แม้ Ford จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ได้มีการทำตลาดรถกระบะไฟฟ้าเป็นรายแรกๆของโลก แต่เจ้าตัวก็ยอมรับว่ามันยังคงมีข้อจำกัดบางอย่างที่ไม่สามารถเทียบกับรถกระบะทั่วๆไปที่หลายคนคุ้นชิ้นกันได้

โดยแม้ Ford จะมีการทำตลาด F-150 Lightning มาได้พักใหญ่ และมันก็สามารถทำยอดขายได้ดี โดยที่ทางค่ายเองก็ระบุว่ามันสามารถรองรับการใช้งานได้ดีเหมือนๆกับรถกระบะขนาด Full Size Truck ที่ชาวสหรัฐอเมริกาคุ้นชิน ไม่เว้นแม้กระทั่งการลากจูง ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของการใช้รถกระบะในประเทศดังกล่าว
ถึงกระนั้น เมื่อมองไปที่รายละเอียดทางเทคนิคเชิงลึกอย่างแท้จริง ผู้บริหารสูงสุดของ Ford อย่าง Jim Farley กลับได้กล่าวยอมรับในงานประชุมแถลงผลประกอบการของปี 2024 เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ว่า รถกระบะไฟฟ้าระดับ Full Size Truck หรือต่อให้เป็นรถขุมกำลัง EREV (Range Extender) ต่างก็ไม่เหมาะสำหรับการนำมาใช้ในงานลากจูง
“มันยังไม่สมบูรณ์” Jim Farlley กล่าว “ถ้าคุณจะใช้มันลากจูง, มันยังไม่ใช่เทคโนโลยีที่ดี, แบตเตอรี่จะต้องมีขนาดใหญ่มาก” เนื่องจากเมื่อรถต้องรับโหลดมากขึ้น โดยเฉพาะในอัตราน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นสูงมาก มอเตอร์ก็จะยิ่งกินไฟมากเป็นพิเศษ จนทำให้ปริมาณไฟในแบตหายไปอย่างรวดเร็วกว่าตอนใช้งานแบบไม่มีน้ำหนักบรรทุก
ซึ่งหากคุณยังคงสงสัยว่า แค่การเพิ่มขนาดแบตฯให้ใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณไฟให้ใช้งานในขณะรถต้องแบกน้ำหนักบรรทุกหรือลากจูง มันจะส่งผลเสียแค่ไหนกัน ?
คำตอบของเรื่องนั้น ก็ถือว่ามีหลายจุด ทั้ง น้ำหนักแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นมาเช่นกัน จนมันอาจเป็นการเพิ่มอัตราสิ้นเปลืองพลังงานของตัวรถเสียเอง (มีไฟให้ใช้มากขึ้นก็จริง แต่รถก็กินไฟมากขึ้นแต่แรกอยู่ดี), สมรรถนะในการควบคุมรถที่แย่ลง (ถึงจะเซ็ทอัพช่วงล่างแก้ได้ แต่ความคล่องตัวก็ยังคงจะเป็นปัญหาอยู่ดี)
และสิ่งสุดท้ายที่ทางผู้ผลิตโดยเฉพาะฝั่งการตลาดมอง ก็คือเรื่องของต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนเซลล์แบตฯ ซึ่งมันอาจจะมากเกินไป จนทำให้ราคาขายจริงของรถยิ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด และอยู่ในจุดที่ลูกค้าไม่อาจรับได้อีกต่อไป
“สำหรับการทำรถยนต์ไฟฟ้าขนาด(แบตฯ)ใหญ่ขึ้น, ในแง่เศรษฐศาสตร์แล้วมันแก้ไม่ได้” Jim Farley กล่าว “กลุ่มลูกค้าเหล่านี้มีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า, พวกเขาต้องการใช้รถลากจูง, ต้องใช้รถบนทางฝุ่น, ต้องการใช้งานในระยะทางไกลๆ, ซึ่งรถกลุ่มนี้มีอัตราการลู่ลมที่แย่ที่สุด และพวกมันก้หนักมากๆอยู่แล้ว”
“นั่นก็หมายความว่าพวกมันต้องใช้แบตเตอรี่ที่ทั้งใหญ่และแพงมาก, ซึ่งจากผลสำรวจของเราบอกว่าลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อรถ(กระบะ)พรีเมียมกลุ่มนี้แน่นอน”
และจากผลสำรวจข้างต้น ทำให้ทาง Ford ได้ตัดสินใจยกเลิกแผนการทำตลาดรถอเนกประสงค์ ที่นั่ง 3 แถว ขุมกำลังไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะใช้พื้นฐานร่วมกับ F-150 Lightning ทิ่งไปด้วย แม้ว่าพวกเขาจะเคยเผยทีเซอร์มันออกมาเมื่อปี 2022 แล้วก็ตาม
ถึงกระนั้น เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า ทาง Ford จึงมีแผนที่จะทำตลาดรถยนต์ในกลุ่ม EREV (Range Extender) ซึ่งให้สมรรถนะในแบบรถยนต์ไฟฟ้า แต่มาพร้อมกับน้ำหนักที่เบากว่า เพราะไม่ต้องพกแบตฯขนาดใหญ๋ เนื่องจากได้พลังงานจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ทำหน้าที่เป็นตัวปั่นไฟให้ขณะใช้งาน ซึ่งน่าจะตอบโจทย์ลูกค้าสายใช้งานหนักได้มากกว่า
“Ford ได้พัฒนารถแพลตฟอร์ม Body-On-Frame และ Unibody ที่มีความยืดหยุ่น ในการนำไปใช้กับขุมกำลังหลากหลายทางเลือก, ช่วยเพิ่มความเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าทั้งเรื่องของการจับต้อง และระยะทางในการใช้งาน” Farley กล่าว “เราได้เรียนรู้, โดยเฉพาะ ในเวลาที่คนไม่นิยมลงทุนในรถขุมกำลังไฮบริด, ซึ่งท้ายที่สุดมันกลับเป็นทางเลือกที่ดี”
“และด้วยเหตุนี้, เราจึงอยากที่จะหันไปทำรถ EREV และขุมกำลังอื่นๆเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะตรงกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป”
ข้อมูลจาก Motor1