เมื่อราคาน้ำมันแพง เชื่อว่าเพื่อนๆ คงอยากจะหาวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หนทางประหยัดในการขับขี่ มีมากมายหลายวิธี ทั้งเปลี่ยนพฤติกรรมและวิธีการขับขี่ แต่ที่นิยมกันมากคือการหาพลังงานทางเลือกใหม่ เพื่อบดค่าใช้จ่ายที่เราใช้ในการขับรถไปถึงจุดหมาย
ทางเลือกหนึ่งที่ดูจะได้รับความนิยมจากผู้ใช้รถอย่างมาก เห้นทีจะไม่พ้นการเลือกใช้พลังงานทางเลือกด้วยการเปลี่ยนชนิดน้ำมัน ปัจจุบันเชื่อว่าน้อยคน คงเลือกเติมเบนซินล้วน และหันมาใช้แก๊สโซฮอลล์ 95 แทน แต่เมื่อจะลองเติมน้ำมันที่มีส่วนผสมแก๊สโซฮอลล์มากกว่านี้ บางคนอาจจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจว่า เราควรจะเลือกเติมอะไรดี
เข้าสูตร.. เข้าใจความประหยัด
แก๊สโซฮอลล์ คืออะไร … แก๊สโซฮอล คือการนิยามการผสมระหว่างน้ำมันเบนซินปกติหรือศัพท์ทางฝรั่งมังค่าเรียกมันว่า “แก๊สโซลีน” (ส่วนตัวเลขข้างหลังคือ ค่าออกเทน) กับ เอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอลที่สกัดมาจากพืช อาทิ อ้อย ที่สามารถผลิตแอลกอฮอลบริษัท 100%
ส่วนผสมทั้งสอง ถูกนำมาผสมเพื่อให้พลังงานกับเครื่องยนต์ โดยมีสูตรในการสะสมแตกต่างกัน ตามอัตราส่วนผสมของเอทนอลที่เจือปนลงไป โดยตัว E ที่แทนทางด้านหน้า แทนถึงเอทานอล ส่วนตัวเลขที่ตามมาด้านหลังหมายถึงอัตราส่วนที่ผสมลงไป
ดังนั้นเมื่อ คุณดูในปั้มน้ำมันจะพบว่า มีน้ำมันแก๊สโซฮอล ให้เราเติมใช้ 3 แบบ สำคัญ ได้แก่ แก๊สโซฮอลธรรมดา หรือ E 10 , แก๊สโซฮอลล์ E20 ผสมเอทานอลร้อยละ 20 ของน้ำมัน และ แก๊สโซฮอล 85 หลายคนอาจถนัดเรียก E85 อันแทนถึงการผสมเอทานอลสูงถึงร้อยละ 85 ของน้ำมัน 1 ลิตร
และอย่างที่คุณเห็น ยิ่งเชื้อเพลิงที่เติมใส่รถคุณมีเอทานอลผสมมากขึ้น ราคาน้ำมันจำหน่ายปลีกจะยิ่งถูกลง มันดูหอมหวานน่าเชื่อเชิญให้ใช้งาน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ทำไมถึงถูกกว่า
“เอทานอล” เป็นตัวแปรที่สำคัญในการทำให้ราคาน้ำมันแต่ละชนิดที่ผสมในน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ถูกลง ด้วยเอทานอลที่ใช้ในการผสมในเนื้อน้ำมันทั้งหมดผลิตในประเทศไทย จากภาคเกษตรกรรม จึงทำให้มีต้นทุนไม่สูงนัก
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ในไตรมาสที่ 4 ของ ปี พ.ศ. 2560 ราคาต้นทุนเอทนอลที่มาจากกากน้ำตาล (อ้อย) มีต้นทุนอยู่ที่ 34.40 บาท/ลิตร เอทานอลที่ทำมาจากหัวมันสด (มันสำปะหลัง) อยู่ที่ 20.40 บาท/ลิตร และเอทานอลจากมันเส้น อยุ่ที่ 23. 90 บาทต่อลิตร
จะเห็นได้ว่าต้นทุนของเอทานอลที่นำไปใช้ผสมน้ำมันแก๊สโซฮอลไม่ได้สูงนัก ทำให้น้ำมันที่ผสมเอทานอลลงไปจะมีราคาถูกลงตามระดับการผสมของผู้ผลิต
ถ้าเปรียบเทียบความแตกต่างราคาขายปลีกของ น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ แต่ละชนิด จะพบว่า น้ำมัน E20 และ E85 มีราคาแตกต่างจากเบนซิน 95 มาก และเมื่อเทียบกับแก๊สโซฮอล 95 ก็ยังถูกว่ามากอยู่ดี แต่มันจะคุ้มค่าหรือไม่ ที่จะเติม
ตารางแสดงความแตกต่างทางด้านราคาของพลังงานแต่ละชนิด
ราคาจำหน่าย (บาท/ลิตร) |
ถูกกว่าร้อยละ
|
|||
เบนซิน 95 |
36.36 |
– | – | – |
แก๊สโซฮอลล์ 95 |
29.25 |
19.55 |
– | – |
แก๊สโซฮลล E20 |
26.74 |
26.45 |
8.58 |
– |
แก๊สโซฮอล E85 | 21.14 | 41.85 | 27.72 |
20.94 |
ราคาจำหน่าย ณ วันที่เขียนบทความ ( 13/06/2018)
E20 VS E85 เติมอะไรประหยัดคุ้มกว่ากัน
จากตารางที่เราทำออกมาให้ดู คงจะเห็นว่า ในการเปลี่ยนไปเติมนำมันแก๊สโซฮอลล์ที่มากกว่า E10 ถ้าคุณเลือก E20 จะมีความแตกต่างทางด้านราคาเพียงร้อยละ 8 เท่านั้น แต่ถ้าเลือก E85 ค่าใช้จ่ายคุณจะถูกกว่าถึง ร้อยละ 20 เลยทีเดียว
หลายคนที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลมาก่อน แล้วเปลี่ยนมาใช้น้ำมันที่ส่วนผสมเอทานอลสูงกว่า คงจะเคยเห็นหรือได้ยินเพื่อนๆ ที่ใช้พลังงานทางเลือกบอกว่า น้ำมันหมดเร็วกว่ามาก … บางคนอ้างว่าเป็นเรื่องความร้อนจากการทำงานของเครื่องยนต์ บ้างอาจคิดว่าน้ำมันแก๊สโซฮอลระเหยง่ายกว่า จากความเชื่อ เรื่องแอลกอฮอลติดไฟง่ายกว่า แต่ทั้งหมดอาจอยู่ตรงหน้าและไม่มีใครเคยบอกคุณเรื่อง พลังงานที่ได้จากน้ำมัน
ด้วยการผสมระหว่างน้ำมันเบนซินและเอทานอล พลังงานทั้ง 2 อย่างมีความหนาแน่นพลังงาน (Energy Density) แตกต่างกัน น้ำมันเบนซิน 100% ไมว่าออกเทนอะไรก็ตามมีค่าพลังงานอยู่ที่ 34.2 เมกะจูลต่อลิตร ส่วนเจ้าเอทานอลที่เรานำมาใช้ผสมน้ำมัน มีค่าพลังงาน 24 เมกะจูลต่อลิตร เมื่อทั้งคู่ถูกนำมาผสมเป็นแก๊สโซฮอล จึงมีค่าพลังงานต่ำลงตามลำดับการผสม ดังนี้
ชนิดน้ำมัน | ค่าพลังงาน (เมกะจูล) | ความร้อนที่ได้ (บีทียู/แกลลอน) |
แก๊สโซฮอล E10 | 33.18 | 111,070 |
แก๊สโซฮอล E20 | 32.16 | 107,140 |
แก๊สโซฮอล E85 | 25.65 | 81,595 |
ค่าพลังงานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ค่าพลังงานจาก E20 กับแก๊สโซฮอล 95 ไม่มีความแตกต่างกันมาก แต่เมื่อคุณกระโดดไปแก๊สโซฮอล E85 ค่าพลังงานจะมีความแตกต่างอย่างชัดเจน
ค่าพลังงานต่ำลงให้ค่าความร้อนในการเผาไหม้ต่ำลงด้วย เป็นสาเหตุสำคัญว่า ทำไมเมื่อคุณใช้น้ำมันแก๊สโซลฮอล E85 แล้วน้ำมันหายตัวเร็วกว่า และต้องเติมย่อยกว่าเดิม แม้ว่าจะมีราคาถูกกว่าก็ตามที
จากการทดสอบรถยนต์ของผม มีหลายครั้งที่ทดลองเปรียบเทียบกับ E85 หนึ่งในนั้นคือรถยนต์ Honda City รุ่นโฉมปี 2014
จากการขับทดสอบจริงผมพบ ว่า น้ำมันแก๊สโซฮอลแต่ละชนิด ให้อัตราประหยัดที่แตกต่างต่างกัน โดยน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ค่อนข้างจะซดกว่า พอสมควร
ตารางแสดงอัตราประหยัดเปรียบเทียบระหว่างน้ำมันแต่ละ ชนิด
ในเมือง (ก.ม./ลิตร) | นอกเมือง (ก.ม./ลิตร) | ค่าใช้จ่ายเมื่อเติมเต็มถังขนาด 42 ลิตร (บาท) | |
E10 95 | 10.61 | 14.9 | 1,221 |
E20 | 10.2 | 14.5 | 1,123 |
E85 | 9.5 | 10.6 | 888 |
หมายเหตุ 1.การทดสอบในเมือง ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม. นอกเมือง วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดไม่เกิน 120 ก.ม./ช.ม. , 2. ค่าความแตกต่างของอัตราประหยัด อาจจะต่างออกไปอีกตามขนาดของเครื่องยนต์
จากข้อมูลการขับจริง จะพบว่า น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 มีอัตราประหยัดน้อยที่สุด แต่ก็เติมถูกที่สุดด้วยเช่นกัน จากข้อมูลที่เราทดสอบ ลองมาเปรียบเทียบความคุ้มค่าที่ได้จากการเติมน้ำมัน แต่ละประเภท จะพบว่า
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 เติมน้ำมัน 1 ลิตร 29.25 บาท /ลิตร สามารถ วิ่งในเมืองได้ 10.61 ก.ม หรือ มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 2.75 /ก.ม.บาท ส่วนนอกเมืองเดินทางได้ 14.9 ก.ม. หรือมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 1.96 บาท /ก.ม.
ทางด้าน แก๊สโซฮอล e20 เติมน้ำมัน 1 ลิตร 26.74 บาท สามารถเดินทางในเมืองได้ 10.2 ก.ม. หรือมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 2.62 บาท/ก.ม. ส่วนเดินทางนอกเมืองขับได้ 14.5 ก.ม. คิดเป็นค่าใช้จ่าย 1.84 บาท/ก.ม.
และท้ายสุดโจทย์ของเรา E85 ราคาลิตรละ 21.14 บาท ในเมืองเดินทางได้ 9.5 ก.ม. หรือมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 2.22 บาท/ ก.ม. ขณะการเดินทางนอกเมือง ทำได้ 10.6 ก.ม. หรือ มีค่าใช้จ่าย 1.99 บาท/ก.ม.
และด้วยความเป็นจริงว่า เราไม่ได้ขับรถกันวันละ ไม่กี่สิบกิโลเมตร เราจึงจัดการปัดเป็นหน่วย ลิตร /100 ก.ม. และได้ค่าใช้จ่ายดังนี้
ค่าใช้จ่ายการเดินทางในเมือง
ในเมือง (ลิตร/100ก.ม. ) | ค่าน้ำมันที่ต้องเติม (บาท) | |
E10 91 | 9.42 | 276 |
E20 | 9.80 | 262 |
E85 | 10.52 | 222 |
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางนอกเมือง
นอกเมือง (ลิตร/100ก.ม. ) | ค่าน้ำมันที่ต้องเติม (บาท) | |
E10 91 | 6.71 | 196 |
E20 | 6.89 | 185 |
E85 | 9.43 | 199.35 |
ดังนั้นจึงกล่าวสรุปได้ว่า ถ้าเทียบ E20 VS E85 น้ำมัน E85 มีความประหยัดมากกว่าในแง่ราคาขายปลีก และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่อัตราประหยัดของมันต่อระยะทางน้อยกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล ประเภทอื่นๆ เนื่องจากค่าพลังงานน้อยกว่า ทำให้ หัวฉีดต้องจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้เยอะกว่า โดยเฉพาะคนที่ขับรถแล้วเร่งเครื่องยนต์รอบสูงบ่อยครั้ง เช่น ออกตัว หรือ เร่งแซง
นั่นทำให้ในภาวะขับๆ เบรกๆ หรือ Stop and Go น้ำมัน E85 จะกินมากกว่า ส่วนขับขี่ทางไกล ถ้ามีการเร่งแซงบ่อยก็ให้ผลเดียวกัน คือรถจะกินน้ำมันค่อนข้างมาก และ การขับขี่ด้วยรอบเครื่องยนต์สูงบ่อยครั้ง ทำให้ซดน้ำมันมากกว่า จนทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่สามารถสู้ E20 ได้
ดังนั้น ถามผม E85 เหมาะกับการใช้งานในเมืองมากกว่า ซึ่งรถติดมหาศาล เครื่องยนต์คุณเดินเบาจ่ายน้ำมันน้อยๆ คุณไม่สิ้นเปลืองพลังงานไปกับของราคาแพง เพราะอย่างไรก็ติดเหมือนกัน แต่ถ้าวันไหนคุณวิ่งนอกเมือง ก็เปลี่ยนไปใช้น้ำมัน ประเภทอื่นจะประหยัดและคุ้มค่ากว่า ในแง่ของประสิทธิภาพที่ได้จากน้ำมัน
ดังนั้น การประหยัดไม่ใช่เติมพลังงานทางเลือกที่ถูกที่สุด แต่ควรจะต้องเลือกเติมที่คุ้มค่าที่สุดในการขับขี่ ทีมงาน ridebuster เราเคยเขียนเรื่องการเลือกเติมน้ำมันให้คุ้มค่าไว้แล้ว สามารถอ่านได้ที่นี่
หลายคนยังไม่กล้าใช้ E85 ด้วยตระหนกจากข้อการใช้งานจากผู้ใช้บางคน ที่อาจจะไม่เข้าใจถึงน้ำมันทางเลือกประเภทนี้ E85 ถูกกว่า มีความสามารถมากกว่าและรักษาสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่ถ้าคุณใช้น้ำมันถูกต้องตามภาวะที่มันเหมาะสม บอกเลยว่า จะให้ความคุ้มค่าประหยัดค่าใช้จ่ายครับ
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com