Home » 2015 Subaru Forester ลุยเขากระโจม .. ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้  
Subaru-Forester-Koa-krajom (9)
Bust Variety ขับร่อนตะลอนเที่ยว

2015 Subaru Forester ลุยเขากระโจม .. ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้  

ในชั่วโมงนี้ถ้าคุณมองหารถยนต์อเนกประสงค์สักคัน ผมเชื่อว่ารถยนต์   Subaru  Forester   จะมาเป้นตัวเลือกของใครหลายครน ไม่น่าแปลกใจที่วันนี้ซูบารุจะติดโผเข้ามาในใจหลายคน เนื่องด้วยราคาที่สามารถจับต้องได้ แถมยังเป็นรถที่มีสมรรถนะดีอยู่เป็นทุนเดิมของความเป็นซูบารุ

หลายคนมักคิดว่า   Subaru   ค่อนข้างจะเป็นรถที่ใช้งานทั่วไปไม่สมบุกสมบัน อาจจะด้วยภาพลักษณ์ในความเป็นรถซิ่งจ๋าๆ ตั้งแต่ยุครุ่นพ่อ ถ่ายมอดมายังปัจจุบัน ทั้งที่   Subaru   ก็มีดีทางด้านลุย โดยเฉพาะสายแข่งแรลลี่ทางฝุ่น และดีกรีทำเอาผมอดมงมัยไม่ได้ว่า ถ้าเอาเจ้าดาวลูกไก่ไปลุยจะเป็นอย่างไรบ้าง

งานนี้ต้องท้าพิสูจน์ ที่เพื่อนๆ กำลังได้อ่านในวันนี้  ความสงสัยของผมไม่รอช้าครุ่นคิดนาน ผมโทรหาน้องเบียร์พีอาร์สาวสวยของ   Subaru  ว่าอยากของยืมรถยนต์   Subaru  Forester   สักหน่อย แล้วก็บอกน้องไปตรงๆ ว่า งวดนี้พี่จะเอาไปลุยนะน้อง …

ว่าแล้วหลังจากติดต่อสัก 2 สัปดาห์ ผมก็ตบเท้าไปยัง   Subaru   ขับเจ้า  Subaru  Forester   ออกมา และเตรียมตัวท้าพิสูจน์ เรื่องสมรรถนะทางลุยว่า มันจะมีดีสักเท่าไร

หลายคนที่ชอบขับรถเที่ยวป่าเที่ยวดง มักจะคบหารถยนต์อเนกประสงค์หรือกระบะแบบที่มีโครงสร้างหลักใต้รถ หรือที่เรียกว่า   Body On Frame   มากกว่า เนื่องจากการมีกระดูกงูของมัน ทำให้ การบิดตัวของตัวถังเมื่อต้องเจออุปสรรคน้อยกว่า และแถม โครงสร้างหลัง ยังให้ความแข็งแรงมากกว่า แต่ก็ให้ผลลัพธ์ทางด้านการขับขี่ด้วย  ช่วงล่างที่แข็งมากกว่ และแม้จะเซทอย่างไร บริษัทรถยนต์ก็ไม่มีทางที่จะเซทให้มัน นิ่มนวลได้เท่ารถอเนกประสงค์แบบ  Monoque ที่ยกพื้นฐานจากรถอเนประสงค์บางรุ่นได้

การขับ  Subaru  Forester  ของผมครั้งนี้ น่าจะเป็นงวดที่ 3  หรือ 4 แล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ขับจนกระทั่งปรับรุ่นเปลี่ยนโฉมเพิ่มความโดนใจ   Subaru  Forester  ยังคงความเป็นอเนกประสงค์ที่แปลกจากรุ่นอื่นที่มีในตลาดชัดมา อย่างแรก แรงเหวี่ยงอาการโคลงตัวของมันน้อยกว่ารุ่นอื่นๆ ที่มีในตลาด ณ วันนี้

ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ด้วยเครื่องยนต์แบบสูบนอน เป็นเครื่องยนต์ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ แถมเจ้า   Forester  ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เอกสิทธิพิเศษของค่าย   Subaru  และ ด้วยการขับขี่เคลื่อนทุกล้อนี่แหละ ช่วยให้มั่นใจมากในยามใช้ความเร็วหรือเข้าโค้ง

ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่ที่ขับ   Subaru  Forester  มาห้องโดยสารก็ถือว่ามีดีไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ในตลาด แม้ว่าจะไม่ได้ออกแบบให้ดูหรูหราอะไรมากมาย บางมุมมองยังดูออกแบบได้เชยระเบิด เมื่อเทียบกับคู่แข่ง หากความดีความชอบเจ้าดาวลูกไก่คันนี้มีดีตั้งแต่เปิดประตูขึ้นรถ ประตูของมันมีขนาดใหญ่และเปิดได้กว้าง ช่วยให้ขึ้นลงรถได้สะดวกมาๆ ยิ่งคนตัวใหญ่อย่างผมรักเลย .. เชียวล่ะ

ส่วนตัวเบาะก็ออกแบบมานั่งได้สบายทุกที่นั่งทั้งตอนหน้าตอนหลัง พื้นที่สัมภาระท้าย ก็เรียกว่ามีพอที่จะจุของสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง มากพอสำหรับการออพแคมป์ปิ้ง ในวันเสาร์-อาทิตย์

เอาล่ะ..ได้รถแล้ว …คราวนี้จะไปไหนล่ะ .. ผมอยากได้การลุยที่โหดสมบุกสมบัน เป็นที่ๆ รู้จัก ขับไปได้ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนัก

ในหัวผมมีอยู่ที่เดียว นั่นคือเขากระโจม ..

เขากระโจมขึ้นชื่อมากเรื่องความโหดหินของเส้นทาง แถมเส้นทางยังเป็นลักษณะไต่เขาไต่เนินครบตามต้องการ  แถมน้ำให้ลองลุยด้วยอีกต่างหาก  ว่าแล้วก็ฟันธงที่นี่พร้อมจัดของเก็บเต็นท์ให้เรียบร้อยใส่ท้ายรถไปยังปลายทาง

ขับมาจากกรุงเทพเกือบๆ 3 ชั่วโมง ในนาทีนี้ผมอยู่ทางขึ้นเขากระโจม แล้วก็คิดว่าเราจะลุยโหดร้ายกับเจ้า  Subaru Forester   ไปไหม

หลายคนมักไม่รู้ว่า   Subaru   นี่เขาก็มีดีเรื่องลุยเหมือนกันนี้   ซูบารุ ฟอร์เรสเตอร์ ใหม่จะมีระบบการทำงานที่เรียกว่า   “X-Mode” ออกแบบมาไว้เพื่อลุยโดยเฉพาะ 

ระบบนี้จะทำงานโดยการสอดผสานการทำงานของชุดเกียร์ ,ระบบขับเคลื่อน และเครื่องยนต์ เมื่อคุณกดลงไปแล้ว ระบบจะทำการปรับการทำงาน ดังต่อไปนี้

  1. การขึ้นเกียร์ของแต่ละเกียร์
  2. เครื่องยนต์จะลากรอบเครื่องมากขึ้น และการตอบสนองของคันเร่งดีขึ้น
  3. ระบบจะทำการปรับ ระบบควบคุมการทรงตัว เพื่อลดการลื่นไถลที่เกิดขึ้น
  4. ปรับการทำงานของระบบเบรกป้องกันล้อล็อค
  5. เปิดการทำงานระบบช่วยลงทางลาดชัน หรือ   Hill Decent Control

เงื่อนไขการใช้   X mode   ไม่วุ่นวายมากมายนัก

1.ระบบจะทำงานเมื่อคุณอยู่ในเกียร์   D   และ จอดนิ่งสนิที่พื้นราบ

2.ระบบจะออกจากการทำงานเมื่อความเร็วเกิน 30 ก.ม./ช.ม.

ผมขับ   Subaru  Forester   มาเรื่อยๆ จนถึงช่วงทางขุรขระ ผมเริ่มการใช้งาน   X Mode  ทันที สิ่งแรกที่รู้สักได้ คือเครื่องยนต์ตอบสนองดีขึ้น แม้ว่าจะไม่เดินคันเร่ง การไต่เนินด้วยตัวเองจากกำลังเครื่องยนต์รอบเดินเบาก็ทำได้ดีอย่างเห็นได้ชัด 

 

ที่จริงแล้วในเส้นทางลุยๆ แบบนี้เราไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คันเร่งเลย ถ้าเราใช้รถเครื่องยนต์ดีเซล แต่สำหรับรถที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน คุณจำเป็นจะต้องกดคันเร่งนิดหน่อยเพื่อให้เครื่องยนต์เบ่งกำลังแรงบิดออกมา คุณต้องเดินคันเร่งในช่วง 2000-3000 รอบ ในบ้างจังหวะอาจจะต้องใช้กำลังแรงบิดสูงสุดเพื่อเอาชนะอุปสรรค์ ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา สำหรับ   Subaru  Forester 

ถึงจะดูเรือนร่างไม่ค่อยโดดเด่นด้านลุย บางคน บอกว่า นี่มันคือ   Subaru  Forester   แต่เมื่อมาดูระยะต่ำสุดจากใต้ท้องรถถึงพื้นที่มีระยะ 220 มม. ฟังดูอาจจะไม่เยอะ แต่นั่นคือระยะ 8.7 นิ้ว เลยทีเดียว มันดีพอที่จะลุยอย่างสมบุกสมบัน และต่างจากรถยนต์อเนกประสงค์อย่าง   Ford Everest   ที่มีความสูงที่สุดในบรรดาอเนกประสงค์ จากกระบะเพียง 5 มม. เท่านั้น

 

สำหรับผู้ใช้จริงพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่า   Subaru  Forester   มีความสามารถมากกว่าที่พวกเขาคิด ผมขับแล้วอมยิ้ม นี่มันรถลุยได้ของ   Subaru  ชัดๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดมาเพื่อความสมบุกสมบันเสียทีเดียว แต่ก็พร้อมถ้าคุณต้องการจะออฟโรด มันไต่ตามโขดหินต่างๆ ได้สบาย ไร้ปัญหา ผมผ่านไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก

แต่แล้วเราก็มาถึงบททดสอบสำคัญในการลุยครั้งนี้ นั่นคือการข้ามน้ำ …เพื่อไปให้ถึง “เนิน 1000” ปลายทางเขากระโจม

ไหนๆ มาถึงแล้วก็ต้องไปให้สุด…. ระดับในวันที่ไปนั้น คือ 60 เซนติเมตร ถือว่าเป็นระดับที่อาจจะเป็นระดับที่อันตรายได้ หากผู้ขับขี่ไม่ชำนาน แต่งานนี้ไม่ใช่เรื่องยากมากมาย ผมตัดสินใจจอดทำใจสักแปป ….

ก่อนจัดการลงน้ำแล้วขับผ่านน้ำที่ค่อนข้างมีความสูงพอสมควร อันที่จริงระดับน้ำระดับ 60 ซ.ม. ท่วมถึงช่วงฝากระโปรง ในจังหวะที่ลึกที่สุดของเส้นทางนี้

ผมขึ้นอีกฝั่งแบบใจเต้นตุ๊ปตั๊ป เล็กน้อย ลืมประเมินไปข้อหนึ่งว่าเจ้านี่เป็นเครื่องสูบนอน  ระดับน้ำที่ท่วมสูงถึงฝากระโปรงหมายความว่า น้ำท่วมเข้าเครื่องยนต์ส่วนบนได้

หลังจากขึ้นน้ำ ผมตรวจดูส่วนบนมันไม่มีอะไรเสียหาย  รถใช้งานขับได้ปกติผมเดินทางต่อ ตามเส้นทางใหม่ที่เพิ่งตัดให้เป็นแบบวันเวย์คนละเส่นทางกับเดิมที่มา เส้นทางใหม่นี้ค่อนข้างขับง่ายกว่าช่วงขาขึ้นมา ไม่นานก็มีช่วงเนินหินอีกครั้งตรงเนินพัน แต่เราก็สามารถผ่านมันมาได้อย่างสบายๆ ไร้ปัญหา

ผมกางเต็นท์พักผ่อน ก่อนมองดู   Subaru  Forester หลายคนคงไม่คิดว่ามันจะสามารถมาได้ ผมเคยท้าเพื่อนคนหนึ่งว่า รถรุ่นนี้มาได้แต่เขาไม่เชื่อว่ามันจะมาได้ เพราะเขาศรัทธาในรถกระบะมากกว่า   

สำหรับผมย้อนมองดูการท้าทายของเรา บางคนอาจจะคิดว่า นี่มันเกิน ศักยภาพรถเกินไปไหม และทำอะไรสุ่มเสี่ยงแต่ถ้ามองย้อนดูจุดประสงค์ของ   Subaru   กับรถรุ่นนี้แล้วผมว่าไม่เกินไปหรอกครับ เพราะพวกเขาต้องการให้เรามาลุย  เพียงแต่เราไม่เคยคิดว่ารถจะทำได้ และถึงจะทำได้ จะมีสักกี่คนที่กล้าเอารถตัวเอง ไปลุยสมุบกสมบันแบบนี้

แต่วันนี้ก็พิสูจน์แล้วครับว่า   Subaru Forester  คือ ผู้พิชิต เขากระโจม !!! .. สุดยอด …

ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา   ridebuster.com 

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”246″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.