Home » ‘วอร์มเครื่องก่อนขับ’ รถยนต์ยุคใหม่ยังจำเป็นอยู่หรือเปล่า?
วอร์มเครื่องยนต์
Bust Technic เคล็ดลับเรื่องรถ

‘วอร์มเครื่องก่อนขับ’ รถยนต์ยุคใหม่ยังจำเป็นอยู่หรือเปล่า?

คุณผู้อ่านท่านใดยังสตาร์ทรถวอร์มเครื่องก่อนออกรถเป็นเวลานานบ้างหรือเปล่า? เพราะความเชื่อว่าจะช่วยให้เครื่องยนต์ไม่เสื่อมสภาพไว ว่าแต่มันส่งผลขนาดนั้นจริงหรือ?

เราเชื่อว่ายังมีผู้ใช้รถหลายคนสตาร์ทรถเพื่ออุ่นเครื่องในตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน รอจนกว่าเครื่องยนต์จะถึงอุณหภูมิทำงาน เกจความร้อนขึ้นเกือบถึงจุดกึ่งกลาง ซึ่งใช้เวลาราวๆ 1-5 นาที แล้วแต่รถยนต์รวมถึงอายุการใช้งาน จะว่าไปแล้วการวอร์มเครื่องก่อนขับยังจำเป็นอยู่อีกหรือสำหรับรถยุคใหม่ วันนี้เราพาทุกท่านไปหาคำตอบกัน

วอร์มเครื่องก่อนขับ… จำเป็นแค่ไหนในรถยนต์ยุคเก่า

ประเด็นอุ่นเครื่องรถก่อนจะขับออกเดินทางในตอนเช้า เป็นที่พูดถึงกันมาต่อเนื่องตลอดเวลา โดยเฉพาะกับคนที่มีอายุเกิน 30 ปี หลายท่านถูกปลูกฝังจากคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดกัน ว่าให้วอร์มเครื่องยนต์จนถึงถึงอุณหภูมิทำงานก่อนค่อยออกรถ เพื่อให้น้ำมันเครื่องถูกดูดขึ้นไปหล่อเลี้ยงไหลเวียนชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ รวมไปถึงอุณหภูมิหม้อน้ำที่ร้อนพอเหมาะพอดี

ที่กล่าวมาก่อนหน้าเป็นเรื่องจริงที่ควรปฏิบัติเมื่อคุณใช้รถยนต์เก่าอายุเกิน 20 ปี เพราะช่วงก่อนหน้านั้นรถยนต์ยังพึ่งพากลไกแม็คคานิกส์ ในการขับเคลื่อนชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ ตลอดจนน้ำมันเครื่องสมัยก่อนยังไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงเหมือนทุกวันนี้ บ้างก็ใช้แบบกึ่งสังเคราะห์หรือน้ำมันเกรดธรรมดา

นั่นหมายความว่าด้วยน้ำมันเครื่องเกรดธรรมดาที่สกัดจากน้ำมันดิบ หรือน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ยุคแรกๆ ยังมีอัตราการไหลเวียนของน้ำมันที่ช้าและหนืดในช่วงอุณหภูมิต่ำ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่รถสมัยเก่าต้องอาศัยการวอร์มเครื่องยนต์ด้วยรอบเดินเบา เพื่อสร้างอุณหภูมิภายในระบบให้ร้อนพอที่น้ำมันเครื่องจะไหลเวียนไปเลี้ยงชิ้นส่วนได้ครบถ้วน

ขณะเดียวกัน เรื่องของอุณหภูมิหม้อน้ำในการรถเก่านั้น บรรดาเซ็นเซอร์ตลอดจนวาล์วน้ำอาจมีสภาพไม่สมบูรณ์เต็มร้อยเหมือนรถใหม่ การวอร์มเครื่องให้อุ่นพอดีจึงถือว่าช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดต่อเครื่องยนต์ได้ดี

หากเป็นรถยุคปัจจุบันการวอร์มเครื่องควรทำอย่างไร?

หากคุณครอบครองรถยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง กระบะ เอสยูวี รถหรู หรือรถสปอร์ต ตอนเช้าก่อนออกจากบ้านไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่กระโดดขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่อง จากนั้นปล่อยให้รอบเครื่องยนต์ที่พุ่งสูงขึ้นราว 5-10 วินาที ตกลงมาอยู่ในรอบเดินเบาปกติ แล้วค่อยๆ ขับรถออกตัวไปช้าๆ อย่าเพิ่งใช้ความเร็วหรือเค้นรอบสูง แค่เพียงระยะทางประมาณ 1-2 กม. อุณหภูมิในหม้อน้ำก็จะขึ้นมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมแล้ว

ฟังดูมันเป็นเรื่องง่ายมาก ซึ่งบางคนก็สงสัยว่าแล้วมันจะไม่ทำร้ายชิ้นส่วนในเครื่องยนต์หรือ? เราบอกได้เลยว่าไม่ เนื่องจากรถยุคปัจจุบันมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดตามจุดต่างๆ มากมาย ทุกจุดทำงานสอดคล้องกันเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด และคำนึงถึงเรื่องค่ามลพิษที่ถูกปล่อยออกมา

วอร์มเครื่องยนต์

อีกประการที่ช่วยให้การสตาร์ทรถแล้วขับออกไปโดยไม่ต้องวอร์มเมื่อใช้รถยุคปัจจุบัน ก็มาจากการที่รถยุคปัจจุบันกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำให้ใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ และมีหลายคันที่บังคับให้ใช้สังเคราะห์แท้

นั่นหมายความว่าอัตราการไหลเวียนน้ำมันเครื่องในอุณหภูมิต่ำจะทำได้รวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาทีน้ำมันเครื่องก็จะถูกสูบขึ้นไปหล่อเลี้ยงบริเวณแคมชาร์ฟ ลูกสูบ ตลอดจนชิ้นส่วนอื่นๆ ในเครื่องครบถ้วน ต่างจากรถสมัยก่อนที่ต้องอุ่นน้ำมันเครื่องกับน้ำหม้อน้ำให้ถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม

วอร์มเครื่องยนต์

เราขอสรุปวิธีการสั้นๆ เพื่อประโยชน์ของผู้อ่านดังนี้

1.สตาร์มเครื่องยนต์แล้วรอให้รอบเครื่องตกลงมาอยู่ที่รอบเดินเบาปกติ

2.คาดเข็มขัดนิรภัย เช็คกระจกมองข้าง กระจกมองหลังให้เรียบร้อย

3.ค่อยเลื่อนรถออกไปใช้ความเร็วกับรอบเครื่องที่ไม่สูงนัก

4.ขับไปเรื่อยๆ ใช้ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เป็นระยะทางประมาณ 1-2 กม.

5.เมื่อเข็มวัดอุณหภูมิหม้อน้ำถึงจุดกึ่งกลางก็ขับรถได้ตามปกติ

จริงๆ ถ้าใครสตาร์ทรถแล้วออกตัวเลยก็ไม่ผิดแต่อย่างใด ซึ่งวิธีที่เรานำเสนอเป็นเหมือนจุดกึ่งกลางที่ช่วยให้เจ้าของรถรู้สึกว่ารถของท่าน ได้รับการปกป้องและมีการทำงานแบบเต็มประสิทธิภาพ และเจ้าของรถรู้สึกอุ่นใจว่ายานพาหนะคู่ใจจะทนทานอยู่กันไปยาวนาน

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.