Home » All-New Ducati Panigale V2 เปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ ในราคาเริ่มต้น 719,000 บาท
คอมอเตอร์ไซค์

All-New Ducati Panigale V2 เปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ ในราคาเริ่มต้น 719,000 บาท

หลัง Ducati Panigale V4 รุ่นใหม่ ถูกเปิดตัวในไทยเพียงไม่นาน ล่าสุดรุ่นน้องของมันอย่าง Ducati Panigale V2 ก็ได้ฤกษ์เผยโฉมในบ้านเราด้วยเช่นกัน ณ สัปดาห์การแข่งขัน ThaiGP 2025

2025 Ducati Panigale V2 มาพร้อมกับการปรับโฉมครั้งใหญ่ที่แทบไม่มีอะไรอ้างอิงมาจากตัวรถโฉมก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นในส่วนงานออกแบบเปลือกนอกที่ถูกเปลี่ยนใหม่หมด ให้ดูคล้ายกับตัวรถรุ่นใหญ่สุดของแบรนด์อย่าง Panigale V4 แค่เปลี่ยนเอาวิงเล็ทออกไป แล้วแทนด้วยช่องดักลม ซึ่งดูกลมกลืนกับตัวรถมากกว่าเข้ามาแทน รวมถึงยังถูกออกแบบให้มันสามารถรีดอากาศร้อนจากเครื่องยนต์ออกจากแนวขาของผู้ขี่ได้ดียิ่งขึ้น

และจากโจทย์ที่ทาง Ducati ต้องการให้เจ้า Panigale V2 รุ่นใหม่ มีความเป็นมิตรกับผู้ขี่มากขึ้น โดยเฉพาะเหล่าผู้ขี่หน้าใหม่ ที่อยากสัมผัสกับรถของแบรนด์แห่งเมืองโบโลนญ่าตั้งแต่แรก ดังนั้นทางค่ายจึงเน้นการปรับเปลี่ยนตัวรถให้มีน้ำหนักที่เบาลง

ไม่ว่าจะทั้งในส่วนของชุดโครงแบบอลูมิเนียมโมโนค็อก “ฟรอนท์เฟรม” ที่ถูกออกแบบให้มีช่องว่างทั้งตรงกลางและด้านข้าง เพื่อไล่เบา จนมีน้ำหนักเปล่าๆเพียง 4 กิโลกรัม และทำหน้าที่เป็นหม้อกรองอากาศไปในตัว แถมยังถูกออกแบบให้สามารถ ให้ตัว หรือบิดตัวได้เล็กน้อย เพื่อช่วยให้หน้ารถสามารถจิกแล้วเลี้ยวเข้าโค้งได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ตัวสวิงอาร์มหลัง ก็ยังเป็นแบบอลูมิเนียมขาคู่ พร้อมออกแบบให้มีลักษณะเป็นโครงขนาดใหญ่ แต่น้ำหนักเบา และสามารถให้ตัวขณะเข้าโค้งเพื่อช่วยเลี้ยวได้อีกเช่นกัน โดยที่ล้อหลังของมัน ยังมีน้ำหนักเบาลงกว่าเดิมอีก 1 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับล้อของตัวรถรุ่นก่อนหน้า

ขุมกำลังของตัวรถ แม้จะยังคงเป็นแบบ L-Twin ระบายความร้อนด้วยน้ำเช่นเดิม แต่ก็เป็นเครื่องยนต์ลูกใหม่หมดจด ที่ถูกลดความจุลงเหลือ 890cc แถมยังถูกถอดระบบวาล์วเดสโมโดรมิกออกไป แล้วเปลี่ยนไปใช้ระบบวาล์วแคมฯคู่ปกติ โดยที่ตัวแคมชาฟท์ หรือเพลาลูกเบี้ยวของวาล์วฝั่งไอดี จะเป็นแบบแปรผันองศาในการเปิด/ปิด วาล์วได้ และมีการเปลี่ยนชุดสายพานขับวาล์วใหม่ กลายเป็นโช่ราวลิ้น ซึ่งทนทานกว่าเดิมแทน

จากผลของการปรับปรุงข้างต้นทำให้เครื่องยนต์ลูกนี้ มีน้ำหนักเพียง 54.4 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเบาลงกว่าเดิมถึง 9.5 กิโลกรัม และแม้ว่าขุมกำลังลูกนี้จะสามารถรีดเค้นแรงม้าได้ 120 PS ที่ 10,750 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 93.3 นิวตันเมตร ที่ 8,250 รอบ/นาที

ซึ่งแม้ว่าตัวเลขข้างต้นจะดูน้อยลงกว่าเครื่องยนต์ลูกก่อน แต่ทาง Ducati ก็ระบุว่า เครื่องยนต์ลูกใหม่นี้ จะสามารถเรียกแรงบิดกว่า 70% ได้ตั้งแต่ 3,000 รอบ/นาที และเรียกแรงบิด 80% ได้ในช่วงกว้างตั้งแต่ 4,000 – 11,000 รอบ/นาที

เมื่อรวมกับการไล่น้ำหนักส่วนเกินออกไปมากมาย จนทำให้น้ำหนักตัวรถรวมของเหลว แต่ยังไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิง มีตัวเลขเพียง 176 กิโลกรัมเท่านั้น ผลรวมเวลาต่อรอบของรถคันนี้โดยนักขี่มืออาชีพ จึงถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนแทน จากความคล่องตัวของเครื่องยนต์ และความสามารถในการเข้าโค้งที่ดียิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอน สิ่งที่ทำให้รถเลี้ยวดีขึ้น ย่อมไม่ใช่แค่เรื่องของการไล่เบา แต่ยังเป็นเรื่องของระบบกันสะเทือนที่ได้ถูกปรับเซ็ทใหม่ ทั้งในฝั่งรุ่นธรรมดา ที่ใช้ระบบกันสะเทือนหน้า-หลังของ Marzocchi และในรุ่น S ที่ใช้ช่วงล่างจาก Ohlins ซึ่งไม่ว่าจะรุ่นใดตัวระบบกันสะเทือนโช้กหน้าหัวกลับ ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร และตัวโช้กหลังต้นเดี่ยวพร้อมกระปุกซับแทงค์แก๊สแยกของพวกมัน ต่างก็มาพร้อมกับฟังก์ชันในการปรับเซ็ทได้ทุกค่าด้วยมือเหมือนกันทั้งสิ้น

และระบบเบรกเอง ก็ยังจัดเต็มด้วยชุดคาลิปเปอร์เบรก Brembo M50 ทำงานร่วมกับปั๊มเบรกบน PR16/21 และจานเบรกคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร ทางด้านหน้า โดยที่ด้านหลัง ก็จะเป็นหน้าที่ของตัวคาลิปเปอร์เบรกแบบโฟลทติ้งเมาท์ ทำงานร่วมกับจานเบรกเดี่ยวขนาด 245 มิลลิเมตร

ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของตัวรถเอง ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่เช่นกัน ทั้ง ชุดหน้าจอมาตรวัด Full Digital TFT แบบใหม่ ขนาด 5 นิ้ว ซึ่งสามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้หลากหลาย ทั้งโหมด ROAD/ROAD PRO/TRACK, ตามด้วย Riding Mode อีก 5 รูปแบบ ทั้ง Race, Sport, Road, Wet, และ User ซึ่งแต่ละโหมดจะมีการปรับเปลี่ยนการทำงานของลูกเล่นต่างๆ ต่างกันไป ทั้งอัตราการตอบสนองของคันเร่ง/เครื่องยนต์/กำลังเครื่องยนต์

โดยที่ตัวระบบ Traction Control, Wheelie Control, และ Cornering ABS ที่ทำงานร่วมกับสมองกลใหม่ และเซนเซอร์ IMU 6 แกน ก็ถูกออกแบบใหม่ ให้สามารถทำงานในเชิงรุก หรือเน้นการคาดคะเนอาการตัวรถล่วงหน้า แทนที่จะเป็นการคอยแก้เมื่อรถเกิดอาการไม่พึ่งประสงค์ ซึ่งทำให้มันสามาถรักษาอาการของรถขณะใช้งานได้ดีกว่า และเป็นแนวคิดเดียวกันกับระบบความปลอดภัยของ Panigale V4 รุ่นพี่ของมันนั่นเอง

โดย Ducati Panigale V2 จะมีการวางจำหน่ายในประเทศไทย ทั้ง 2 รุ่นย่อย ได้แก่

  • Ducati Panigale V2 : ราคา 719,000 บาท
  • Ducati Panigale V2 S : ราคา 799,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้เลยทั้งศูนย์บริการ Ducati ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ข้อมูลจาก Ducati

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.