Thai Honda เสริมไลน์อัพไฮไลท์ใหม่ จากรถมอเตอร์ไซค์ระดับบิ๊กไบค์ สู่รถมอเตอร์ไซค์ระดับเอนทรีไบค์ที่ใครๆก็จับต้องได้ง่าย กับการเสริมเทคโนโลยีระบบ E-Clutch เข้าไปในรถ Honda Rebel 300 / Honda CL300 รุ่นใหม่ปี 2025

Honda Rebel 300 E-Clutch / Honda CL300 E-Clutch มาพร้อมจุดขายสำคัญคือการที่ตัวรถจะได้รับการติดตั้งระบบคลัทช์ไฟฟ้าแบบเดียวกับ Honda 650-Series E-Clutch เข้าไป ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานให้กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี จากการที่ผู้ขี่ไม่จำเป็นจะต้องมาคอยกังวลเรื่องการควบคุมคลัทช์ด้วยมือตนเองอีกต่อไป ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการขี่ในเมืองที่อาจจะต้องคอยจอด คอยออกตัวอยู่เสมอๆ (อ่านบทความอธิบายกลไกและหลักการทำงานของระบบ Honda E-Clutch โดยละเอียดได้ที่นี่)
นอกนั้นในส่วนรายละเอียดอื่นๆของตัวรถ จะยังคงอิงตามพื้นฐานตัวรถรุ่นดั้งเดิมทั้งหมด ทั้งชุดเฟรมแบบโครงเหล็กถัก, ระบบกันสะเทือนหน้าโช้กตะเกียบคู่หัวตั้งขนาดแกน 41 มิลลิเมตร, โช้กหลังต้นคู่ทำงานร่วมสวิงอาร์มเหล็กกล่องแขนคู่, ระบบเบรกดิสก์เดี่ยวหน้า-หลัง, และชุดล้ออัลลอยด์รัดด้วยยางทูบเลส ขนาดแล้วแต่ว่าจะเป็นแบบ ล้อ 16 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 130/90-16 M/C 67H และ 150/80-16 M/C 71H ตามลำดับหน้า-หลัง ในรุ่น Rebel หรือ ล้อ 19-17 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 110/80-R19 และ 150/70-R17 ตามลำดับหน้า-หลัง
แม้แต่ขุมกำลังที่ได้รับการติดตั้งระบบคลัทช์ไฟฟ้าเข้ามา ก็ยังคงเป็นเครื่องยนต์สูบเดียว 286cc DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด ราวๆ 26 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดราว 25 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ 6 สปีด ดังเดิม
เช่นเดียวกัน ในส่วนของงานตกแต่งตัวรถ ก็ยังไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ว่าจะทั้ง ชุดไฟหน้าโคมกลม พร้อมดวงไฟ Projector LED 4 ดวง, ไฟท้ายและไฟเลี้ยว LED, และ ถังน้ำมันทรงหยดน้ำ ซึ่งต่างก็เป็นเอกลักษ์ประจำตัวของรถทั้งสองคัน
แต่ในฝั่ง Rebel 300 นอกจากจะได้ชุดล้อที่ใหญ่โตกว่า ยังมาพร้อมกับเบาะนั่งที่เตี้ย ตามสไตล์รถบ็อบเบอร์ ส่วนตัวรถ CL300 ก็จะได้เบาะนั่งตอนยาวที่สูงกว่า สามารถขยับตัวหน้า-หลังได้ง่ายกว่า และยังได้ท่อไอเสียแบบยกสูง ตามฉบับรถสแครมเบลอร์ เช่นเดียวกับชุดยางที่ให้มาแบบกึ่งหนาม
โดย “New Honda CL300” พร้อมวางจำหน่ายสีดำ (Mat Gunpowder Black) และ “New Honda Rebel300” พร้อมวางจำหน่าย สีดำ (Pearl Shining Black)
และทั้งสองรุ่นจะสนนราคาวางจำหน่ายเท่ากัน ที่ 159,900 บาท สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลตัวรถที่ศูนย์บริการ Honda Wing Center ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป