แม้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าจะก้าวกระโดดและดีจนหลายคนมองว่ามันอาจทำสมรรถนะได้ดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปอย่างเห็นได้ชัด แต่อรรถรสในการใช้งานแบบรถ ICE ยังคงเป็นสิ่งที่นักขับหลายคนถวิลหา และ Honda เองก็ดูเหมือนจะยังคงต้องการตอบสนองสิ่งนั้นเช่นกัน
ระบบจำลองความเป็นรถยนต์ ICE ในรถยนต์ BEV ที่เหล่าผู้ผลิตคิดค้นขึ้น ในปัจจุบันก็ถือว่ามีหลากหลายไอเดียด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น “ระบบจำลองเกียร์กระปุก” ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทาง Toyota เป็นรายแรกๆที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจริงจังกับลูกเล่นนี้ และยังคงพัฒนามันอยู่ตลอดในรถต้นแบบของตนเอง
หรือในอีกด้านหนึ่ง ก็มี “ระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ และจังหวะการเปลี่ยนเกียร์แบบคลัทช์คู่” ในรถยนต์ไฟฟ้าตัวขายจริงอย่าง Hyundai Ioniq 5 N ที่สื่อหลายเจ้าทั่วโลกต่างให้การยอมรับว่ามันสามารถเพิ่มอรรถรสในการขับได้เป็นอย่างดี
A post shared by Motor1.com (@motor1com)
และล่าสุด ก็เป็น Honda ที่มีการเผยเทคโนโลยี “ระบบจำลองเสียง+คาแร็คเตอร์เครื่องยนต์ตัวแรงยุค 90’s ในรถยนต์ไฟฟ้า Next-Gen” ของตนเองออกมา
ซึ่งจุดน่าสนใจคือ มันไม่ได้สามารถทำได้แค่เพียงจำลองเสียงเครื่องยนต์แบบใดแบบหนึ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทาง Honda ได้ใส่เสียงของรถยนต์ตัวแรงหลากหลายรุ่นเข้ามา เพื่อให้ผู้ขับสามารถปรับเลือกได้ตามใจชอบอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Honda Civic Type R ตัวล่าสุด, Honda S2000 AP2, Honda NSX Type R ปี 1992, Honda NSX Type S ตัวสุดท้ายของเจเนอเรชันที่ 2 ก่อนปิดสายการผลิต, Honda e: รถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์, แม้แต่เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว Honda Jet ก็ยังใส่เสียงจำลองมาให้ด้วย
นอกจากนี้ อย่างที่เราระบุไว้ ว่ามันไม่ใช่แค่เสียงเครื่องยนต์เท่านั้น ที่ตัวระบบสามารถจำลองได้ แต่มันยังสามารถจำลองการสั่นของเครื่องยนต์แต่ละแบบ รวมถึงสามารถปรับคาแร็คเตอร์ หรืออัตราการตอบสนองของมอเตอร์ต่อคันเร่ง ให้เหมือนกับคาแร็คเตอร์ดั้งเดิมของเครื่องยนต์ที่อยู่ในรถแต่ละคันที่มีให้ปรับเลือกได้อีก แม้กระทั่งความต่างของเครื่องยนต์เมื่อระบบ VTEC ยังไม่ทำงาน หรือทำงานแล้ว ก็ยังสามารถจำลองได้ด้วย
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลของสื่อฯอเมริกา Motor1.com ที่มีโอกาสบินไปทดสอบรถต้นแบบในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอันที่จริงทาง Honda ต้องการชวนไปสัมผัสเทคโนโลยีของว่าที่รถยนต์ไฟฟ้าซีรี่ย์ใหม่ ตระกูล “0” (Zero) มากกว่า ก็ระบุว่าเทคโนโลยีระบบจำลองเสียงและคาแรคเตอร์เครื่องยนต์ในรถยนต์ไฟฟ้านี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาช่วงกลางเท่านั้น และยังมีอีกหลายจุดให้ต้องปรับปรุง
ซึ่งอันที่จริง พวกเราเองก็สามารถสังเกตได้จากหน้าจอแสดงผล ที่ถูกออกแบบให้แสดงเป็นหน้าจอมาตรวัดของรถแต่ละคันที่ถูกเลือกให้มาจำลองเสียง ซึ่งยังคงแสดงผลค่าต่างๆได้ไม่เรียบเนียน หรือว่าง่ายๆคือตัวกราฟฟิกจอยังค่อนข้างกระตุกอยู่ และอีกจุดคือในจังหวะที่สื่อฯต้นทางเลือกไปใช้ค่าของสปอร์ตตัวจี๊ดอย่าง Honda S2000 การไล่โทนเสียงระหว่างจังหวะ “เทคปิด-เทคเปิด” ก็ยังฟังดูไม่ค่อยไหลลื่นเท่าไหร่นักเช่นกัน
ดังนั้น กว่าเราจะได้เห็นเทคโนโลยีระบบจำลองนี้ถูกนำออกมาทำขายจริง จึงคาดว่าทาง Honda น่าจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกสักพัก หรือไม่แน่ว่ามันอาจจะถูกนำมาใช้กับรถยนต์ในตระกูล “0 Series” ซึ่งมีกำหนดการจะขายจริงในปี 2026 ก็เป็นได้ (แม้เบื้องต้นมันก็ยังไม่มีแผนที่จะนำมาทำตลาดในไทยเราอยู่ดี ณ เวลานี้)
