ท่ามกลางกระแสความนิยมในการขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในไทย จึงทำให้ Suzuki V-Strom SX 250 ได้กลายเป็นหนึ่งในรถที่ใครหลายๆคนมองหา และล่าสุดเราก็ได้รับข้อมูลใหม่ที่เป็นเค้าลางบ่งบอกได้ดีเลยทีเดียวว่า มันกำลังจะถูกเปิดตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว ที่ประเทศไทยของเรา
Suzuki V-Strom 250 ถูกเปิดตัวและวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2017 โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักเป็นชาวอเมริกัน, ญี่ปุ่น, ยุโรป, และอินเดีย จนกระทั่งมันได้รับการปรับโฉมอีกครั้งเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แล้วได้มีการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยการส่งไปทำตลาดในประเทศแถบอาเซียน ยกตัวอย่างประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแห่งที่รถมอเตอร์ไซค์ของ Suzuki สามารถรุกตลาดได้ค่อนข้างดี
โดยตัวรถ V-Strom SX 250 รุ่นใหม่ล่าสุด ถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานตัวรถที่แตกต่างไปจากที่เคย เพราะในคราวนี้ มันไม่ได้ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นพี่โฉมแรก แต่เป็นการนำเอารถ GIXXER SF 250 / GIXXER 250 ที่ดั้งเดิมเป็นรถสปอร์ต กับรถเนคเก็ทไบค์ มาดัดแปลงใหม่ เพื่อให้มันมีทั้งกลิ่นอาย และขีดความสามารถในการใช้งานเชิงท่องเที่ยวกึ่งบุกตะลุยตามฉบับของรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล “V-Strom”
ด้วยเหตุผลในข้างต้น จึงทำให้งานออกแบบชิ้นแฟริ่งรอบคันของมัน ยังคงเอกลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์ไบค์ตระกูล V-Strom ยุคล่าสุดเอาไว้ได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นชิ้นจงอยบังโคลนหน้า, บังโคลนหน้า, แฟริ่งกาบข้าง
รูปทรงครอบถังน้ำมันใหม่, แฟริ่งใต้ถังน้ำมัน, และแฟริ่งใต้เบาะนั่ง ที่ดูเป็นเหลี่ยมเป็นสัน ด้วยแรงบันดาลใจจากแอดเวนเจอร์ไบค์ในตำนานอย่าง Suzuki DR BIG หรือแม้แต่ตัวหน้าจอมาตรวัดเองที่แม้จะเป็นจอ LCD ขาว-ดำ แต่ก็ใช้อินเตอร์เฟซแบบเดียวกับรุ่นพี่
อย่างไรก็ดี ในส่วนไฟหน้าของมัน เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่านั่นคือโคมไฟหน้า LED โคมเดี่ยว ที่หยิบยกมาจากรถ Suzuki GIXXER 250 ร่างเนคเก็ทไบค์ และในความเป็นจริงแล้ว ชิ้นส่วนโครงสร้างไส้ในต่างๆของมัน ก็ล้วนได้รับการปรับปรุงมาจากเจ้าเนคเก็ทไบค์ที่ว่าด้วย
ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวรถ ที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งให้มากขึ้น, ระบบกันสะเทือนถูกปรับปรุงให้มีความทนทาน และมีช่วงยุบมากกว่าเดิม พร้อมปรับเซ็ทไส้ในใหม่ให้สมดุล, ชุดล้อหน้าเปลี่ยนวงล้อใหม่จากขนาด 17 นิ้ว เป็น 19 นิ้ว, ชุดยางเปลี่ยนมาใช้ยางเทรล หรือยางกึ่งหนาม, ติดตั้งแฮนด์บาร์ทรงสูงเพื่อการลุกขี่ที่ทะมัดทะแมง
นอกนั้นในส่วนระบบเบรกแบบดิสก์เดี่ยวหน้า-หลัง ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกจาก Bybre ล้วนยังคงมีหน้าตาเหมือนเดิม เช่นเดียวกับสวิงอาร์มหลัง, และถังน้ำมันที่แม้จะมีการปรับรูปทรงตัวครอบ แต่ก็ยังคงมีความจุเท่าเดิมคืออยู่ที่ 12 ลิตร
และแน่นอนว่าขุมกำลังของมัน ก็ยังคงเป็นบล็อคสูบเดียว 249cc SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยระบบออยคูลเลอร์ ซึ่งยังคงให้กำลังสูงสุดเท่าเดิม ที่ 26.5 PS ที่ 9,300 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 22.2 นิวตันเมตร ที่ 7,300 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด อัตราทดเดิม ส่วนอัตราทดสเตอร์หน้า-หลัง ไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขไว้ แต่คาดว่าจะถูกปรับใหม่ เพื่อให้มันเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของตัวรถที่เปลี่ยนไป
ด้านข้อมูลทางเทคนิคของตัวรถ ก็จะมีรายละเอียดทั้งหมดดังนี้
เครื่องยนต์
รูปแบบเครื่องยนต์ | 4 จังหวะ, สูบเดียว, ระบายความร้อนด้วยระบบออยคูลเลอร์ |
ระบบวาล์วไอดี/ไอเสีย | SOHC 4 วาล์ว |
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก | 76.0 มิลลิเมตร x 54.9 มิลลิเมตร |
ความจุ | 249 ซีซี |
อัตราส่วนกำลังอัด | 10.7 : 1 |
กำลังสูงสุด | 26.5 ps ที่ 9,300 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุด | 22.2 นิวตันเมตร ที่ 7,300 รอบ/นาที |
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง | หัวฉีด |
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ | ไฟฟ้า |
ระบบน้ำมันหล่อลื่น | อ่างเปียก |
ระบบส่งกำลัง | คลัทช์มือพร้อมชุดเกียร์ 6 สปีด |
มิติและน้ำหนัก
ความยาว | 2,180 มิลลิเมตร |
ความกว้าง | 880 มิลลิเมตร |
ความสูง | 1,355 มิลลิเมตร |
ระยะฐานล้อ | 1,440 มิลลิเมตร |
ความสูงใต้ท้องรถ | 205 มิลลิเมตร |
ความสูงเบาะ | 835 มิลลิเมตร |
น้ำหนักตัวรถเมื่อรวมของเหลว | 167 กิโลกรัม |
ความจุถังน้ำมัน | 12 ลิตร |
ระบบเบรก
ด้านหน้า | จานเดี่ยว พร้อมคาลิปเปอร์เบรก 2 พอท |
ด้านหลัง | จานเดี่ยว พร้อมคาลิปเปอร์เบรก 2 พอท |
ขนาดยาง
ด้านหน้า | 100/90-19M/C 57S, ทูบเลส |
ด้านหลัง | 140/70-17M/C 66S, ทูบเลส |
องศาแผงคอ / ระยะเทรล | 27° / 97 มิลลิเมตร |
ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้า | โช้กตะเกียบคู่หัวตั้ง |
ด้านหลัง | โช้กต้นเดี่ยว ปรับพรีโหลดได้ ทำงานร่วมสวิงอาร์มเหล็กกล่อง แขนคู่ |