ถ้ายังขำได้ ไม่กี่ปีก่อน ค่ายรถยนต์เยอรมันชั้นนำ Mercedes เปิดแผนเตรียมก้าวเข้าสู่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ในอนาคตภายในปี 2023 ด้วยความตั้งใจว่า จะเห็นยอดขายรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้ก และไฟฟ้า ทั้งหมด ภายในปี 2025
แต่อนาคต เป้นเรื่องที่ไม่แน่นอน ล่าสุดทางค่ายตราดาว ปรับกลยุทธ์ตั้งรับความต้องการของลูกค้าใหม่ โดยทางแบรนด์คาดว่า ความนิยม ของรถยนต์ไฟฟ้าและ PHEV จะชัดขึ้นล่าช้าจากที่คาดการณ์ ราวๆ 5 ปี หรือ จะมียอดตามที่คิดภายในปี 2030 และ จะเน้นไปที่ตลาดที่เอื้ออำนวย ต่อความต้องการดังกล่าวก่อน
จากแนวคิดใหม่นี้ มีรายงานที่เชื่อถือได้ มองว่า มีความเป็นไปได้ ที่กลยุทธ์ ในการวางจำหน่ายรถยนต์ของทางค่ายตราดาว จะปรับให้เป็นยุทธศาสตร์ รถสันดาปเคียงข้างไฟฟ้า
CEO ค่ายดาวสามแฉก Ola Kallenius ออกมายอมรับ เมื่อไม่นานมานี้ว่า ตัวทำเงินส่วนใหญ่ ของบริษัท ยังเป็นรถสันดาป ที่ยังมีอยู่ในหฃายรุ่นหลายประเทศ ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้า และยังต้องใช้เวลาในการลงทุนเทคโนโลยี ตลอดจนเม็ดเงินอีกมหาศาล จึงจะทำราคาลงมาเทียบเท่ารถยนต์สันดาป เรื่องดังกล่าวเป็นไปไม่ได้เลย ในทศวรรรษนี้
และแม้ว่า จะมีความกังวลว่า การบังคับใช้มาตรฐานไอเสีย ยูโร 7 จะทำให้ ต้นทุนรถสันดาปสูงขึ้น จนอาจจะมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้า แต่เมื่อเทียบกับการบรรุล เป้าหมายมาตรฐานใหม่แล้ว ถือว่ายังมีต้นทุนถูกกว่าจากการประเมิน ของบริษัท
ปีที่แล้ว Mercedes มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 222,600 คัน เพิ่มขึ้นราวๆ73% และมียอดราวๆ 11% ของ ยอดขายรวม ที่เกิดขึ้นในปี 2023 โดยรถที่ขายดีที่สุด คือ Mercedes EQB และ EQA ส่วนตระกูล EQE ได้รับความนิยม ในอเมริกา ทั้ง รุ่น อเนกประสงค์ และ ซีดาน
โดยเมื่อ ต้นปีทางเมอร์เซเดส มองว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่จะขายรถยนต์สันดาปในหลายตลาด และยังมีความต้องการมาก เนื่องจาก ทางบริษัท ยังไม่พร้อมส่งมอบรถ อันเนื่องปัญหา จากการขาดชิปในการผลิตรถ สร้างผลกระทบ ต่อรถรุ่นยอดนิยม