได้เวลามาดูเจ้า Eco Sticker กันบ้างครับ ตัวอีโค่คาร์สติกเกอร์ หรือฉลากบอกข้อมูลรถยนต์นี้ จะประกอบไปด้วย 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่
1.ข้อมูลแสดงสมรรถนะของตัวรถ
การแสดงข้อมูลสมรรถนะของ Eco Sticker เป็นส่วนประกอบหลักของการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค โดยบน Eco Sticker จะมีการให้ข้อมูลสำคัญ หลายๆ ส่วนด้วยกัน
ส่วนแรก การประหยัดน้ำมัน
ข้อมูลการประหยัดน้ำมันบน Eco Sticker เป็นการให้ข้อมูลแบบค่าเฉลี่ยทั้งการขับขี่ในเมือง , นอกเมือง และ สภาวะการขับขี่รวมหรือเฉลี่ยรวม โดยใชหลักเกณฑ์มาตรฐานาสากล UN Reg.101 REV2 ในการวัด หาค่าอัตราประหยัดดังกล่าว การระบุคาอัตราประหยัด จะระบุไว้เป็นแบบ ลิตร/100 กิโลเมตร แต่จะมีการแปลค่าเป็น ลิตรต่อกิดลเมตร เฉพาะค่าอัตราประหยัดโหมดเฉลี่ยรวม
ส่วนที่ 2 การรักษาสิ่งแวดล้อมและการปล่อยไอเสีย
ข้อมูลการรักษาสิ่งแวดล้อมและการปล่อยไอเสีย เป็นข้อมูลที่ได้จากการวัดไอเสียที่ปล่อยออกจากปลายท่อไอ้เสียรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่ทำการทดสอบ โดยใช้มาตรฐาน UN Reg. 101 Rev2 เช่นกัน
โดยจะมีการกำกับข้อมูลการปล่อยมลพิษต่อไปด้วยว่าผ่านมาตรฐานข้อกำหนดแบบใดบ้าง ปัจจุบันข้อกำหนดขอการปล่อยไอเสียของประเทศไทย มี 2 แบบ คือ ข้อกำหนดตามสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมหรือ มอก. เป็นข้อกำหนดขั้นพื้นฐาน และบางครั้งรถยนต์ที่จำหน่ายในประเทศยังผ่านมาตรฐานข้อกำหนดสากล UN 83 Rev2 (2005) หรือที่เราทั้งหลายรู้จักกันในนามค่าไอเสีย Euro นั่นเอง
ส่วนที่ 3 มาตรฐานทางด้านความปลอดภัย
ข้อมูลส่วนนี้ในอีโค่สติกเกอร์จะระบุเอาไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ที่เลือกซื้อรถยนต์มีความมั่นใจและรับทราบมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ ในตัวรถ อันได้แก่
มาตรฐานระบบห้ามล้อ (Braking) ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UN Reg.13H Rev.2 หรือระดับที่สูงกว่า โดยอย่างน้อยต้องมีระบบห้ามล้อแบบป้องกันการล็อก (Antilock Braking System–ABS) ซึ่งได้ติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Stability Control System–ESC System)
มาตรฐานการปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าของตัวรถ ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UN Reg.94 Rev.0 หรือระดับที่สูงกว่า และมาตรฐานการปกป้องผู้โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านข้างของตัวรถ ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UN Reg.95 Rev.0 หรือระดับที่สูงกว่า
2.ข้อมูลพื้นฐานตัวรถ
เป็นส่วนที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถต่างๆ ที่ผู้ซ้อจำเป็นต้องทราบ ซึ่งจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ,ขนาดเครื่องยนต์,ขนาดยาง ,จำนวนที่นั่งที่สามารถรองรับได้สูงสุด ,ระบบเกียร์ และประเภทเชื้อเพลิงที่รองรับ ตลอดจนยังแสดงสถานที่ผลิตรถคันดังกล่าว ว่ามาจากโรงงานที่ไหน และ โรงงานตั้งอยู่ในประเทศไหนด้วย
3.ข้อมูลผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า
บน Eco Sticker จะระบุ ข้อมูลผู้ผลิตหรือผู้นำเข้ารถคันดังกล่าว เอาไว้อย่าชัดเจน เพื่อให้ผู้ซื้อรับทราบ โดย หลัๆ จะเป็นชื่อ และที่ตั้งบริษัทผู้จัดจำหน่าย เว็บไซต์และเครื่องหมายการค้า
- อุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน
เป็นพื้นที่แสดงออพชั่นรถพอสังเขป อันได้แก่รายการอุปกรณ์มาตรฐานและอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งในรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลคนละส่วนกับสมรรถนะการขับขี่ที่ระบุไว้ข้างบน
การอ่าน Eco Sticker ไม่ยากเลย แต่หลายคนมักละเลยที่จะดูมัน อาจจะด้วยความไม่รู้ หรือไม่ได้ศึกษา แต่วันนี้เมื่อคุณรู้และมีข้อมูลและ การเปรียบเทียบรถแต่ละคัน ก็จะง่ายยิ่งขึ้น
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ …. เนื้อหาดีๆ ต้องแบ่งปันต่อ แล้วอย่าลืมถูกใจ เพื่อรับข่าวสารยานยนต์ดีๆ จากทีมงานคุณภาพ Ridebuster – ส่องรถ ….