มาอีกแล้ว ทริป   Ford Ranger Raptor … ตอนผมรับหมายมา ก็นั่งขยิกหัวว่า  ตอนไปเขาใหญ่ก็ขับกันหน่ำใจฉ่ำปอดไปแล้ว  แถมเพิ่งยืมรถมาเมื่อช่วงเดือนธันวาคม จะมีอะไรให้พูดกันอีก

แต่ข้อหนึ่งที่ผมมักชมฟอร์ดเสมอ คือพวกเขา หาสถานที่ปลายทางได้ระดับอเมซซิ่งไทยแลนด์ยังมีอาย จนครั้งนี้ผมเองไม่อยากจะพลาดกับการไปลุยอีกครั้งในยอดกระบะชั้นนำ

กระแส   Ford Ranger  Raptor  น่าจะเรียกว่าเป้นรถที่คนสนใจมากที่สุด และอยากครอบครองมากที่สุดในเวลานี้ ราคา 1.699 ล้านบาท ค่าตัวในเวลานี้อาจจะถูกกร่นว่าแพงมาก แต่เมื่อเทียบกับของที่ให้มา และจำนวนรถที่เริ่มเห็นมากขึ้นบนถนนตามลำดับ เป้นที่ชัด้จนว่าค่ายวงรีสีน้ำเงินเดินมาถูกทางตาม และเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า ถึงจะมีเสียงเรื่องปัญหาในการใช้งานออกมาบ้าง ทว่าท้ายสุดคนซื้อส่วนใหญ่กลับพึงพอใจ มันเป็นกระบะชั้นนำแห่งยุคที่ไม่ว่าใครก็ฝันว่าจะจับจองสักครั้ง

การเดินทางบินตรงสู่ภูเก็ตของผมในครั้งนี้ มาพร้อมชื่อทริปว่า  The Mysterious Journey   เป็นการบอกความนัยว่าทริปนี้เราจะเดินทางกันไปยังที่ลึกลับ  แห่งทะเลใต้

หลายคนมาทะเลอันดามันพร้อมกับความหวังว่าจะมาดำน้ำชมปะการัง โลกใต้ทะเล รับลมท้าแดด แต่ถ้าที่นี่มีอะไรให้คุณทำมากกว่านั้น ก้คงจะเริ่มสนใจกันแล้วใช่ไหมครับ

เจอหน้า   Ford Ranger  Raptor   อีกครั้ง เรายังคงชอบมันเหมือนที่ผ่านมา ด้วยร่างกายกำยำ ประดุจหนุ่มมะกันห่มซิกแพ็ค อย่างดเวนย์ จอหน์สัน หรือ  The Rock  จำแลงกายมาสุ่ร่างกระบะที่ดูดี พร้อมลุยครบเครื่อง ดุดัน เริ่มจากกระจังหน้าสีดำ พร้อมตราสัญลักษณ์   Ford

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยาง   BF Goodrich  All Terrain KO2 บ่งความแกร่งพร้อมสำหรับทุกเส้นทาง ตัวรถถุกปรับขยายความกว้าง ช่วงระหว่างล้อเพิ่มขึ้น จนต้องสร้างโป่งขึ้นมาใหม่ ให้ความแข็งแกร่งดุดัน พร้อมลุยครบเครื่องการขับขี่

ร่างหล่อขนาดนี้จะใช้เครื่องยนต์ธรรมดาก็ดูกระไร ทางค่ายวงรีสีน้ำเงินติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลัง 213 แรงม้า ทำแรงบิด 500 นิวตันเมตร พ่วงกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ตอบการขับขี่พร้อมสรรพทั้งประหยัด และพร้อมลุย

ขึ้นเข้าสู่ห้องโดยสาร เจ้าบึกคันนี้ไม่เพียงแค่หล่อภายนอกยังได้อารมณ์ครบเครื่องถึงภายใน ตัวรถมาพร้อมเบาะนั่งและการตอบแต่สีดำ ตัวเบาะนั่งสบาย สักคำว่า   Raptor   ไว้ให้เด่นเป็นสง่า ส่วนตัวชอบเรือนไมล์รถรุ่นนี้ดุมีความชัดเจนดี

ได้เวลาออกเดินทาง ปลายทางแห่งแรกเราไปยังอุทยานแห่งชาติ เขาท้ายเหมือง-หาดลำปี ใครที่ผ่านไปผ่านพังงา อาจจะไม่เคยแทบได้ยินชื่อของที่นี่เลยด้วยซ้ำ

ไฮไลท์สำคัญของอุทยานแห่งนี้ คือ “เขาหน้ายักษ์” เป็นภูเขาหินผาที่อยู่หันหน้าออกทะเล แต่เดิมชาวบ้านกล่าวว่ามีลักษณะคล้ายรูปหน้ายักษ์สร้างความเกรงขามมากต่อคนเดินเรือ โดยเฉพาะช่วงสงครามโลกกล่าวกันว่าเรือรบญี่ปุ่น เมื่อเดินเรือมาถึงตรงนี้ จะอัปปางบ่อยครั้ง จึงถูกทำลายโดนยิงเสียหายไม่เหลือเค้าเดิม

ใครที่ต้องการมาเขาหน้ายักษ์เส้นทางก็ไม่ได้เรียบง่าย คุณต้องขับรถผ่าทางทราย ซึ่งไม่เหมาะกับรถขับเคลื่อนสองล้อเดิมๆ ผู้นำทางเล่าให้เพิ่มเติมว่า ทางนี้ถ้าหน้าฝนยิ่งลำบากสุดขั้ว แต่เมื่อเรามีแรพเตอร์ในมือ อะไรก็ดูง่ายไปหมด

ก่อนเข้าทางทรายผมบิดไปตำแหน่งขับเคลื่อนสี่ล้อ 4H  รถมี 6 โหมดการขับขี่พร้อมลุย รวมถึงโหมดทางดคลนหรือทางทราย ผมเลือกโหมดนี้แล้วขับตะลุยไป

เมื่อขับทราบความนุ่มละเอียดของทราย ทำให้เราต้องเดินคันเร่งมากหน่อย การมีล้อและยางที่ให้การเกาะและตะกุยทางไปพร้อมกันช่วยให้ทางทรายนั้นไม่ยากจนเกินไป

ผมยอมรับว่า รถช่วยในการขับขี่ค่อนข้างมาก พวงมาลัยเบาหวิวประกอบกับความสามารถกำลังแรงบิดเครื่องยนต์ ทำให้ทางแบบนี้ผ่านไปได้ง่ายสบายมาก  ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ความกว้างของตัวรถเป็นอุปสรรคบ้างในบางจังหวะ อาทิ ในช่วงที่มีทางแคบ ต้องตีวง และระวังจากความยาว-ความกว้างของตัวรถที่มากกว่าปกติ แต่ในภาพรวมมันลุยได้สบายๆ ขับบนเส้นทางนี้เหมือนกับเคี้ยวขนมในยางว่าง

เราถึงปลายทางเขาหน้ายักษ์ พร้อมบรรยากาศสุดผ่อนคลาย ทะเลสวยน้ำใส จนถ่ายรูปไป ถ้าไม่บอกว่านี่เมืองไทย คงไม่มีใครเชื่อ …  

จากเขาหน้ายักษ์เราเดินทางต่อมายังเกาลึกลับ “เกาะคอเขา” อยู่ตรงขข้ามบ้านน้ำเค็ม เกาะนี้พูดตามตรงว่า ผมก็เพิ่งจะเคยได้ยินชื่อก็คราวนี้

เราได้ยินชื่อบ้านน้ำเค็มก็คงนึกถึงเมื่อคราวเกิดสึนามิ ที่นี่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่วันนี้กลับกลายเป็นปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งฝรั่ง เกาหลี มารับลมท้าแดดกันให้คึกคัก

เกาะคอเขา เป็นเกาะที่แยกอิสระจากทางบ้านน้ำเค็มการจะเดินทางมาเกาะนี้ ทางเดียวคือเฟอร์รี่เท่านั้น เพื่อนๆลองจินตนาการถึงเรือที่มี Ford Ranger Raptor  ราวๆ 14 คัน ลงไปอยู่ในเรือคันเดียวกัน .. คิดว่า มันจะมีราคามูลค่าเท่าไร

ที่ที่เกาะคอเขาแห่งนี้ ว่ากันว่า มันประวัติศาสตร์ซ่อนอยู่ ทางอาจารย์ด้านโบราณประวัติศาสตร์ที่มากับตณะเรา เล่าให้ฟังว่า ที่นี่นอกจากบรรยากาศทะเลสวยงามแล้ว ยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ  เชื่อว่าเป็นจุดเมืองท่าสำคัญในอดีต เนื่องจากมีการขุดค้นพบแหล่งเครื่องปั้นดินเผา รวมถึงที่พบบ่อยและมีทั่วเกาะมาจนปัจจุบันก็ยังมีพบให้เห็นต่อเนื่อง คือ ลูกปัดฮินดู

ทางกรมศิลปากรในไทยเชื่อว่า ทุ่งตึก คือเมืองตักโกลาในอดีต เป็นเมืองท่าสำคัญของเส้นทางการค้าตะกั่วป่าบ้านดอน ใช้ขนถ่ายสินค้าจากทางฝั่งอันดามัน ไปสู่ฝั่งอ่าวไทย

อารยธรรมที่สาบสูญ เช้าวันใหม่ เราพร้อมจะเอา   Ford Ranger Raptor  ออกล่าหาความจริง แต่ไหนๆมาถึงเกาะที่แทบจะไร่ผู้คนแบบนี้มันก้มักจะมีที่ว่างให้เราทำอะไรห่ามๆได้เสมอ

ที่น่าแปลกใจที่สุด คือที่นี่ทุ่งกว้าง ปัจจุบันใช้เลี้ยงควายของชาวบ้าน เรียกว่า “ทุ่งสนามบิน” ตามข้อมูลระบุว่าเป็นสนามบินเก่าสมัยสงครามโลก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นของฝ่ายใด

วันนี้ทีมงาน Ford  เนรมิตทุ่งแห่งนี้เป็นสนามทดสอบ โหมด   Baha ของ  Ford  Ranger  Raptor   ชั่วคราว   สภาพพื้นที่เป็นหญ้า ทราย และเนินต่างระดับ เราจะมาดูว่า เมื่อเราต้องซิ่งในทางแบบนี้จะเป็นอย่างไร

เส้นทางสุดโหดกับโหมด   Baha   เริ่มขึ้น เรากดมิดคันเร่ง ช่วงล่างรถซับแรงสะเทือนได้ดี กำลังเครื่องแรงบิดช่วยให้เราขับผ่านมันไปได้ง่ายดาย การปรับมาสู่โหมดออฟโรดความเร็วสูงการตอบสนองเครื่องยนต์จะค้างรอบเครื่องไว้นานหน่อย ส่วนคันเร่งจะตอบสนองเร็วขึ้น พวงมาลัยควบคุมง่ายขึ้น ทำเอาเจ้าแรพเตอร์เชื่องเป็นแมวคุณขับได้อย่างมั่นใจ

ที่เหลือก็เป็นฝีมือของคุณว่าจะแสดงออกมาได้ดีเพียงใด รถคันนี้สามารถทำได้ทุกอย่างที่คุณนึกออก จนคุณอาจไม่คิดว่ามันทำได้มาก่อน โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องกระโดดเนินชัน คุณเหิรฟ้าไปกับแรพเตอร์มันคือความสนุกสุดยอดที่ไม่สามารถหาได้ในรถคันอื่น

สนุกกันเต็มที่ได้เวลาไปหาสมบัติ เราขับไปตามชายหาด เพื่อดูบรรยากาศทะเลสวยๆ น้ำใสๆ ของเกาะคอเขา การขับบนทางทรายด้วยโหมดทราบในหมู่มวลโหมดการขับขี่ ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นเมื่อต้องการหาบรรยากาศโรแมนติกริมทะเล

เราสนุกกันมากที่เกาะคอเขา ทั้งยังได้รัทราบเรื่องราวประวัติศาสตร์ของที่นี่ แต่ความสนุกจะขาดไม่ได้เลยกับรถดีๆ สักคัน   Ford Ranger Raptor  มันพิสูจน์บทบทสำคัญในการเป็นกระบะแกร่งทีเด็ดแห่งยุค เป็นสุดยอดกระบะที่คนรักลุยต้องมี

[ngg src=”galleries” ids=”947″ display=”basic_thumbnail”]