ผ่านไป 1 ปีนับตั้งแต่ BYD Dolphin ได้ถูกส่งจากประเทศจีนเข้ามาทำตลาดในไทย ล่าสุด โรงงานประกอบ BYD ประเทศไทย ก็เดินสายในการประกอบ เจ้าโลมา เป็นรถรุ่นแรก อย่างเป็นทางการ

BYD Dolphin  ผลิตไทย

สำหรับรถที่ทุกท่านเห็นกันอยู่ในขณะนี้ คือ BYD Dolphin ผลิตไทย รุ่น Extended Range ซึ่งยังคงถือว่าเป็นรุ่นท็อปสุดของเจ้าโลมาดังเดิม และหากคุณลองสังเกตในเรื่องงานออกแบบหน้าตาภายนอก ก็จะพบว่ามันยังคงมีรายละเอียดการตกแต่งที่คล้ายเดิม ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่นัก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานออกแบบตัวรถรอบคัน ตั้งแต่กันชนหน้า ไฟหน้า กระจังหน้าปิดทึบ ขอบซุ้มล้อพลาสติกด้าน ลายเส้นมิติบนตัวถังช่วงประตูบานที่สองเป็นต้นไปจนถึงด้านท้าย แม้กระทั่งตัวไฟท้าย ก็ยังคงเป็นแบบ Cross Tail Light ที่ใช้กราฟฟิกเดิม รวมถึงยังคงใช้ตัวอักษรชื่อเต็มของแบรนด์ว่า “BUILD YOUR DREAMS” ไว้ด้านในกรอบไฟท้ายตรงกลางเหมือนเดิมอยู่ดี

สิ่งที่ต่างออกไปเมื่อมองจากภายนอก เอาจริงๆก็มีแค่เพียงชุดสีตัวถัง ที่ตอนนี้ในรุ่นบน จะมีตัวเลือกสีโทนเดียวให้ลูกค้าได้เลือกซื้อสักที หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะมีเฉพาะเฉดสีตัวถังแบบทูโทนเท่านั้น ซึ่งลูกค้าหลายคนอาจจะไม่ชอบ

ส่วนอีกจุดที่เปลี่ยนไปก็คือชุดยางที่ให้มา ซึ่งแม้ว่ามันจะเป็นยาง 205/50 R17 ดังเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนมาใช้ยาง Westlake ซึ่งผลิตในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย และมีการปรับรายละเอียดกราฟฟิกชิ้นแผ่นปิดเสา C อีกนิดหน่อยก็เท่านั้น

ในส่วนภายในห้องโดยสารเอง ก็มีหน้าตาที่ไม่ต่างจากเดิมเช่นกัน โดยตัวรถที่ทุกท่านเห็นกันอยู่ในขณะนี้ จะมาพร้อมกับการตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำทั้งหมด แต่มีการเล่นโทนด้วยสีวัสดุที่ต่างกัน ซึ่งอันที่จริงก็เป็นคู่สีปกติของ BYD Dolphin รุ่น Standard Range ตัวถังสีเทา ล็อตผลิตจีนก่อนหน้านี้อยู่แล้ว

นอกนั้นในด้านออพชันอื่นๆของตัวรถ ก็ยังคงเดิม ไม่ว่าจะเป็น กระจกหลังคาพาโรรามิคซันรูฟ, แท่นชาร์จไฟไร้สาย, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า, ชุดหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ตรงกลาง ที่สามารถปรับตั้งแนวการแสดงผลได้ ก็ยังคงให้ขนาด 12.8 นิ้ว เท่ากับ Atto 3, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, และอื่นๆก็ยังคงมีมาให้เหมือนเดิมทั้งหมด

แน่นอน ในส่วนของทางเลือกขุมกำลังและแบตเตอรี่ ก็ยังคงเหมือนเดิมกับรุ่นผลิตจีนก่อนหน้านี้เช่นกัน

นั่นคือ BYD Dolphin Extended Range ก็จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังขับสูงสุด 150 kW หรือ 204 PS และแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร พร้อมเคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 7.1 วินาที และเคลมความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุ 60.48 kWh รองรับระยะทางการใช้งานต่อชาร์จสูงสุด 490 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

ขณะที่รุ่น Standard Range ก็จะยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังขับสูงสุด 70 kW หรือ 94 PS และแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร พร้อมเคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 12.3 วินาที และเคลมความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง และตัวแบตเตอรี่ที่ให้มา ก็จะยังคงมีความจุ 44.9 kWh รองรับระยะทางการใช้งานต่อชาร์จสูงสุด 410 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC เท่าเดิม

โดยแบตเตอรี่ของตัวรถทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมด้วยหัวชาร์จ AC Type 2 ขนาด 7 กิโลวัตต์ และพอร์ตชาร์จ DC ขนาด 60 กิโลวัตต์ในรุ่น Standard Range และ 80 กิโลวัตต์ ในรุ่น Extended Range :ซึ่งจะช่วยให้การเพิ่มระดับแบตเตอรี่จาก 30 – 80 % ใช้เวลาเพียง 29 นาที อีกทั้งยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (VtoL) ที่สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 2000w ทําให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆได้

ส่วนราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เบื้องต้น ตอนนี้ยังไม่มีการระบุตัวเลขที่แน่ชัด แต่มีความเป็นไปได้ว่ามันจะถูกจะวางจำหน่ายด้วยราคาล่าสุดของ BYD Dolphin ที่พึ่งถูกประกาศปรับลดลงมาเมื่อปลายเดือนก่อน นั่นคือ

  • BYD Dolphin Extended Range ราคาจำหน่าย 699,900 บาท
  • BYD Dolphin Standard Range ราคาจำหน่าย 559,000 บาท

เท่ากับว่าแท้จริงแล้ว ราคาที่ประกาศปรับลดลงไปก่อนหน้านี้ ก็อาจจะเป็นราคาที่ปรับเอาไว้ก่อนแล้ว สำหรับ BYD Dolphin ผลิตไทย น่าจะกำลังจะทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าในเร็วๆนี้นั่นเอง

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่