Home » เปิดทริคระดับเซียน “ขายรถ” อย่างไรให้ได้ราคาดี
1992-mercedes-benz-e-class-2
สาระเรื่องซื้อรถ เคล็ดลับเรื่องรถ

เปิดทริคระดับเซียน “ขายรถ” อย่างไรให้ได้ราคาดี

ทุกวันนี้เราอาจจะเริ่มเยื่อรถยนต์ที่เราใช้อยู่เป็นประจำ ทว่าการจะกำจัดพวกมันออกไปจากชีวิตก็ยากมากพอๆ กับตอนซื้อ พวกเราหลายคนกังวลเรื่องราคาขายแต่อย่างมาก ถึงขั้นรุนแรงระดับคิดว่าจะทำอย่างไรให้ได้กำไรจากอีกแก่ที่บ้าน ทั้งที่รถยนต์มีคาเสื่อสภาพจากการใช้งาน และวันนี้ ถ้าพวกคุณกำลังคิดขายรถยนต์คันเก่งที่บ้าน อาจต้องการคำแนะนำดีๆ

หลายครั้งหลายคน เราเคยได้ยืนเรื่องราวการขายรถยนต์ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำของบรรดาพ่อค้า แต่พวกเขามีวิธีและแนวทางอย่างไร ที่ทำกำไรได้ ทริคการขายคือสูตรสำคัญของการขายรถยนต์ และเรากำลังเอาความรับพ่อค้ารถยนต์มือฉมังมาบอกเพื่อนๆ ถึงหลักและแนวทางการขายที่อาจจะทำให้คุณได้กำไรจากอีแก่อย่างงาม

1.เตรียมพร้อมก่อนการขาย

หลักการเป็นนักขายที่ดี คุควรทำการบ้านเพื่อรับมือกับบรรดาผู้ซื้อที่มีมากมายหลากหลายประเภท แต่ไม่ว่าคุณจะเจอผู้ซื้อแบบใด พวกเขามีบางอย่างเหมือนกัน คือการต้องตัดสินใจในการซื้อ และไม่มีอะไรดีกว่าการที่คุณให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่พวกเขา
การเตรียมข้อมูลเบื้องต้น จำเป็นอย่างยิ่ง เช่น รุ่นรถ,ไมล์ระยะทางใช้งาน,ข้อมูลการจดทะเบียน ตลอดจนข้อมูลทางด้านความเป็นเจ้าของเดิม ทั้งหมด ทำให้มูลค่าของรถแต่ละคันที่ขายในตลาดมือสองต่างกันออกไป ยิ่งรถสภาพดีก็ยิ่งมีราคามากขึ้น

และนอกจากข้อมูลเกี่ยวกับตัวรถแล้ว สภาพรถก็นับเป็นอีกสิ่งที่ผู้ซื้อสนใจ คุณคงไม่อยากให้ผู้ซื้อมาเห็นรถในสภาพบุโรทั่ง เช่นมีรอยรอบคัน ภายในเน่าสนิท หรือ สภาพดูไม่น่าใช้ พวกมันเป็นจุดบอดสำคัญต่อการต่อรองราคา คุณสมควรปิดจุบอดเหล่านี้ เว้นว่าอยากจะขายรถตามสภาพ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน

1992-mercedes-benz-e-class-4

2.ประเมินราคาและตั้งราคาในใจ

ข้อควรจำที่สำคัญคือรถยนต์เมื่อใช้งานแล้ว มันจะมีการเสื่อสภาพทันที การขายรถยนต์ให้ได้ราคาหรือไม่ ไม่ใช่ว่าคุณจะคิดว่า ราคาขายจะต้องไม่ต่ำมากจากราคาซื้อรถใหม่ของคุณ
หลักตามปกติพ่อค้ารถยนต์มือสอง คือ ขายให้ได้มากกว่าราคารับซื้อ

แต่เนื่องจากคุณขายรถยนต์เอง ต้องคิดในแบบที่แตกต่าง คือ ขายให้ได้มากกว่าเพื่อนร่วมรุ่น แบบนี้แหละครับ ถึงจะเรียกว่าขายรถได้ราคา

วิธีการขายรถให้ได้ราคาก็ง่ายมาก เริ่มจากคุณต้องประเมินมาตรฐานรถรุ่นของคุณในตลาดก่อนว่าจะมีราคาขายเท่าไร เดี๋ยวนี้ดลกอินเตอร์เน็ตกว้างไกล เปิดดูเลยครับเว็บรถมือสอง  Carmana,ตลาดรถ, One2car   ศึกษาข้อมูลรถรุ่นของคุณว่ามีราคาเท่าใด ตลอดจนจำนวนรถในตลาด และดูความต้องการของลูกค้าที่อาจจะหันมาเล่นรถรุ่นที่คุณใช้ เคาะราคาในใจมาคร่าวๆ ว่าน่าจะขายได้เท่าไร เป็นตัวตั้งของโจทย์การขายรถ

3.ขายให้ดีลเลอร์รถใหม่

ถ้าคุณกำลังอยากได้รถใหม่สักคัน และอยากขายรถคันเก่า อย่าไปวุ่นวายเวิ้นเว้อให้มาก คุณมีเงินพร้อมก็กำตังค์ขับรถเข้าดีลเลอร์รถที่คุณชอบไปเลย ปกติแล้วเซลล์ขายรถยนต์เขาจะมีบริการรับเทิร์นรถเก่าอยู่แล้ว ยิ่งปัจจุบันบรรดาบริษัทรถยนต์หันมาทำโปรโมชั่นแบบนี้มากขึ้น อาทิ  Chevrolet   ที่สามารถเทิร์นรถเก่าได้ถึง 50,000 บาท จากมูลค่าปกติ เปรียบเทียบมันก็เหมือนคุณได้กำไรจากการขายรถนั่นแหละครับ เพียงแค่คุณอาจจะไม่เห็นตัวเงินเป็นรูปธรรมก็เท่านั้นเอง
ดังนั้นถ้าคุณคิดจะซื้อรถยนต์ใหม่อยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาย ขับเข้าโชว์รูมไปเอารถใหม่มาเลยดีกว่า สบายไม่ยุ่งยากเสียเวลาด้วยครับ

w1

4.หรือจะขายเอง

หลายคนชอบมาบ่นกับผมว่า เต็นท์ หรือเซลล์ ตีราคารถให้ค่อนข้างต่ำแบะไม่พอใจคนพวกนี้ที่ดูเหมือนจะพยายามกดราคารถแสนรักที่ใช้งานอย่างดีไม่งอแง อันที่จริงแล้ว ตามปกติการซื้อรถจะตกต่ำกว่าอยู่แล้วเพื่อให้เกิดการต่อรอง คุณยังมีอำนาจในการพูดคุยกับพ่อค้า แต่ถ้าไม่ได้ตามต้องการ หรือคิดว่าโดนกดราคาต่ำเกินไป อาจจะรองขายเอง

ที่พ่อค้าหรือนักรับซื้อรถ ส่วนใหญ่ประเมินราคาต่ำกว่าที่คุณคาด ทั้งที่ดูจากอินเตอร์เน็ต ก็เนื่องจาก ราคารถที่เราเห็นนั้นคือราคาหน้าร้าน การรับซื้อรถของเต็นท์โดยมากจะประมวลถึงอีกหลายสิ่ง เช่นความยากหรือง่ายในการปล่อยรถ , ความต้องการของตลาด, ทั้งหมดแปลออกมาเป็นค่าเสียเวลาในการจอดรถทิ้งไว้ ทำให้พวกเขาต้องซื้อรถราคาต่ำกว่าที่เราคิด

แนวทางที่คุณจะทำราคาได้ตามที่เห็นบนอินเตอร์เน็ต คือ “ขายเอง” มันมีข้อดีตรงราคาอาจจะได้ตามที่คุณต้องการ เช่นรถรุ่นนี้ราคากลาง 3 แสน คุณก็น่าจะได้ 3 แสนบาทอาจจะติดลบเล็กน้อยจากการต่อรอง เต็มที่ไม่เกิน 2 หมื่นบาท เทียบกับการขายให้เต๊นท์ แล้ว ราคาประเมินจะต่ำกว่านี้มากพอสมควร

การขายเอง คือคุณต้องจัดการเองทุกอย่าง ราคาขาย การถ่ายภาพ  และช่องทางการแนะนำรถคุณให้เป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือหนังสือรถต่างๆ คุณต้องจัดการเอง แม้กระทั่งการวางป้ายขายตามริมถนนก็อาจจะต้องจัดการเอง แต่ถ้าโชคดีคุณจะไม่นานจนเกินไปที่จะปล่อยรถของคุณ ไปหาเจ้าของใหม่ ซึ่งปัจจุบันด้วยการสื่อสารล้ำสมัยก็ไม่ยากจนเกินไปนัก

5.โชว์ความมั่นใจ

หลายครั้งตอนช่วงขายรถ คุณจะถูกทดสอบความมั่นใจต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องราวของสภาพรถ ว่าสมบูรณ์ตามที่ประกาศขายหรือไม่

การดูรถมือสอง ก็เหมือนการที่ลูกค้าพยายามหาจุดติในรถคุณ จำได้ไหมที่ผมบอกว่า  ให้ทำการบ้านรักษาสภาพรถ ตรงนี้แหละครับที่จะเป็นจุดที่ทำให้คุณมีชัยเหนือลูกค้า เนื่องจากคุณเปลี่ยนสิ่งต่างๆเอาไว้แล้ว และสภาพมันพร้อมช้งานมากขึ้น คุณรู้ว่าได้ปรับปรุงอะไรไปบ้าง อย่าลืมโชว์ความมั่นใจต่อลูกค้า เช่นบุ๊คเซอร์วิส ,ใบเสร็จเปลี่ยนยางใหม่ ที่เพิ่งซื้อมา ของแบบนี้ ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่ารถคุณไม่สภาพย้อมแมว
คุณต้องโชว์มันออกมา อย่าหงอ ทำให้ผู้ซื้อเขามั่นใจว่ารถคุณดี ที่จริงทุกคนพร้อมจ่ายเพื่อสิ่งที่ดีกว่าอยู่แล้ว แต่เขาต้องมั่นใจก็แค่นั้น

 

6.จบการขาย

หลักข้อสำคัญของการเป็นนักขายที่ดี คือการจบการขายเมื่อทำได้

พวกเราหลายคนไม่ได้ฝึกมาเป็นพ่อค้าแม่ขายจึงไม่ได้มองเรื่องนี้ในลักษณะของเชิงวิธีการ เรารู้แค่ว่าพวกเขาขายทำกำไรได้มากมายเท่านั้นเอง

หลักการขายที่สำคัญ คือ จบการขายเมือทำได้ เช่นเมื่อลูกค้ากำลังคิดหนัก ระหว่างซื้อไม่ซื้อ คุณอาจจะยืนข้อเสนอที่ทำให้ลูกค้าไม่สามารถปฏิเสธได้ แล้วจบการขายรถของคุณทันที บางครั้งคุณอาจจะยอมลดราคาให้อีกหน่อย ตามที่ลูกค้าต้องการ เหมือนคุณจะโดนเฉือนกำไรออกไป แต่ก็ได้ตามประสงค์ คือขายรถได้ตามราคาที่สมควรจะเป็น
เมื่อจบการขายแล้ว อย่าลืมทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเก็บไว้ พร้อมสำเนาทั้ง 2 ฝ่าย ให้วางเงินจองหรือมัดจำเบื้องต้นไว้ เพื่อแสดงถึงข้อตกลงที่เกิดขึ้น แล้วจึงนัดกันไปโอนรถอีกครั้งหนึ่ง ในวันต่อๆ ไป

การขายรถที่เราใช้อยู่ อาจจะดูเป็นเรื่องยาก แต่ต้องยอมรับว่าด้วยการสื่อสารอันทันสมัยในยุคนี้ ทำให้การขายรถยนต์เป็นเรื่องง่ายมากกว่าที่คิด หากบางครั้งเราก็ต้องติดว่าเวลาเรามีค่ามากกว่าจัดการเรื่องหยุมหยิมในชีวิต บางทียอมขาดทุนสักนิดเพื่อคว้าสิ่งใหม่เข้ามาในชีวิตก็เป็นทางออกที่ดีเช่นกัน 

 

ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา   ridebuster.com 



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*