Home » Harley-Davidson Anniversary Edition ฉลอง 120 ปี กับโมเดลพิเศษจำนวนจำกัด 5 รุ่น
คอมอเตอร์ไซค์

Harley-Davidson Anniversary Edition ฉลอง 120 ปี กับโมเดลพิเศษจำนวนจำกัด 5 รุ่น

Harley-Davidson® เฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี แห่งความภาคภูมิใจและการสร้างสรรค์ ด้วยการเปิดตัวไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson รุ่นปี 2023 เป็นครั้งแรก นำโดย รถมอเตอร์ไซค์รุ่น CVO™ Road Glide® Limited Anniversary และรถมอเตอร์ไซค์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชันอีก 5 รุ่น ที่มาในสี ลวดลาย และดีเทลสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปีโดยเฉพาะ

“Harley-Davidson คือผู้บุกเบิกรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกา ที่โดดเด่นทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และสมรรถนะ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1903 และในปีนี้ จะเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ของ Harley-Davidson” นายโจเชน ซีดส์ ประธาน ผู้อำนวยการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Harley-Davidson กล่าว

พร้อมเสริมว่า “เรามีความยินดีที่จะได้เผยโฉมรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2023 เป็นครั้งแรกในวันนี้ และเรายังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายที่จะตามมาในปีนี้ สำหรับปี 2023 ถือเป็นการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่และน่าจดจำของบริษัท ในการเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และชุมชนเหล่านักขับขี่และผู้ที่รัก Harley-Davidson เราหวังว่าทุกท่านจะร่วมเฉลิมฉลองไปกับเรา”

รถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษ ฉลองครบรอบ 120 ปี

Harley-Davidson เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ CVO™ Road Glide Limited Anniversary รุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ระดับซุปเปอร์พรีเมียม เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปีแห่งการสร้างสรรค์ กับการนำเสนอโครงสีที่ซับซ้อนที่สุดจาก Harley-Davidson เริ่มจากตัวพื้นสีดำ Anniversary Black ที่จะถูกพาดทับด้วยแผงสีแดง Heirloom Red ตกแต่งลายเส้นด้วยสีแดงสด และฝีมือการวาดลายหยักสีทองปิดท้าย

อีกทั้งยังมีลูกเล่นที่ซ่อนไว้เพื่อเพิ่มความพิเศษให้แผงตัวรถดูเหมือนส่วนหัวและปีกของนกอินทรีที่กำลังโบยบิน ตรานกอินทรีสีทองบนตัวถังในสไตล์ Art Deco อันเป็นเอกลักษณ์ทางด้านดีไซน์ของ Harley-Davidson เบาะนั่งทำจากผ้ากำมะหยี่สุดหรู มีลายตะเข็บสีทองและสีแดงตัดกันอย่างลงตัว ชุดเกียร์ส่งกำลังโทนสีทอง กล่องคันโยกสีและปลอกท่อก้านกระทุ้งสีแดงสด สำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษรุ่นนี้ จะผลิตออกมาจำหน่ายเพียง 1,500 คันทั่วโลก ซึ่งแต่ละคันจะถูกสลักหมายเลขซีเรียลด้วยเลเซอร์ไว้บนคอนโซลถังน้ำมัน

สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson รุ่นลิมิเต็ดอิดิชันอีก 5 รุ่น ที่ผลิตพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปี มาในสีและดีเทลแตกต่างไม่เหมือนใคร กับการผสมผสานของสีและการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ในยุคก่อน

ประกอบด้วยการใช้โครงสีแบบคลาสสิก พร้อมสีพื้นแดงมันวาว Heirloom Red ตัวรถถูกตกแต่งด้วยลายเส้นสีแดงสดและแต่งเติมความเข้มด้วยสี Midnight Crimson แบบเฟด และรายละเอียดพิเศษอื่นๆ ได้แก่ ตรานกอินทรีสีทองบนตัวถังในสไตล์ Art Deco ที่หุ้มเบาะนั่งพร้อมกรอบสีแดงและโลโก้ Harley-Davidson ที่ปักด้วยด้ายสีทอง และส่วนเครื่องยนต์ที่มีสีแดงแบบเฟด

รถมอเตอร์ไซค์ดีไซน์พิเศษ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 120 มีดังต่อไปนี้:

  • รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Ultra Limited Anniversary (ผลิตเพียง 1,300 คันทั่วโลก)
  • รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Street Glide® Special Anniversary (ผลิตเพียง 1,600 คัน)
  • รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Road Glide® Special Anniversary (ผลิตเพียง 1,600 คัน)
  • รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Fat Boy® 114 Anniversary (ผลิตเพียง 3,000 คัน)
  • รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Heritage Classic 114 Anniversary (ผลิตเพียง 1,700 คัน)

การกลับมาอีกครั้งของรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Breakout

รุ่น Breakout กลับมาอีกครั้งในไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ที่เปิดตัวในทวีปอเมริกาเหนือ เพิ่มความดุดันของเครื่องยนต์และปรับโฉมไฟหน้าแบบใหม่ ให้รับกับรูปทรงรถที่ยาวและเพรียว ขับเคลื่อนเต็มพิกัดด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight® 117 แบบ V-Twin ด้วยแรงบิดเต็มกำลัง และระบบส่งกำลังของ Harley-Davidson ที่ติดตั้งจากโรงงาน ส่งพลังให้ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Breakout พร้อมที่จะสะกดทุกสายตาบนท้องถนน

เพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์ใหม่ ดังต่อไปนี้:

  • ถังน้ำมันความจุ 5 แกลลอน มาพร้อมคอนโซลโครเมียมทรงเตี้ย ที่ถูกออกแบบให้โครงรถมอเตอร์ไซค์มีความยาวขึ้น เพื่อการขับขี่ที่ไกลยิ่งขึ้น
  • แฮนด์บาร์โฉมใหม่ และแฮนด์บาร์สแตนเลสขัดเงา ถูกปรับให้สูงขึ้นกว่ารุ่นเดิม ¾ นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น
  • ตั้งแต่บังโคลนด้านหลัง ฝาครอบด้านหน้า แผงกันท่อไอเสีย ไฟเลี้ยว แผงกระจก ช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ตลอดจนล้ออลูมิเนียมสีดำเงาพร้อมรายละเอียดส่วนประกอบของเครื่องยนต์แบบ 26 ก้าน ถูกออกแบบให้มีพื้นผิวโครเมี่ยมมันวาว

แชสซีของรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson รุ่น Softail® ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของท้ายรถอันคลาสสิก และประสิทธิภาพการขับขี่พร้อมด้วยการควบคุมที่ทันสมัยไว้ และสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Breakout ถูกรังสรรค์มาเพื่อเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่สะกดทุกสายตาบนถนนด้วยสไตล์และขุมพลังของตัวรถเอ

เพิ่มระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) และระบบควบคุมการยึดเกาะบนถนน (Traction Control)

ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Cruise Control) จะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Fat Boy® รุ่น Fat Bob® รุ่น Breakout และรุ่น Low Rider® S ในขณะเดียวกัน ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบพื้นฐาน (Cruise Control) ยังคงเป็นฟีเจอร์สำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Low Rider® ST รุ่น Heritage Classic และรุ่น Sport Glide®

สำหรับระบบควบคุมการยึดเกาะบนถนน (Control System) จะเป็นฟีเจอร์ใหม่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Breakout, Low Rider S และ รุ่น Low Rider ST ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันรอบการหมุนของล้อรถที่มากเกินไปภายใต้การเคลื่อนตัวที่เร็ว ผู้ขับขี่สามารถปิดระบบควบคุมการยึดเกาะบนถนน โดยกดปุ่มที่อยู่บริเวณแฮนด์ควบคุม

ตื่นตาตื่นใจกับรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Nightster® Special ในรูปแบบใหม่

รถมอเตอร์ไซค์น้ำหนักปานกลาง (middle-weight) โฉมใหม่ กับการยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของรถมอเตอร์ไซค์ Nightster ด้วยความลงตัวด้านสไตล์ ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีที่เหนือชั้นขึ้น ขับเคลื่อนอย่างเต็มพิกัดด้วยเครื่องยนต์ Revolution® Max 975T แบบ V Twin ที่ระบายความร้อนด้วยของเหลว ถูกปรับแรงบิดให้มีจำนวนรอบต่ำ เพื่อลดน้ำหนักรวมของตัวรถ โดยน้ำหนักของเครื่องยนต์จะผนวกรวมกับแชสซีช่วงกลาง

ฟีเจอร์หลักของรถมอเตอร์ไซค์รุ่น Nightster Special มีดังต่อไปนี้:

  • เพิ่มที่นั่งและที่พักเท้าสำหรับผู้โดยสาย ตอบโจทย์คู่หูนักเดินทาง
  • ล้ออะลูมิเนียมหล่อพร้อมระบบตรวจสอบแรงดันลมยางรถ (TPMS)
  • ปรับขนาดแฮนด์บาร์และตัวยกแฮนด์บาร์ให้มีความยาว 5 นิ้ว ขยับแฮนด์ควบคุมขึ้นมา 2 นิ้ว และเลื่อนห่างออกไป 1 นิ้ว เพื่อให้ผู้ขับขี่ขับในตำแหน่งที่สะดวกต่อการคุมตัวรถมอเตอร์ไซค์
  • หน้าจอ TFT ทรงกลมขนาด 4 นิ้ว หน้าจอจะแสดงผลฟังก์ชันมาตรวัดและอินโฟเทนเมนต์ทั้งหมด อีกทั้งสามารถควบคุมได้ผ่านปุ่มบนแผงบริเวณแฮนด์จับรถมอเตอร์ไซค์
  • จอแสดงผลรองรับฟังก์ชันสาระบันเทิง สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Bluetooth โดยผู้ขับขี่จำเป็นต้องใช้ชุดหูฟังบลูทูธและลำโพงในขณะที่สวมหมวกกันน็อคเพื่อใช้ฟังก์ชันสาระบันเทิง
  • ผู้ขับขี่สามารถรับหรือวางสายโทรศัพท์มือถือ ผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงจากชุดหูฟัง
  • ผู้ขับขี่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Harley-Davidson ลงโทรศัพท์มือถือ ทั้งในระบบปฏิบัติการ Android และ iOS เพื่อใช้งานระบบนำทาง เมื่อเปิดใช้งานระบบนำทาง ผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบการแสดงแผนที่ทั้งในแบบแสดงภูมิประเทศโดยรอบ หรือแบบขับเคลื่อนไปตามเส้นทาง (turn-by-turn) โดยผู้ขับขี่จะได้รับความช่วยเหลือจากคำแนะนำเสียงผ่านชุดหูฟังขณะขับขี่
  • ส่วนประกอบเบรก Brembo แบบพรีเมียม มอบประสิทธิภาพในการเบรกที่โดดเด่น เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ เบรกด้านหน้าแบบเดี่ยวมาพร้อมคาลิเปอร์ 4 ลูกสูบถูกติดตั้งตามแนวแกน และโรเตอร์ขนาด 320 มม. สำหรับเบรกด้านหลังแบบเดี่ยวมาพร้อมคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวแบบลอยตัว และโรเตอร์ขนาด 260 มม.
  • เชื้อเพลิงขนาด 3.1 แกลลอนถูกติดตั้งอยู่ด้านล่างเบาะนั่ง เพื่อกระจายน้ำหนักของเชื้อเพลิงในแชสซีให้เบาลง ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลงและการควบคุมตัวรถมอเตอร์ไซค์ดีขึ้นพร้อมทั้งสามารถยกขาตั้งที่อยู่ด้านข้างได้ง่ายขึ้น ผู้ขับขี่สามารถเติมน้ำมันโดยการปลดล็อคยกเบาะที่นั่งแล้วยกขึ้น
  • โหมดการขับขี่ต่าง ๆ ได้แก่ Road, Sport, Rain หรือแบบคัสตอม
  • ระบบ Rider Safety Enhancement จาก Harley-Davidson ประกอบไปด้วย Antilock Braking System (ABS) Traction Control System และ Drag-Torque Slip Control System
  • ระบบไฟของตัวรถทั้งหมดเป็น LED
  • ระบบ Standard Cruise Control และพอร์ตชาร์จแบตเตอรี่แบบ USD

Harley-Davidson ยืนหยัดในการค้นหาการผจญภัยและอิสรภาพเหนือกาลเวลาสำหรับจิตวิญญาณให้กับเหล่านักขับขี่ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ตระกูล Grand American Touring ตระกูล Sport ตระกูล Adventure Touring ตระกูล Cruiser ของปี 2023 รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson มือสองที่ผ่านการรับรอง อะไหล่และอุปกรณ์เสริมแท้จาก Harley-Davidson สินค้าเครื่องแต่งกายสำหรับนักขับขี่ Harley-Davidson MotorClothes และบริการ Harley-Davidson Financial Services ได้ที่ H-D.com

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.