ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดจากรถดีเซล ก่อปัญหาให้กับทุกคน ในวันนี้เราจึงมาแนะนำรถดีเซลราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่สะอาดด้วยมาตรฐานไอเสียยูโร 5
ทั้งภาครัฐ นักวิชาการ และสื่อมวลชน พากันนำเสนอข่าวของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ไปในทิศทางเดียวกัน ว่าเหตุที่หมอกควันพิษเหล่านี้ลอยปกคลุมอยู่ทั่วกทม. และปริมณฑล มาจากไอเสียของรถเครื่องดีเซลเป็นปริมาณมาก
ดังนั้น วันนี้เราจึงอยากนำเสนอรถเครื่องดีเซลที่มีราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งสะอาดด้วยมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ให้ผู้อ่านได้พิจารณาเลือกซื้อมาใช้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ออกสู่อากาศที่เราท่านกำลังหายใจ
1.Mazda 2 SkyActiv-D 1.5 ลิตร ราคา 680,000-789,000 บาท
เรียกว่ารถที่สร้างยอดขายหลักให้แก่มาสด้าเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา อย่างเจ้า Mazda 2 รถขนาดซัพคอมแพ็คอันมีตัวถังซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบ็ค 5 ประตู พร้อมด้วยขุมพลังเบนซิน SkyActiv-G ขนาด 1.3 ลิตร และเครื่องดีเซลเทอร์โบ SkyActiv-D ขนาด 1.5 ลิตร ที่เรากำลังจะพูดถึงต่อจากนี้
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่อยู่บน Mazda 2 มีพละกำลัง 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบนาที ที่ส่งกำลังสู่ล้อหน้าผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เมื่อรวมกับน้ำหนักตัวรถ 1,161 กก. จึงทำให้เราพบเห็นเจ้ารถเล็กรุ่นนี้ วิ่งแล่นพุ่งเร็วกว่าเพื่อนคู่แข่งในระดับเดียวกัน
นอกเหนือจากความแรงที่หลายคนเล่าลือถึง สิ่งที่คนส่วนใหญ่มองว่ามันเป็นปัญหาอย่างระบบกรองอนุภาคฝุ่นดีเซล หรือ DPF ที่มักทำการเผาเขม่าไอเสียทุกๆ 300-600 กม. ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับรถของเจ้าของ
แต่ความจริงแล้วระบบนี้ช่วยให้ไอเสียของ Mazda 2 SkyActiv-D สะอาดไร้เขม่า ชนิดที่ว่าไม่มีแม้แต่กลิ่นเหม็นออกมา เป็นเพียงลมร้อนๆ เท่านั้น ซึ่งไอเสียที่ปล่อยออกมาได้มาตรฐานยูโร 5 ที่กรองฝุ่น PM 2.5 เกือบหมด นั่นทำให้เจ้า 2 มีมอบความสนุกแก่ผู้ขับขี่ และมอบอากาศอันสะอาดเอี่ยมให้ผู้คนที่อยู่บนโลก
2.Mazda CX-3 SkyActiv-D 1.5 ลิตร ราคา 1,189,000 บาท
ต่อกันด้วยครอสโอเวอร์รุ่นเล็กในเครือมาสด้า ที่มีรูปลักษณ์ถูกใจหนุ่มสาววัย 28-35 ปี โดยรถคันนั้นคือ Mazda CX-3 ที่ปัจจุบันเข้าใกล้การเปลี่ยนโฉมใหม่หมดทั้งคัน แน่นอนว่าตัวที่ขายอยู่ตอนนี้มีขุมพลังให้เลือก 2 แบบ บล็อกแรกเครื่องเบนซิน SkyActiv-G 2.0 ลิตร 156 แรงม้า และขุมพลังดีเซลขนาด 1.5 ลิตร แบบเดียวที่อยู่บน Mazda 2 ซัพคอมแพ็ครุ่นน้อง
อันที่จริงคนที่ซื้อ CX-3 ส่วนใหญ่มักเลือกเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร ไปใช้งาน เพราะได้ความแรงจากม้าฝูงโตกว่า แถมราคาค่าตัวยังถูกกว่าเป็นแสนบาทเมื่อเทียบกับรุ่นดีเซล 1.5 ลิตร ถึงอย่างนั้น รุ่นเครื่องดีเซลก็ได้เปรียบในประเด็นความประหยัดน้ำมัน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยมาตรฐานไอเสียยูโร 5
3.Honda CR-V 1.6 i-DTEC ราคา 1,699,000 บาท
กลุ่มเอสยูวีขนาดกลางเริ่มต้นด้วย Honda CR-V 1.6 i-DTEC รถครอบครัว 7 ที่นั่ง รุ่นยอดนิยมที่พบเห็นได้หนาตาทั่วถนนเมืองไทย โดยกับรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีตัวท็อปติดตั้งขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร ที่ขึ้นชื่อว่าเล็ก แรง และประหยัดด้วยแล้ว เจ้านี่ถือว่ามีดีจนลูกค้าสอยมาใช้งานจำนวนมาก
เวลาที่เราขับตาม CR-V บนท้องถนน ปริมาณรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร มีจำนวนหนาตากว่าชัดเจน แต่ความเด่นของเครื่องดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร 160 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัดน้ำมันไม่แพ้คู่แข่ง แต่พลังความแรงนั้นอาจมีพอใช้ไม่ได้ถึงกับดึงแรงเท่า
ทว่าด้วยความที่เครื่องดีเซล 1.6 ลิตร บน CR-V ถูกนำมาจากรถโฉมที่จำหน่ายในยุโรป จึงทำให้มันมีตัวกรองฝุ่นดีเซล DPF ติดตั้งมาด้วย ส่งผลถึงความสะอาดของไอเสียที่ผ่านมาตรฐานยูโร 5 เฉกเช่นรถเอสยูวีค่ายคู่แข่ง
4.Mazda CX-5 SkyActiv-D 2.2 ราคา 1,560,000-1,770,000 บาท
ปิดท้ายด้วยรถจากเมืองฮิโรชิม่าอีกตามเคย โดยงวดนี้ Mazda CX-5 เอสยูวีที่มีโฉมหล่อสปอร์ตแถมด้วยความหรูแบบมีระดับ ทำเอาลูกค้าหลายคนเซ็นใบจองถอยออกมาวิ่ง ชนิดนับเทียบกปริมาณกับ Honda CR-V ได้สูสี
จุดเด่นที่สุดที่ลูกค้าพูดบอกกันปากต่อปาก คงเป็นเรื่องพละกำลังความแรงและประหยัด ที่ได้จากขุมพลังดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร SkyActiv-D ซึ่งให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร พร้อมด้วยฟีเจอร์ช่วยให้การขับรถเต็มไปด้วยความสนุกและปลอดภัย ดังนั้นจึงไมแปลกใจเลยว่าทำไม CX-5 เครื่องดีเซลจึงได้รับความนิยม
ผลพลอยได้นอกเหนือจากความแรงกับการขับขี่สุดสนุก นั่นเป็นเรื่องที่ CX-5 มีระบบบำบัดไอเสียสุดสะอาด ตามแบบฉบับคลีนดีเซลที่พวกเขาโฆษณาเอาไว้ว่าผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com