ในช่วงหลายปีทีผ่านมาผ่านมารถยนต์ขนาดเล็กถูกพัฒนาสมรรถนะในการขับขี่ให้ทัดเทียมกับรถยนต์ขนาดใหญ่และประหยัดต้นทุนการผลิตมากขึ้น
หนึ่งในหลายองค์ประกอบรถยนต์ขนาดเล็กยุคใหม่ก็ไม่พ้นเจ้าช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam หรือที่คนไทยเรียกว่า .”คานบิด”ซึ่งหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกมันขับไม่ดีเท่าช่วงล่างอิสระอย่าง “มัลติลิงค์”ทว่ามันแย่จนไม่มีข้อดีในตัวเลย จริงหรือ
เรื่องราวการพัฒนาช่วงล่างแบบคานบิด เป็นระบบกันสะเทือนที่ใช้กันมายาวนานในโลกยานยนต์โดยหลักการช่วงล่างแบบนี้จะมีชุดเหล็กขึ้นรูปชิ้นใหญ่วางไว้ใต้ตัวรถ โดยเจ้าเหล็กชิ้นนี้จะเป็นชิ้นเดียวต่อเข้ากับตัวถังรถผ่านชุดบุชลูกยาง แล้วควบคุมการเคลื่อนไหวแรงสะเทือนจากพื้นมายังตัวเล็กดังกล่าวด้วยสปริงและโช๊คอัพ โดยเจ้าเหล็กคานแข็งนี้คล้ายในรถกระบะ ใช้แรงกระทำที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่มาหักล้างกันเองผิดที่ช่วงล่างไม่ได้เป็นแหนบเท่านั้น
ระบบช่วงล่างคานบิดเป็นที่นิยมมากในรถยนต์ขนาดเล็ก เนื่องจากสามารถสร้างได้ง่ายชิ้นส่วนน้อย และที่สำคัญยังมีขนาดและน้ำหนักเบา และต้นทุนต่ำกว่าช่วงล่างอิสระแบบมัลติลิงค์ หากก็มีข้อเสียสำคัญหลายประการ อาทิ เซทค่ามุมต่างๆ ของล้อได้จำกัด , บุคลิกในการขับขี่เมื่อใช้ความเร็วจะออกไปในทางท้ายกวาดมากกว่า
ประเด็นที่หลายคนมักเถียงว่า ช่วงล่างคานบิดด้อยกว่าช่วงล่างอิสระ ส่วนหนึ่งมาจากการพัฒนารถยนต์รุ่นที่มีราคาแพงกว่าจะมีการเปลี่ยนระบบช่วงล่างทางด้านหลังจากคานบิดไปสู่ช่วงล่างอิสระ กลายเป็นแพ็คเกจมัลติลิงค์ , หรือ ปีกนกอิสระ 2ชั้น ทำให้ภาพหนึ่งคานบิดเป็นระบบกันสะเทือนที่ไม่เอาอ่าวไปโดยปริยาย
หากในมุมการใช้งานจริง ช่วงล่างคานบิดก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ถ้าคุณไม่ได้คิดว่าจะไป ซิ่งฟาสแอนด์ฟีเรียสกับใคร ช่วงล่างคานบิดตอบโจทย์เรื่องการขับขี่ได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ถ้าแยกการพูดถึงระบบกันสะเทือนออกเป็น 2 เรื่องสำคัญ คือ เรื่องสมรรถนะในการขับขี่และสบายในการโดยสาร
ระบบกันสะเทือนที่ใช้ชุดคานเข้าซับแรงกระแทกร่วมกับโช๊คและสปริง การใช้คานชิ้นเดียวรับแรงกระแทกจากแต่ละล้อที่กระแทกขึ้นมาจากพื้นถนน ชุดคานจะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้มากมายนัก เนื่องจากจุดยึดตายตัวที่แน่นอน และจุดหมุนที่มีน้อยกว่าช่วงล่างแบบอิสระ
ส่งผลให้เวลาขับขี่เช่นในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง รถจะมีอาการโยนตัวมากกว่า เนื่องจากช่วงล่างคานบิดอาศัยแรงกระทำที่เกิดขึ้นมาสร้างสมดุลในการขับขี่ทั้ง 2 ล้อ จึงดูแล้วมีอาการโยนตัวและโคลงตัวมากกว่า และในบางจังหวะที่เข้าโค้งรุนแรงอาจเกิดอาการท้ายปัดได้ด้วย แต่กลับกันถ้าเราขับบนถนนทางตรงยาวๆ ช่วงล่างแบบนี้จะตอบสนองดีกว่า เนื่องจากมีการเซทค่า Toe และ Camber ตายตัว และไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะผ่านการใช้งานมายาวนาน
ทางด้านความสบายในการโดยสารช่วงล่างคานบิด ถูกเซทไว้ตอบสนองการกระเทือนแนวดิ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อรถรับแรงกระแทกจากพื้นถนน แรงสะเทือนดังกล่าวจะถูกควบคุมโดยโช๊คและสปริง
แต่ด้วยการใช้คานชิ้นเดียวเชื่อมระหว่างล้อทางซ้ายและทางขวา ทำให้เวลาคุณกระแทกหลุมทางซ้ายคนนั่งทางขวาก็ยังพอจะรู้สึกได้ถึงแรงกระเทือน ทำให้อาจจะนั่งไม่สบายเท่าไรนัก ถ้าขับรถที่ใช้ช่วงล่างแบบนี้ไปสมบุกสมบัน ในทางฝุ่นมันอาจนั่งไม่สบายนัก เช่นเดียวกันในทางโค้งต่อเนื่อง เช่นทางเขาทางดอย จะพบว่า ถ้าเกิดการหักพวงมาลัยเร็วเกินไป อาทิเลี่ยนเลนกระทันหัน จะเกิดแรงเหวี่ยงตัวแรงทางด้านหลัง เนื่องจากชุดคานด้านล่างเองทำหน้าที่เป็นตัวส่งแรงการโคลงตัวของตัวถังรถ และนั่นเป็นสาเหตุที่พวกมันนั่งไม่สบายเท่าไรนัก
อย่างไรก็ดี หลายคนมักเถียงกันว่าไม่มีทางที่ระบบช่วงล่างแบบคานบิด จะเอาชนะระบบช่วงล่างแบบอิสระได้ นั่นเป็นเพราะการตอบสนองของการกระทำแต่ละล้อจากช่วงล่างอิสระดีกว่า ในแง่การรับแรงกระแทกการจัดมุมกระทำของช่วงล่างในการวางล้อและยางให้แนบกับพื้นถนนมากที่สุดในระหว่างการขับขี่
ถึงจะเป็นความจริงไม่สามารถปฏิเสธได้ ช่วงล่างแบบคานบิดก็สามารถเซทให้ตอบสนองในการขับขี่ได้ดีขึ้นจากการปรับชุดโช๊คอัพและสปริง เพื่อซัพพอร์ทแรงที่มาจากพื้นถนน ให้เข้าสู่ตัวถังนุ่มนวลขึ้นก็พอทำได้บ้างไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ดี ถึงช่วงล่างคานบิดจะไม่ขวัญใจนักขับสายบาทาโหด หากกับคนใช้รถทั่วๆ ไป เดินทางในเมือง ขับบนถนนดินดำตามปกติไม่ได้ใช้งานสมบุกสมบัน พวกมันก็มีข้อดีหลายประการ
1. ค่าดูแลรักษาต่ำ เนื่องจากมีชิ้นส่วนน้อยกว่าระบบช่วงล่างอิสระ ช่วยประหยัดค่าดูแลรักษาได้มาก
2.ทนทานและดูแลรักษาง่าย เนื่องจากการใช้คานเหล็ก มีอัตราความเสียหายน้อยมาก ยกเว้นกรณีเกิดการชนหนักจนถึงระบบช่วงล่างรวมถึงชิ้นส่วนน้อยชิ้น ทำให้เวลาช่วงล่างทำงานผิดปกติ สามารถตรวจสอบได้ง่าย
3.พื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารมากกว่า เนื่องจากการติดตั้งช่วงล่างแบบนี้ใช้เพียงโช๊คเท่านั้นที่ยึดเข้ากับห้องโดยสารส่วนพวกลูกยางอยู่ใต้พื้นทำให้สามารถสร้างพื้นที่ห้องโดยสารแบบเรียบ หรือ flat floor ได้ และ ยังเพิ่มอำนาจในการจัดการท่านั่ง และการจุสัมภาระจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม มันถึงได้รับความนิยมในรถยนต์นั่งขนาดเล็ก
การวิศวกรรมใดๆล้วนมีเหตุผล รถยนต์ใช้งานทั่วไป อาจไม่จะเป็นต้องเพียบพร้อมสมรรถนะการขับขี่ มันอาจขึ้นอยู่กับลงตัวในการใช้งานในภาพรวมมากกว่าช่วงล่างคานบิดมีคุณสมบัติในการขับขี่ที่พอเหมาะในการใช้งาน มันก็เป็นเหรียญอีกด้านของการใช้รถที่เราอาจจะลืมมองไป