BMW F900XR นับเป็นที่สุดของมอเตอร์ไซค์ในตระกูลแอดเวนเจอร์ สปอร์ต อย่างแท้จริง ด้วยสมรรถนะโฉบเฉี่ยว ตำแหน่งการขับขี่แบบนั่งตรงสไตล์ GS และล่าสุดกับเฉดสีใหม่ประจำปี 2024 อย่าง Racing Blue Metallic ซึ่งพร้อมขายไทยด้วยราคา 599,000 บาท
BMW F900XR มาพร้อมกับจุดขายสำคัญคือ การเน้นความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกล ทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร แต่ยังคงหล่อเหลาด้วยรูปลักษณ์ที่สื่อถึงความทรงพลัง เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยการสืบทอดดีไซน์และคอนเซปต์ของมอเตอร์ไซค์ในตระกูล XR ที่ผสานความสปอร์ตและสมรรถนะแบบทัวริ่งเข้าไว้ได้อย่างลงตัว
ทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีในการขับขี่ที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้า LED ที่ปรับองศาตามการเลี้ยวโค้ง (Adaptive Cornering Light) และระบบ Keyless Ride ซึ่งล้วนเป็นคุณสมบัติที่ไม่เคยมีมาก่อนในมอเตอร์ไซค์ระดับกลาง
ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยระบบไฟหน้า LED ที่ปรับองศาตามการเลี้ยวโค้ง (Adaptive Cornering Light) พร้อมระบบ Headlight Pro ทำให้นอกจากจะสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ยิ่งขึ้นแล้ว ยังทำให้การขับขี่เวลากลางคืนมีความอุ่นใจยิ่งขึ้นด้วยไฟหน้าส่องสว่างตามการเลี้ยวโค้ง และหลอดไฟทั้งหมดเป็นแบบ LED ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับมอเตอร์ไซค์ในตระกูล F-Series ทุกรุ่น
และด้วยความเป็นรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล XR มันจึงมาพร้อมตำแหน่งท่านั่งซึ่งมอบทั้งความสปอร์ตและความสบายสำหรับการขับขี่แบบทัวริ่งเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่ระยะไกล และยังใช้ชุดแฟริ่งด้านหน้าที่มาพร้อมกระจกกันลมปรับระดับได้มอบทั้งลุคสปอร์ตและการป้องกันให้แก่ผู้ขับขี่
ขณะที่โครงสร้างการยึดเหล็กกล้าส่วนท้ายรถก็ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานเป็นครั้งแรกในมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เช่นกัน จึงทำให้ส่วนท้ายรถมีรูปลักษณ์ที่เพรียวและสั้นยิ่งขึ้น และด้วยระยะสปริงที่ค่อนข้างยาวขึ้นกว่าตัว F900R จึงช่วยมอบความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และหลากหลายกว่าในสไตล์แบบทัวริ่ง
ด้านขุมกำลังของมัน ก็ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 895cc พร้อมองศาการจุดระเบิดที่ 270/450 องศา ส่งพละกำลัง 73 กิโลวัตต์ (99 แรงม้า) ที่ 8,500 รอบต่อนาที ให้แรงบิด 88 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที ให้ความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนั้น ในส่วนของระบบส่งกำลัง แม้จะยังคงเป็นระบบเกียร์แมนวลคลัทช์ 6 สปีด แต่มันก็มีระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์ Gear Shift Assistant Pro ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงได้เกือบทุกช่วงน้ำหนักบรรทุกและช่วงความเร็วรอบเครื่องยนต์โดยไม่ต้องควบคุมคลัตช์ (เว้นเพียงจังหวะออกตัว และตอนจอด)
ทั้งยังมาพร้อมระบบคลัทช์แบบ anti-hopping และระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ เพื่อมอบความปลอดภัยยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ขับขี่อีก
มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร และรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่วค่าออกเทน 91 ขึ้นไป ในถังน้ำมันขนาด 15.5 ลิตร ซึ่งเท่ากับว่า มันจะสามารถรองรับระยะทางในการวิ่งสูงสุดที่ราวๆ 368 กิโลเมตร/น้ำมันหนึ่งถัง
โดยถังน้ำมันของรุ่นนี้มีน้ำหนักเบาและผ่านกระบวนการเชื่อมที่นำมาใช้ในการผลิตมอเตอร์ไซค์เป็นครั้งแรก และยังมาพร้อมโซ่ M Endurance ด้วยคุณสมบัติการหล่อลื่นและความทนทานต่อการสึกหรอ ช่วยมอบความสะดวกสบายด้านการบำรุงรักษามากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆด้วย
BMW F900XR ยังคงสร้างความสนุกเร้าใจในการขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่ ‘Rain’ และ ‘Road’ รวมทั้ง Riding Modes Pro ประกอบด้วย ‘Dynamic’ และ ‘Dynamic Pro’ เพื่อยกระดับความสปอร์ตให้เร้าใจยิ่งขึ้น ระบบ ABS Pro ช่วยให้ควบคุมมอเตอร์ไซค์ได้อย่างแม่นยำในทุกสถานการณ์การขับขี่ พร้อมระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ระบบ Dynamic Brake Control (DBC) ระบบ Dynamic ESA และ ระบบตรวจสอบความดันลมยาง (RDC) ในขณะที่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติยังช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาความเร็วรถให้คงที่ได้
ซึ่งระบบทั้งหมดในข้างต้น จะถูกแสดงผลบนมีหน้าจอ TFT สีขนาด 6.5 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ BMW ConnectedRide เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยฟีเจอร์ดังกล่าวช่วยให้นักบิดสามารถคุยโทรศัพท์ ฟังเพลง หรือใช้งานระบบนำทางได้อย่างสะดวกในขณะขับขี่ และมีระบบทำความร้อนที่แฮนด์ยังช่วยป้องกันมือชาและความเมื่อยล้าเมื่อขับขี่ไปในในสภาพอากาศที่หนาวเย็นใส่มาให้เป็นออพชันพื้นฐานตั้งแต่ออกโรงงาน