ฝันของนักขี่มอเตอร์ไซค์หลายคนเชื่อเลยว่า Harley Davidson เป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจใครหลายคน ด้วยภาพลักษณ์อันโดดเด่นมาพร้อมชื่อเสียงอันยาวนาน การขี่ฮาลี่ย์ ไม่ใช่เพียงการขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วไป หากเป็นการสร้างจุดยืนเป้นตัวของตัวเอง
หลายปีผ่านมา นับตั้งแต่ผมเริ่มหันมาจับมอเตอร์ไซค์ ยอมรับว่าไม่เคยเจ้าใจว่า ทำไมคนถึงชอบฮาลี่ย์มากยัก โดยเฉพาะสาวกขาประจำแฟนๆ ฮาลี่ย์ เรียกว่ามาขี่ยี่ห้อนี้แล้ว ไม่มีทางจะไปยี่ห้ออื่น มันอาจเป็นสไตล์ อาจเป็นชอบส่วนตัว หรืออย่างน้อยที่สุดขี่รถในแบรนด์สูงสุดของมวลหมู่มอเตอร์ไซค์ก็ได้
ในปีที่ผ่านมา (2018) ฮาลี่ย์สร้างความตื่นเต้นให้แฟนๆ มอเตอร์ไซค์ ด้วยการเริ่มส่งรถที่ผลิตจากโรงงานในประเทศออกมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ปรับราคาขายรถลดลงจากเดิมพอสมควร มากน้อยก็เปลี่ยนไปตามความต้องการในแต่ละรุ่น หลายคนเป็นห่วงว่ารถเหล่านี้จะไม่เร้าใจเหมือนเดิม หรือมีคุณภาการประกอบไม่สู้รถที่นำมาจากอเมริกา วันนี้ผมพร้อมจะพาไปพิสูจน์ 3 รุ่นหลักที่มีโอกาสขี่เดินทางขับจริงๆกัน
ถ้าคุณถามว่าผมชอบ ฮาลี่ย์รุ่นไหน ก่อนขี่ไม่เคยประทับใจรถแบรนด์นี้มาก่อน แต่เมื่อมาถึงงาน หลายคนบอกว่ จะถูกแพงให้แดงไว้ก่อน Harley Davidson รุ่น Breakout ถือเป็นรถที่คนซื้อฮาลี่ย์สมควรมอง ถ้าคุณต้องการความแตกต่าง
รถสไตล์ softtail คันนี้เป็นรถที่ถือว่าหาตัวจับยากมาก แล้วเช่นกันมันไม่ได้เหมาะกับทุกคนที่ต้องการ ด้วยการออกแบบตัวรถให้เป็นช็อปเปอร์สมัยใหม่ มาพร้อมโช๊คอัพหน้าสมรรถนะสูง สไตล์เดียวกับรถแข่งด้วยคุณสมบัติ Linear Damping
ด้านหลังใช้โช๊คอัพเดี่ยวสามารถปรับได้และให้ความสามารถในการเข้าโค้งดรีเยี่ยม ติดตั้งล้อที่มาพร้อมยางขนาดใหญ่กว้าง 240 มม. ให้ความมั่นคงยามใช้ความเร็วและตอบเรื่องการเดินทาง ล้อหน้าหลังเป็นอลูมิเนียมขึ้นรูป grasser II สีดำเงาความรู้สึกสปอร์ตกว่ารุ่นอื่น ทั้งยังคงการออกแบบ Hard Tailตลอดคันดูสง่างามโดนใจสายจิ๊กโก๋
ขึ้นคร่อมบอกเลยว่ายิ่งโดน Harley Davidson ใส่ความเรียบง่ายมาให้ครบเครื่องตอบโจทย์ เริ่มจากเรือนไมล์หน้าปัดดิจิตอล เห็นขนาดเล็ก แต่ให้รายละเอียดครบจบลงตัวทุกความต้องการ ถังน้ำมันตอบการใช้งานด้วยความจุ 13.2 ก.ม./ลิตร เพียงพอจะขี่ได้ไกล 200-300 กิโลเมตร
สัมผัสแฮนด์บาร์ครั้งแรก ท่านั่งราวกับคุณกางแขนยกวิดพื้น ผมแอบนึกในใจมันจะสบายได้อย่างไร ทว่าที่นั่งรถรถรุ่นนี้ออกจะกดต่ำสักหน่อยด้วยความสูงจากพื้นเพียง 655 มม.เท่านั้น (cubic inch) หรือเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1,868 ซีซี
เสียหนักแน่นเร้าอารมณ์ปลุกเร้าอารมณ์ให้อยากขี่ยิ่งขึ้น เครื่องยนต์บล็อกนี้ใช่มีดีที่เสียงมันมาพร้อมแรงบิดหนักน่วง 158 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที น้ำหนักตัวเปล่ารถเพียง 294 กก. และเมื่อรวมผมก็เพียง 300 เกือบ 400 กก. กับแรงบิดขนาดบอกเลยว่าเร้าใจแน่นอน
ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ สัมผัสแรกช่วงรถติดกับรถน้ำหนักเฉียด 300 กก. แรกๆ ก็ยอมรับว่าหวันใจไม่น้อยกับการจราจรที่ราวกับจลาจลในเมือง
บ้าน้ราการขี่มอเตอร์ไซค์ต่างจากต่างประเทศ เราชอบเดินทางไปตามระหว่างเลน เจ้า Breakout มีปัญหาข้อหนึ่งที่สำคัญ คือมันเป็นรถที่ค่อนข้างจะมีช่วงแฮนด์กว้างมากกว่ารุ่นอื่นๆ ทำเวลาจะผ่านการจราจรแรกๆก็ เก้ๆกังๆ ว่ามันจะไปได้หรือไม่ ยังดีแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์และซุ่มเสียงแผดราวกับเจ้าถนน ช่วยให้รถยนต์เกรงใจคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย
ผ่านมาสักระยะใหญ่การจราจรเริ่มโล่ง บิดหมดปลอก เจ้า Breakout พาพุ่งทะยานอย่างเร้าใจ เมื่อขับทางไกลรถแรงบิดเยอะสไตล์ Harley Davidson ทำให้คุณขับสนุกมั่นใจตลอดเส้นทาง เมื่อประกอบกับยางหลังขนาดใหญ่และน้ำหนักตัวรถที่สูงถึง 294 กก. ไม่รวมผู้ขับขี่ยิ่งทำให้มั่นใจมากๆ
เจ้านี่สามารถชุ๊ทความเร็วได้สูงถึง 160 ก.ม./ช.ม. จากที่ลองบิด แต่เอาเข้าจริง ผมว่าเป็นรถที่เหมาะเดินทางในช่วง 120-140 ก.ม./ช.ม. กำลังดี แลตอบสนองได้ทุกรอบเร่ง การมี 6 เกียร์ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบเสียงกำลังเพราเมื่อเดินทางไม่โหวกเหวกโวยวายอะไรนัก
แต่ว่าเจ้า Harley Davidson Breakout ก็มีข้อควรระวังโดยเฉพาะการขี่รถยางหลังใหญ่ ทำให้เวลาเข้าโค้งแคบมากๆ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องจัดการความเร็วเหมาะสมกับโค้ง เนื่องจากรถเลี้ยวโค้งแคบๆ ค่อนข้างยากถึงยากมาก
นอกจากนี้ด้วยความที่รถคันนี้เป็นสไตล์แฮนด์กว้าง ทำให้อาจไม่เหมาะกับคนตัวเล็กขาสั้นไซส์คนไทยปกติ เนื่องจากนอกจากต้องเอื้อมแฮนด์แล้ว อาจยังมีปัญหาตอนวางขา ซึ่งรถรุ่นนี้เป็นสไตล์กางออกเล็กน้อย ทำให้ต้องหมอบตัวลงเล็กน้อย เวลาเร่งจึงจะเปลี่ยนเกียร์ได้ถนัดอันมาจากความแรงของตัวรถนั่นเอง
หลังจากขี่ Breakout ผมมีโอกาสได้ขี่ Harley Davidson Heritage , Iron 1200 และ sport glide แต่ละคัน เป็นรถที่มีบุคลิกของตัวเอง ไม่เหมือนกัน จนผมแอบปลื้มรถ Harley Davidson ไปเบาๆในทริปนี้
จบลงจากการเดินทาง Harley Davidson เป็นรถที่ให้ความรู้สึกเสน่ห์การขับขี่ในแบบอเมริกันอย่างแท้จริง มันแรงเร้าใจตอบสนองดี และขับสบาย ผมไม่เคยรู้สึกว่ารถมอเตอร์ไซค์แบบนี้มีอยุ่จริง แต่วันนี้หลังจากสัมผัสแบรนด์จากมิลวอคกี้แล้วคงต้องเปลี่ยนความคิด ยิ่งถ้าคุณกำลังมองแบรนด์นี้อยู่บอกเลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
[ngg src=”galleries” ids=”877″ display=”basic_thumbnail”]