แม้จะมีกระแสตอบรับในบ้านเราที่ดีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2017 แต่ในที่สุด Yamaha Xmax ก็ควรแก่เวลาที่จะต้องปรับโฉมใหญ่กับตัวรถโมเดลปี 2023 สักที และวันนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะได้รีวิวสัมผัสแรกของมันสักที
Yamaha Xmax รุ่นปี 2023 มาพร้อมกับชื่อสำหรับการวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการคือ “Yamaha Xmax Connected” ซึ่งมีเหตุผลคือเพื่อบ่งบอกว่ามันมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้รถสามารถ “เชื่อมต่อ” กับลูกเล่นใหม่ๆที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานมันได้ดียิ่งขึ้น
แต่ก่อนที่จะไปว่ากันในเรื่องลูกเล่นข้างต้น เราขอไล่เรียงจุดเปลี่ยนอื่นๆที่สามารถเห็นได้จากภายนอกกันก่อน ซึ่งมันก็มีทั้ง เส้นสายงาน ด้วยคอนเซปท์ “Condensed Vitality” ที่ถูกออกแบบใหม่ให้ดูมีความเหลี่ยมสันมากขึ้น และทางค่ายยังระบุอีกว่าพวกเขาตั้งใจให้สัดส่วนของตัวรถ มีการทิ้งน้ำหนักไปทางด้านหน้ายิ่งขึ้น เพื่อทำให้ตัวรถดูพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้ามากกว่าเดิม
และในขณะเดียวกันชุดบังโคลนหน้าก็ปรับใหม่ให้ลู่ลมมากขึ้น
เช่นเดียวกับชุดแฟริ่งกลางใต้เบาะนั่งที่ถูกออกแบบให้สามารถรีดไอความร้อนของเครื่องยนต์ออกจากแนวตัวผู้ซ้อนได้ดีขึ้น
ในส่วนชุดโคมไฟหน้า LED ก็มีการปรับรูปทรงใหม่ ให้ดูใหญ่โตขึ้นเล็กน้อยแต่ที่น่าสนใจกว่าคือ ในคราวนี้ ตัวกรอบไฟ LED ของมัน ได้ถูกออกแบบใหม่ ให้ยื่นลงมาทางด้านล่าง ซึ่งเมื่อมองแนวของดวงไฟทั้งสองฝั่งด้วยกันแล้ว มันก็จะมีลักษณะเหมือนกับรูปตัว X
เช่นเดียวกับไฟท้ายหลอด LED ที่ถูกปรับงานออกแบบใหม่ ทั้งกรอบภายนอก และเส้นรายละเอียดด้านใน ให้เป็นรูปตัว X
กลับมาที่ไฟเลี้ยวหน้า นอกจากปรับเป็นหลอด LED ยังถูกปรับตำแหน่งใหม่ ให้ย้ายไปติดตั้งขนาบกับฐานชิลด์หน้า เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นของผู้สัญจรรอบข้าง
โดยที่ตัวชิลด์หน้า แม้จะยังคงสามารถปรับความสูงได้เพียง 2 ระดับ และที่สำคัญคือต้องปรับด้วยมือเท่านั้น แต่ทาง Yamaha ก็ได้มีการปรับปรุงรูปทรงใหม่ ให้กว้างขึ้น เพื่อการแหวกลมออกจากตัวผู้ขี่ที่ดีกว่าเดิม
การเปลี่ยนแปลงในส่วนภาพลักษณ์ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ Xmax รุ่นใหม่ ยังมาพร้อมกับก้านกระจกมองข้างอลูมิเนียม ที่ถูกหล่อขึ้นรูปให้มีลักษณะคล้ายครีบตัดลมเพื่อความสวยงามยิ่งขึ้น
ถัดมาคือลูกเล่นที่เป็นไฮไลท์ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดของเจ้าบิ๊กสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ นั่นคือชุดหน้าจอมาตรวัดแบบแยกส่วน โดยในส่วนจอบน จะเป็นจอ LCD ขาว-ดำ ขนาด 3.2 นิ้ว สำหรับแสดงเลขความเร็ว, ระดับน้ำมัน, ระยะทางทริป, และ ODO Meter ในแบบ Full-Digital ทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ก็จะมีจอแยกทางด้านล่างขนาด 4.3 นิ้ว อีกชุด ซึ่งจอที่ว่านี้ จะเป็นจอ TFT Full-Color ที่ผู้ใช้สามารถปรับลูกเล่นให้มันแสดงค่าข้อมูลต่างๆได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ค่าพื้นฐานอย่างวัดรอบเครื่องยนต์ หรือหากเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านสัญญาณบลูทูธและระบบ Y-Connect แล้ว มันก็สามารถแสดงผลทั้ง ชื่อเจ้าของสายโทรเข้า, ชื่อเจ้าของข้อความเข้า พร้อมแสดงข้อความเข้า และ ชื่อเพลงที่เปิดฟังอยู่ (กรณีมีหูฟังบลูทูธ) รวมถึงสภาพอากาศทั้งปัจจุบัน และล่วงหน้า
และที่พิเศษสุดๆคือมันสามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณดาวเทียม เพื่อใช้งานระบบ GPS ได้ ด้วยระบบของ Garmin ที่ติดตั้งมาให้แบบ Built-In ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม และสามารถใช้ได้ฟรีตลอดอายุการใช้งาน แต่ทั้งนี้ก็ต้องเล่นผ่านแอพพลิเคชัน Garmin StreetCross App ด้วย
ทว่าน่าเสียดายที่ด้วยเลาจำกัด จึงทำให้เราไม่สามารถลองเล่นระบบต่างๆที่ไล่เรียงมาได้ ว่ามันสามารถตอบสนองได้รวดเร็ว และชาญฉลาดมากน้อยแค่ไหน
ด้านความเปลี่ยนแปลงในเรื่องรายละเอียดทางเทคนิค หากเจาะไปตามจริง ส่วนที่ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนที่สุด ก็คือตัวระบบเบรกหน้า ที่หากอ่านจากโบรชัวร์ คุณอาจไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างจากตัวเก่าเลยสักนิด ทั้งจานเบรกที่ยังคงใช้จานเดี่ยวขนาด 267 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊มเบรกล่างโฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 2 พอร์ทเหมือนเดิม
แต่จุดเปลี่ยนที่ว่าคือตัวปั๊มเบรกบน ที่หากเอาแบบย่อๆคือ ทาง Yamaha ได้ทำการปรับจุดหมุนและระยะของก้านเบรกใหม่ เพื่อให้ผู้ขี่สามารถควบคุมแรงเบรกได้อย่างนุ่มนวลและละเอียดละออมากขึ้น
จากการปรับปรุงในจุดดังกล่าว ทำให้เมื่อต้องทดสอบรถจริงๆแล้ว ส่วนตัวผู้ทดสอบพบว่ามันเป็นการปรับปรุงที่เห็นผลและสัมผัสได้จริง เพราะแม้มันจะเป็นการปรับปรุงเพียงจุดเล็กๆ แต่ในภาพรวมก็ทำให้การจัดการแรงเบรก ที่เคยเห็นปัญหาเดิมของ Xmax รุ่นก่อน ที่ใครหลายคนมักบ่นเรื่องเบรกหน้าของมันค่อนข้างกระด้างกว่าที่รถเดิมๆควรจะเป็นนั้นดีขึ้นมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตัวผู้ทดสอบที่มักใช้วิธีเบรกเข้าโค้งแบบเทรลลิ่ง (ค่อยๆกด ค่อยๆผ่อนแรงเบรก ตามความเร็วในจังหวะกำลังจะทิ่มเข้ารถหัวโค้ง) จะยิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าเราสามารถไล่แรงเบรกได้มั่นใจ และเป็นธรรมชาติกว่าเดิมจริงๆ
การปรับเปลี่ยนที่ส่งผลถึงการขับขี่เพิ่มเติมอีกจุด ก็คือตัวเบาะนั่ง ที่มีการปรับรูปทรงช่วงเบาะผู้ขี่ใหม่ ให้สันด้านบนแคบลงอีกพอประมาณ ทำให้ผู้ขี่สามารถวางขาถึงพื้นได้สะดวกและง่ายดายมากขึ้น
และในขณะเดียวกัน ด้วยการออกแบบรูปทรงเบาะใหม่เช่นนี้ ส่วนตัวผู้ทดสอบพบว่ามันให้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถในยามที่ต้องพลิกเลี้ยวมากกว่าเดิม เนื่องจากสามารถใช้ช่วงขาหนีบเข้ากับตัวเบาะได้อย่างกระชับมากยิ่งขึ้น
ส่วนตัวแฮนด์บาร์ ทาง Yamaha ระบุว่าพวกเขาเองก็ได้มีการปรับตำแหน่งใหม่เช่นกัน แต่จากที่ลองทดสอบมายังไม่พบความแตกต่างจากเดิมมากเท่าไหร่นัก
นอกนั้นในด้านชิ้นส่วนโครงสร้างอื่นๆก็เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
ทั้งในส่วนช่างล่างหน้า-หลัง ที่ยังคงมาพร้อมกับจุดเด่นคือความนุ่มนวลในการซับแรงซึ่งดีกว่าของคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด โดยที่ความคล่องตัวในการพลิกเลี้ยวต่างๆก็ยังคงสามารถทำได้ดี ผิดกับหน้าตาและขนาดรถที่ดูใหญ่โตเช่นเคย
เครื่องยนต์ก็ยังคงเป็นแบบ Yamaha Blue Core 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ SOHC 4 วาล์ว สูบเดียว เช่นเดิม และยังคงมีความจุเท่าเดิมที่ 292cc ซึ่งหากอิงตามข้อมูลของรถ Xmax 300 รุ่นปี 2023 เทียบกับ รุ่นปี 2022 ในประเทศยุโรปแล้ว มันก็ยังคงมีกำลังสูงสุดเท่าเดิม คือ 28 แรงม้า PS ที่ 7,250 รอบ/นาที กับเลขแรงบิดสูงสุด อีก 29 นิวตันเมตร ที่ 5,750 รอบ/นาที เหมือนเดิม
ดังนั้นจากการทดสอบในลานปูนพื้นที่แคบๆที่มีทางตรงยาวเพียงไม่กี่เมตร และมีจังหวะให้ปั๊มคันเร่งออกโค้งเพียงสั้นๆ จึงทำให้เราไม่สามารถจับสังเกตความแตกต่างได้เลย ว่าทาง Yamaha ได้แอบปรับจูนเครื่องยนต์ หรือระบบส่งกำลังของมันใหม่หรือไม่อย่างไร
ทว่าหากให้มองในภาพรวม ด้วยลักษณะนิสัยเครื่องยนต์ ที่ยังคงสามารถเรียกอัตราเร่งได้อย่างติดมือตั้งแต่ช่วงความเร็วต่ำ-กลาง (อาจไม่พุ่งเท่ากับคู่แข่งที่ให้เครื่องยนต์ความจุใหญ่กว่า) เช่นนี้ หากเป็นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรือท่องเที่ยวด้วยความเร็วที่ไม่สูงมากนัก มันก็ถือว่าเหลือเฟือเหลือใช้แล้ว
และหากมองในเรื่องของการซ่อมบำรุง ด้วยความที่เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังในตัวรถอาจไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก จึงทำให้ช่างอาจไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้มันใหม่ และสามารถซ่อมบำรุง ดูแลรักษา รวมถึงปรับแต่งมันตามสูตรเดิมกับ Xmax รุ่นก่อนหน้าได้เลยอีกด้วย
สรุปแล้ว.. Yamaha Xmax Connected รุ่นใหม่ปี 2023 อาจไม่ได้มาพร้อมกับการปรับปรุงในเรื่องรายละเอียดทางเทคนิคที่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก แต่มันก็ได้รับการปรับปรุงชิ้นส่วนเปลือกนอกใหม่ที่ทำให้ตัวรถดูโดดเด่นและทันสมัยขึ้นมาก (ซึ่งมันจะถูกจริต และรสนิยมของคุณหรือไม่ เรื่องนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลอีกที)
การปรับปรุงระบบเบรกเอง แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ แต่ก็ทำให้เราสามารถมั่นใจในการใช้งานมันขึ้นได้อีกมาก และอย่างที่เราได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ ว่าด้วยความที่เครื่องยนต์ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากเท่าไหร่นัก จึงทำให้สายซิ่ง สามารถหาขอแต่งของรุ่นก่อนมาใส่ได้เลย โดยไม่ต้องแปลง หรือหาสูตรใหม่ให้วุ่นวาย
อีกจุดที่ทำให้รถดูน่าสนใจที่สุด จนคุณอาจต้องช่างใจให้ดี ว่าจะเบนหน้าหนีมันไปหาคู่แข่งดีหรือไม่ ก็คือการที่เจ้า Xmax รุ่นล่าสุดนี้ ได้ระบบหน้าจอ TFT ที่มีลูกเล่นครบครันกว่า และทันสมัยกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักบิดที่ชอบเดินทางทั้งใกล้และไกล ด้วยระบบเล่นเพลงพร้อมแสดงชื่อเพลง และระบบดูสภาพอากาศ กับระบบ GPS นำทางในตัว ซึ่งจะเห็นได้ว่าลูกเล่นแต่ละอย่างล้วนเป็นลูกเล่นที่คุณสามารถใช้งานได้จริงและเพลินเพลินไปกับมันได้เป็นอย่างดีแน่นอน
โดย NEW YAMAHA XMAX Connected … Follow the MAX พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ศูนย์บริการ และตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ Yamaha ทั่วประเทศ ด้วยราคาเปิดตัวแนะนำ 189,900 บาท
ทดสอบ : รณกฤต ลิมปิชาติ
เรียบเรียง : รณกฤต ลิมปิชาติ
ภาพ : รณกฤต ลิมปิชาติ