Home » ก่อนซื้อต้องรู้ .. รถกระบะ ต่างจากรถเก๋ง อย่างไร
New Triton MY17 Front
สาระเรื่องซื้อรถ เคล็ดลับเรื่องรถ

ก่อนซื้อต้องรู้ .. รถกระบะ ต่างจากรถเก๋ง อย่างไร

ในบรรดารถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทยตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบัน “รถกระบะ” ถือเป็นรถที่คนไทยนิยมอย่างมาก ด้วยราคาขายที่ไม่แพง การใช้งานที่ครอบคลุม ปัจจุบันพวกมันยังถูกมองเป็นตัวเลือก โดยเฉพาะการกลายเป็นรถคันที่ สอง รองจากรถเก๋งขนาดเล็ก

วิถีการใช้รถกระบะวันนี้อาจจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่คนจำนวนไม่น้อยยังมองกระบะเมื่อในบ้านมีรถเก๋งเล็กสักคัน แล้วต้องการซื้อรถเพื่อเดินทางต่างจังหวัด หลายคนคิดไม่ตก ตระหนักไม่ออกว่า รถกระบะต่างจากรถเก๋งอย่างไร มันดีหรือด้อยกว่า รถเก๋งอย่างไรบ้าง และวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาสำรวจไปพร้อมกัน

ข้อดี

1.ใช้งานได้หลากหลายกว่า รถกระบะ เป็นรถที่มีพื้นที่การโดยสารปละวางสัมภาระอยู่ในคันเดียว ทำให้มันสามารถใช้งานได้หลากหลาย โดยเฉพาะรถกระบะ 4 ประตู สามารถเป็นได้ทั้งรถเพื่อการโดยสารและคุณอาจจะใช้บรรทุกของเล็กๆ น้อยๆ ที่จำเป็นก็ได้

2.ลุยสมบุกสมบันได้มากกว่า รถกระบะโครงสร้างแตกต่างจากรถเก๋งโดยสิ้นเชิง รถกระบพัฒนาโดยวางโครงสร้างตัวถังหลัก หรือที่เรียกว่า แชสซี (Chassis) ไว้ทางด้านล่าง แล้วประกอบห้องโดยสารเข้าไว้ทางด้านบน ซึ่งช่วยให้โครงสร้างมีความแข้งแรงมาก และเหมาะแก่การนำไปเดินทางในที่ทุรกันดาร หรือต้องผ่านทางสมบุกสมบัน

3.เครื่องแรงกว่า อย่างที่คุณรู้เครื่องยนต์รถกระบะในปัจจุบันมีสมรรถนะในการขับขี่ดีขึ้น ลืมไปได้เลยภาพของรถที่เคยอืดควันดำ … และกินน้ำมัน เครื่องยนต์ดรเซลสมัยใหม่ติดตั้งเทอร์โบมาให้พร้อมเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ มากมาย ทำให้พวกมันสามารถทำกำลังดีมาก โดยเฉพาะแรงบิดจาดเครื่องยนต์ ทำเร่งแซงมั่นใจ เครื่องยนต์รถกระบะปัจจันเริ่มต้นที่ 150 แรงม้า และสูงสุดที่ 213 แรงม้า

รถกระบะ

4.พื้นที่โดยสารกว้างกว่า ถ้าคุณมีเงินเงินประมาณ 7-8 แสน คุณอาจจะซื้อรถเก๋งได้ถึง คอมแพ็คคาร์ แต่ในกระบะพวกมันมาพร้อมพื้นที่โดยสารใหญ่กว่า รถกระบะที่ขายในไทยปัจจุบัน เป็นคลาส   Mid-Size Pick Up   ทำให้มันมีพื้นที่ในการใส่สอยมากกว่า สามารถรองรับการโดยสารได้สูงสุด 5 คนในรุ่น 4 ประตู เพียงพอต่อการบรรทุกผู้ใหญ่ในการเดินทางไกล  และเทียบกับรถเก๋งตั้งแต่ขนาดเล็กลงไป มันตอบโจทย์ดีกว่า

5.ขับด้วยความเร็วเดินทางมั่นคง ด้วยขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่าทำให้มีการยืดระยะฐานล้อ และความกว้างระหว่างล้อเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบกับรถเล็ก กระบะจึงเป็นรถที่ขับแล้วมั่นคงกว่าในการเดินทางด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด 100-120 ก.ม./ช.ม. และนอกจากนี้ด้วยตัวรถและการเลือกเอกใช้ยางแก้มสูงกว่า จึงยิ่งทำให้การเดินทางไร้ความกังวลในการขับขี่ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับทางไกล

รถกระบะ

ข้อด้อย

1.ราคาแพงกว่า  เมื่อเปรียบเทียบรถกระบะ 4 ประตู กับรถเก๋ง แล้ว รถกระบะมีราคาแพงกว่าในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการรถที่มีออพชั่นใกล้เคียงกัย รถเก๋งกับมีราคาถูกว่าอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งด้วยขนาดตัวรถและความสามารถในการขับขี่ที่มากวก่าของรถกระบะ ดังนั้น จะตัดสินใจซื้อกระบะต้องตัดสินใจให้ดีว่าคุณได้รถที่มีออพชั่นตามต้องการ

2.ช่วงล่างกระด้างกว่า  มีคนจำนวนไม่น้อยเปลี่ยจากเก๋งมาเป็นกระบะแล้วรู้สึกว่าพวกมันขับไม่สบายเท่ารถเก๋ง ก็ไม่แปลกนัก เพรารถกระบะ ใช้ระบบช่วงล่างที่แตกต่างจากรถเก๋ง พวกมันกติดตั้งระบบช่วงล่างแบบปีกนกอิสระ 2 ชั้น ทางด้านหน้าและตามปกติ จะมาพร้อมช่วงล่างแบบแหนบหลายแผ่นซ้อนทางด้านหลัง

รถกระบะโตโยต้า

ตลอดจนทั้งหมดติดตั้งกับโครงสร้างตัวถังหลัก หรือ แชวซี เพื่อรองรับการกระแทนที่เกิดขึ้น ทำให้ แม้ว่ากระบะจะพัฒนาไปมากเท่าไรก้ตามยังมีความกระด้างในตัวของมันอยู่บ้าง มันไม่ใช่ช่วงล่างที่นั่งสบายเสียทีเดียว  หากปัจจุบันก็มีความพยายามพัฒนาจนรถบางรุ่นมีความนิ่มนวลได้ใกล้เคียงรถเก๋งอยู่บ้าง

3.เสียพื้นที่ใช้สอยบางส่วน “รถกระบะ” อย่างที่เราทราบว่าพื้นที่ตอนหลังของรถจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่มีหลังคาปิดเอาไว้สำหรับการบรรทุกสิ่งของถ้าต้องการ ในทางหนึ่งถ้าคุณไม่ได้บรรทุกบ่อยมาก คุณจะเสียพื้นที่ใช้สอยนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะใครที่ชอบเดินทางไกลกับเพื่อน การนั่งเต็มห้องโดยสาร อาจทำให้คุณพบปัญฆาในการเก็บสัมภาระไม่น้อยไม่ให้ตากแดดตากลม หรือโดนฝน

ดังนั้นในทางหนึ่งรถกระบะมีประโยชน์ในการบรรทุก แต่ถ้าคิดจะซื้อมาใช้นั่งเต็มโดยสารคัน มันอาจจะยังไม่เหมาะสักเท่าไรนัก เพราะพื้นที่กระบะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง มีปัญหาในยามเก็บสัมภาระ โดยเฉพาะในหน้าฝน

รถกระบะ

4.ไม่ประหยัดอย่างที่คิด คนจำนวนไม่น้อยคิดว่ากระบะประหยัดกว่า ด้วยการมองถึงเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งมันมีประสิทธิภาพในการขับขี่มาก แต่ความจริงพวกมันถูกเข้าใจผิดในบางแง่มุมว่ามีความประหยัด ทั้งที่ความจริงเครื่องยนต์เบนซินที่มีขนาดเหมาะสมอาจให้ความประหยัดกว่าด้วยซ้ำไป

ความเข้าใจของคนไทยกับเครื่องยนต์ดีเซลเกิดขึ้นจากภาพของราคาน้ำมัน และเรื่องพละกำลังแรงบิดในอดีตของรถประเภทนี้ หากความเป็นจริงเครื่องดีเซลสมัยใหม่ แม้จะมีการพัฒนามากกว่าเบนซิน แต่ก็ไม่ได้ประหยัดมากอย่างที่เข้าใจ การขับทางไกลคุณจะได้อัตราประหยัดประมาณ 12-14 ก.ม./ลิตร โดยประมาณ และขับในเมืองจะเฉลี่ยที่ 10-11 ก.ม./ลิตร ซึ่งเป็นความประหยัดระดับเดียวกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร เมื่อขับขี่ทางไกล (เปรียบเทียบจากเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรดีเซล)

และแม้จะมีความพยายามในการลดขนาดเครื่องยนต์ดีเซลให้เล็กลงเพื่อบอกลูกค้าว่ามันประหยัด แต่ความจริงคอ รถกระบะใหม่ๆมีขนาดและน้ำหนักมากขึ้น เครื่องยนต์ที่เล็กลงแม้จะมีกำลังแรงม้ามากขึ้น ในทางหนึ่งก็ต้องมาแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วย เมื่อประกอบกับความสูงใหญ่ของกระบะ พวกมันจึงไม่ได้ประหยัดมากมายนักอย่างที่เราเข้าใจ แถมยังไม่สามารถใช้พลังงานทางเลือกตัวอื่นได้เหมือนเครื่องยยนต์เบนซิน

5.ค่าบำรุงรักษาแพง  คนจำนวนไม่น้อยเลือกซื้อกระบะด้วยความเข้าใจว่าทนทานใช้งานดี ค่าบำรุงรักษาต่ำ ซึ่งเป็นความจริงเพียงครึ่งเดียวของรถกระบะเท่านั้น

สาเหตุที่คนจำนวนไม่น้อยคิดว่ากระบะทนก็มาจากเครื่องยนต์ดีเซลยุคก่อน เรียกว่าใช้กันจนกว่าโครงรถจะรับไม่ไหว บางคัน 20-30 ปี ถ้าอยู่ในสภาพดีก็ยังวิ่งปร๋อใช้งานได้เป็นปกติเหมือนตอนป้ายแดง

ความทนทานของเครื่องยนต์ดีเซลยังมีอยุ่ในยุคนี้ แต่ด้วยพัฒนาการที่ติดตั้งเทอร์โบชาร์จเข้ามา ทำให้ในการใช้งานระยะยาว จะมีค่าบำรุงรักษาจากเทอร์โบชาร์จเพิ่มขึ้น รวมถึงการพัฒนาสู่ยุคเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ทำให้ต้องใช้อะไหล่ประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่นหัวจ่ายน้ำมันในเครื่องยนต์ที่มีแรงดันสูงพิเศษ

ตลอดจนกระบะใหม่ๆ ยังใช้ชุดเกียร์ที่มีความฉลาดมากขึ้น เป็นค่าใช้จ่ายที่คุณจำเป็นต้องคิดในระยะยาว โดยเฉพาะระบบเกียร์ออโต้ และขนาดตัวรถที่เปลี่ยนไปทำให้มีการใช้ยางขนาดใหญ่ เป้นต้น และที่สำคัญค่าใช้จ่ายในการต่อทะเบียนในแต่ละปี รวมถึงค่าประกันภัยกลับสูงกว่ารถเก๋งคอมแพ็คคาร์กว่ามาก

การซื้อรถกระบะในวันนี้คุณจำเป็นต้องคิดให้มั่นและถี่ถ้วน “รถกระบะ” อาจมีข้อดีในการใช้งานในบางมุม และกลับกันก็มีมุมที่คุณต้องคิดว่าคุ้มหรือไม่ที่จะเลือกพวกมันมาเป็นคันเก่งคู่กาย

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.