BMW R NineT นับเป็นรถมอเตอร์ไซค์อีกหนึ่งรุ่นที่ได้เสียงตอบรับจากผู้ใช้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด และในวันนี้ BMW Motorrad Thailand ก็ได้มีการนำเสนอโมเดลใหม่ของมันออกมาสักที อย่าง BMW R 12 nineT คู่กับ BMW R 12 ในงาน Motor Expo 2024
BMW R 12 / R 12 nineT ถูกเผยโฉมเป็นครั้งแรกในช่วงการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของ BMW Motorrad โดยยังคงมาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สองสูบนอน ขนาด 1,170cc ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน 4 วาล์ว/สูบ พร้อมระบบแคมชาฟท์แบบ DOHC เหมือนกันทั้งคู่
แต่ด้วยคาแรคเตอร์รถที่ต่างกัน จึงทำให้ในฝั่ง BMW R 12 nineT จะได้เครื่องยนต์ที่สามารถทำพละกำลังสูงสุดได้ 80 กิโลวัตต์ / 109 แรงม้า PS ที่ 7,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 115 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที
ส่วนในรุ่น R12 ก็จะถูกปรับจูนให้มีกำลังน้อยกว่าเล็กน้อย ลงมาอยู่ทีี่ 70 กิโลวัตต์ / 95 แรงม้า PS ที่ 6,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด ที่ 110 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที
โดยเครื่องยนต์ของตัวรถทั้งสองรุ่น ทำงานร่วมกับชุดเกียร์คลัทช์มือ 6 สปีด พร้อมส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยระบบเพลาขับเหมือนกันทั้งคู่
ส่วนที่เป็นไฮไลท์สำคัญของตัวรถ เมื่อเทียบกับรุ่น R nineT ที่เป็นโฉมก่อนหน้า คือการที่พวกมัน มาพร้อมกับชุดเฟรม หรือโครงสร้างแบบโครงเหล็กถักที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด จากที่เคยใช้แบบ 2 ชิ้นแยกกันระหว่างเมนเฟรม และซับเฟรม ตอนนี้ถูกรวมเป็นชิ้นเดียว ซึ่งนอกจากจะทำให้มันเบาลงแล้ว ยังถูกทำให้มีความผอมบาง ในช่วงใต้เบาะนั่งด้วย
นอกจากนี้ ด้วยการปรับรูปแบบชุดเฟรมใหม่ ทาง BMW จึงเลือกย้ายกล่องกรองอากาศมาติดตั้งใต้เบาะนั่ง และเก็บเอาท่อ Ram Air ของเดิมออกไป พร้อมไล่ระบบท่อไอเสียแบบ “Twin Pipe” ใหม่ติดตั้งไว้ที่ด้านซ้าย พร้อมท่อเก็บเสียงคู่ในดีไซน์ทรงกรวย
ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นชุดโช้กอัพตะเกียบคู่หัวกลับขนาดแกน 45 มิลลิเมตรเหมือนกันทั้งคู่ แต่ในฝั่ง R 12 nine T จะได้ชุดโช้กหน้าที่มาพร้อมกับความสามารถในการปรับเซ็ทค่าพรีโหลด รีบาวน์ คอมเพรสชัน ครบครัน ขณะที่ระบบกันสะเทือนด้านหลัง จะเป็นชุดโช้กอัพต้นเดี่ยว ปรับพรีโหลด และรีบาวน์ได้เหมือนกันทั้งคู่
ด้านระบบเบรก ต่างใช้แบบดิสก์เบรกคู่ทางด้านหน้า ขนาด 310 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกเรเดียลเมาท์ 4 พอท และด้านหลัง ก็เป็นแบบดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 265 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับ คาลิปเปอร์เบรกแอกเซียลเมาท์ 2 พอท พร้อมระบบ BMW Motorrad APS Pro เหมือนกันทั้งสองรุ่น
ในส่วนงานออกแบบ ด้านหน้ารถ BMW R 12 nineT มาพร้อมกับหน้าปัดทรงกลมคู่แบบอนาล็อก พอร์ต USB-C สำหรับชาร์จอุปกรณ์ และช่องเสียบไฟ 12V
เมื่อมองจากด้านข้าง จะเห็นได้ว่า BMW R 12 nineT ใหม่ มีเส้นสายที่ดูยกสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการจัดวางตำแหน่งของตัวถังอลูมิเนียมที่ด้านหน้า เบาะนั่ง และท้ายรถที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อย ส่วนถังน้ำมันที่ติดตั้งอยู่ด้านหลัง ทั้งสั้นและแคบกว่ารุ่นก่อนหน้าราว 30 มิลลิเมตร จึงทำให้ขับขี่ได้สบายตัวขึ้น เนื่องจากผู้ขับขี่จะมีตำแหน่ง
การนั่งที่ใกล้กับแฮนด์รถมากขึ้น และเข่าสัมผัสกับตัวรถมากขึ้น
ส่วน BMW R 12 คงคอนเซปต์การเป็นรถครูซเซอร์สไตล์คลาสสิกด้วยหน้าปัดเดี่ยวสำหรับบอกความเร็ว พร้อมตัวถังน้ำมันเหล็กกล้าที่เคยถูกขนานนามว่า “Toaster Tank” แรงบันดาลใจจากรถคลาสสิกอย่าง BWM /5 สมัยทศวรรษ 1970
โดยเส้นสายด้านข้างของรุ่นนี้จะโน้มลงด้านหลัง ไล่จากตัวถังทรงหยดน้ำไปจนถึงเบาะนั่งและฝาครอบล้อหลัง ซึ่งเข้ากับล้อหน้าขนาด 19 นิ้วและล้อหลังขนาด 16 นิ้วได้อย่างลงตัว ขณะที่ตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับขี่ที่ค่อนข้างต่ำ ผสานกับแฮนด์รถที่กว้างกว่า จึงเหมาะกับวันเดินทางสบาย ๆ
BMW R 12 nineT รองรับการขับขี่ในโหมดมาตรฐานมากมาย ทั้ง “Rain”, “Road” และ “Dynamic” ขณะที่
R 12 มีให้เลือกสองโหมดง่าย ๆ ใน “Roll” และ “Rock”
โดยทั้งสองรุ่นมีฟังก์ชันด้านความปลอดภัยที่ครบครัน ทั้ง Hill Start Control สำหรับการออกตัวบนทางชัน Tyre Pressure Control, Cruise Control, Gearshift Assistant Pro, Dynamic Traction Control (DTC) ที่ล้วนเสริมความอุ่นใจในทุกสภาวะการขับขี่ โดยเฉพาะขณะเข้าโค้งและเบรกแรง ๆ ส่วนไฟหน้า Headlight Pro และระบบ Connected Ride Control ก็ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน
โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย ของ BMW R 12 nineT และ BMW R 12 มีรายละเอียดดังนี้
- BMW R 12 nineT – San Remo Green Metallic : 749,000 บาท
- BMW R 12 nineT – Option 719 Aluminium : 829,000 บาท
- BMW R 12 – Blackstorm Metallic : 739,000 บาท
- BMW R 12 – Aventurin Red Metallic : 769,000 บาท