Home » เทียบจะๆ ชัดๆ ไฟฮาโลเจน-Xenon-LED มันสว่างต่างกันมากขนาดไหน
LED2
Bust topic เคล็ดลับเรื่องรถ

เทียบจะๆ ชัดๆ ไฟฮาโลเจน-Xenon-LED มันสว่างต่างกันมากขนาดไหน

เทคโนโลยีในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร โดยเฉพาะไฟหน้ารถยนต์มีการเปลี่ยนให้มีการส่องสว่างมากขึ้นอำนวยความสะดวกในการขับขี่ เพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองเห็นรถยนต์ที่เราขับขี่ ที่ผ่านมาเรามักคิดว่าไฟใหม่ๆ ส่องสว่างดีกว่าเก่าเสมอ แต่มันเป็นแบบนั้จริงหรือไม่ คุณเคยสงสัยกันหรือเปล่า

ไฟหน้ารถยนต์ที่ใช้กันในปัจจุบัน มีทั้งสิ้น  3  แบบ ด้วยกัน คือ  ไฟฮาโลเจน, Xenon และ  LED   แต่หลายคนอาจจะไม่เคยตระหนักในความสามารถส่องสว่างของชุดไฟที่มีในรถยนต์สักเท่าไรนัก แต่ว่าการทดสอบล่าสุดจากต่างประเทศนี้ชี้ให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ จนคุณอาจจะคิดได้ว่าจ่ายเงินเพิ่มอีกนิด เพิ่มความปลอดภัยมากกว่า

วีดีโอนี้ทีมงาน   Ridebuster  เราไปพบบน   youtube   มันเป็น วีดีโอที่ทำโดยคนเล่นรถโดยนำเอารถยนต์ที่มี  3  ระบบไฟส่องสว่างต่างกันมาเปิดเผยการส่องสว่างให้เห้นชัดแจ้งแจ่มแมวกันไปเลย

โดยการเปรียบเทียบเริ่มแรก นำรถยนต์   Volkswagen Golf  ที่มีไฟหน้าฮาโลเจน มาจอดห่างจากโรงรถ  10  ฟุต เช่นเดียวกันนำรถ  Porsche  911  ที่ติดตั้งไฟซีนอนมาส่องเปรียบเทียบกัน จากนั้นทำการวัดแสงโดยอุปกรณ์

จากนั้นนำรถ Porsche 911  รุ่นใหม่ ที่เป็นชุดไฟ   LED   มาทำการเปรียบเทียบกับ ไฟซีนอน เพื่อให้เห็นความแตกต่างมากขึ้น

ตามการทำการทดลองดังกล่าว ผลชี้ชัดว่า ไฟซีนอน มีค่าการส่องสว่าง หรือ LUX   มากกว่า ไฟฮาโลเจนที่พบได้ตามรถยนต์ทั่วไปถึง เท่าตัว ด้วยค่าส่องสว่างไฟฮาโลเจนที่ตำแหน่งไฟต่ำเพียง   650  Lux  ขณะที่ไฟซีนอนมีค่าส่องสว่าง  1100 Lux  แต่เมื่อเทียบไฟซีนอนกับไฟ LED   จะพบว่าไฟLED  ส่องสว่างดีกว่าประมาณ   40%  ด้วยค่าส่องสว่าง 1,600 Lux

นอกจากการวัดในการส่องสว่างในตำแหน่งไฟต่ำแล้ว ในการทดสอบในคลิปดังกล่าวยังแสดงการวัดในตำแหน่งไฟสูง โดยจากผลชี้ว่า ในตำแหน่งไฟสูง ไฟหน้า  Xenon   จะส่องสว่างดีที่สุดที่   3,800 Lux  ส่วนไฟ  LED   จะด้อยกว่าเล็กน้อย ส่วนไฟฮาโลเจน สามารถเพิ่มการส่องสว่างในตำแหน่งไฟสูงดีที่สุด 2,200 Lux  

การทดลองนี้เป็นการทดลองใน่างประเทศ เพื่อชี้ให้เห็นว่าชุดไฟที่ต่างกันมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และสำหรับใครที่มีโอกาสเลือกซื้อรถใหม่ บางทีถ้าคุณสามารถเลือกรถที่มีระบบไฟส่องสว่างที่ดีได้ มันอาจจะช่วยในความปลอดภัยการขับขี่มากยิ่งขึ้น

ที่มา   Nick Murray- Youtube                                 

ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์ …. เนื้อหาดีๆ ต้องแบ่งปันต่อ แล้วอย่าลืมถูกใจ เพื่อรับข่าวสารยานยนต์ดีๆ จากทีมงานคุณภาพ Ridebuster – ส่องรถ ….

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*