ความนิยมในรถยนต์อเนกประสงค์ ตรวจการณ์ จากพื้นฐานกระบะ หรือ PPV ในบ้านเรา ทำให้การแข่งขันในตลาดกลุ่มนี้ ค่อนข้าง สูง หลังจากทางค่ายผู้นำตลาด เสนอขาย Toyota Fortuner ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 224 ม้า ในปีนี้ ทางฟอร์ด กระโจนเข้ามาเล่นบ้าง กับ Ford Everest Platinum

Ford Everest Platinum

Ford Everest Platinum กลายเป็นไลน์อัพใหม่ ที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้ามากขึ้น หลังจาก ปีกลาย ส่ง Ford Everest Wildtrak ออกวางจำหน่ายทำตลาด ในปีนี้ ทางฟอร์ด ก็เปิดตัว รถรุ่นนี้ หวังแย่งชิงตลาดหรู ด้วยรถร่างเดิม เพิ่มเติมความหรูหราสง่างาม

เป็นที่โจษจันด้วย ราคาข้าม 2 ล้านบาท ครั้งแรกของรถยนต์กลุ่ม PPV รวมถึง ยังได้ อานิสงค์ เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ V6 3.0 ลิตร จุมพลังเดียวกับ Ford Ranger ตามเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน

ตัวรถ Ford Everest Platinum เปิดตัว ด้วยหน้าตาที่เราดูก็ค่อนข้างจะคุ้นหน้า อยู่ไม่น้อย ทรวดทรงกล่องมีความโค้งนิดๆ เดิมทีก็ว่าดูหรูแล้ว ในงวดนี้ ยิ่งดูดีมากขึ้น

Ford Everest Platinum

ใบหน้า แนะนำ กระจังหน้าใหม่ มาพร้อมความรู้สึกดูหรู ด้วยกระจังแบบ Silk Chrome ดูทันสมัย และยังมีควสามหรูหรา มันต่างจากกระจังเดิม ด้วยการทำเป็น โครเมี่ยมด้านๆ ดู แล้วมีความซอฟท์ แต่ยังดูหรูหรานำสมัยไปพร้อมกัน

ทางด้านหน้าข้าง ชุดล้อ ถูกปรับปรุงใหม่ จากเดิม ขนาด 20 นิ้ว ปลุก ขึ้นมาเป็นขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์เฉพาะรุ่นไม่ซ้ำใคร ดูใหญ่เต็มซุ้มล้อมากขึ้น รวมถึงขนาดยาง ยังถูกเบ่งให้ มีขนาด 275/45/21 ให้ภสพลักษณ์ดูสปอร์ต เป้นสายถนนมากขึ้น

อาจมีประเด็นบ้าง หากต้องใช้เข้าไปในเส้นทางสมบุกสมบัน จะว่า ไป Everst Platinum แทบจะลุยไม่ได้เลย เหมือน เวลาเราใส่สูท ก็คงไม่ไปเดินป่า ถูกไหมครับ

ทางด้าน ในห้องโดยสาร ถ้าดูเผินๆ รายละเอียด ภาพรวมก็น่าจะดูไม่ต่างจากเดิม ชุดจอ ผู้ขับขี่ รวมถึง ระบบการเชื่อมต่อต่างๆ ยังดูคุ้นเคยเหมือนเฉกเช่นที่ผ่านมา

จุดแตกต่าง อยู่ที่ การใส่ ฟังชั่นความหรูหราทันสมัยเข้ามาตอบลูกค้าชาวไทย มากขึ้น เริ่มจาก การให้เครื่องเสียง Bang & Oulfen , ตอบเข้ามา รวมถึง เบาะนั่งตัดเย็บใหม่ เพิ่มความพรีเมี่ยม ดูตอบโจทย์มากขึ้น ปรับได้ 10 ทิศทาง รวมถึง ยังมี Easy entry & Exit

รวมถึงยังเป็นครั้งแรกที่มี Ventilation Seat มาให้ เพิ่มความสบายในยามขึ้นนั่งโดยสาร เบาะสามารถเป่าให้ความเย็นสบายทั่วแผ่นหลัง

ไม่เพียงเท่านี้ พวงมาลัย ยังอุ่นมือได้ด้วย หากต้องการ ทั้งหมด คุณสามารถกดเลือกได้ จากในจอ

ทางด้านเบาะหลังเอง การตัดเย็บ ปรับปรุงใหม่ เหมือนกับเบาะนั่งคู่หน้า ไม่เพียงเท่านี้ ยังเพิ่มฟังชั่นเบาะอุ่นมาให้ใช้ด้วย นับว่า ดีมากๆ

เรื่องท่านั่งการโดยสารตำแหน่งนั่ง ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ด้วยการตัดเย็บ ตัวเบาะที่มีความพิถีพิถันมากขึ้น เราจึงสัมผัสได้ถึงความสบายในการโดยสาร และลดความเหนื่อยล้าในการเดินทางไกลได้ดี พอสมควร

โดยรวม ในห้องโดยสาร อาจจะเพิ่มฟังชั่นไม่มาก แต่ภาพลักษณ์ใหม่ดูดีขึ้น ตอบโจทย์ขึ้น และที่สำคัญ สบายขึ้นด้วยอย่างชัดเจน เรียกว่า เป็นร่างสุดของฟอร์ด เอเวอร์เรส ก็ว่าได้

ขับขี่มั่นใจ พลังขับเหลือเฟือ

ถ้าจะถามว่า แล้วอะไร คือ ไฮไลท์ของรถคันนี้ แน่นอนครับว่า มันคือ เรื่องของการขับขี่นั่นเอง ใต้เรือนร่างของ Ford Everest Platinum คันนี้ พกเครื่องยนต์ดีเซล V 6 3.0 ลิตร เข้าประจำการ เป็นอาวุธคู่กาย

พลังขับของมัน เทียบเท่ากับ Ford Ranger V6 ที่เราเคยรีวิวไปก่อนหน้านี้ มอบพลังขับสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที ส่งลงชุดเกียร์ อัตโนมัติ 10 สปีด คู่ใจรถฟอร์ด ในยุคนี้

Ford Everest Platinum

พลังขับมากกว่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ นับเป็นจุดขายหลักของ เจ้า Ford Everest Platinum จะเร่งแซง พุ่งทพความเร็ว รู้สึกได้ถึงความทรงพลัง เหยียบมาเร่งไป เพียงแต่ มันไม่ใช่เครืองยนต์ที่ออกตัว ปรู๊ดปร๊าด พร้อมพนันขันต่อ หากเพื่อนร่วมทางมากทักทาย

แต่ยามวิ่งด้วยความเร็ว แล้วต้องการพลังขับจัดหนักสมรรถนะ เครื่องยนต์ตัวนี้สามารถ เร่งได้ทันอกทันใจ มีผู้โดยสารเต็มคัน ก็ไม่หวาดหวั่นใจ ในการเดินทาง อาการของมันถูกใจสายขับอย่างแน่นอน กดเป็นมา ตอบโจทย์ทันใจ

สิ่งที่ต้องแลกมา ก็คือความประหยัดน้ำมัน ของรถรุ่นนี้ ทำอย่างไรก็ไม่มีทางข้าม 12 ก.ม./ลิตร เนื่องจากมันใช้ เครื่องยนต์ขนาดใหญ่พลังขับช้างสาร แถมยังเป็น 6 สูบด้วย

แต่ถ้าผมเปรียบเทียบกับ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ อัตราประหยัดกลับไม่ได้แตกต่างกันมาอย่างมีนัยยะสำคัญ เท่าที่ลองเปรียบเทียบข้อมูล

เมื่อคิดว่าได้พลังขับมากกว่า รถตอบสนอง เวลาต้องการทำความเร็วดีกว่า ถ้าต้องเลือกเครื่องยนต์ 2 ลูกนี้ ยังไง ผมก็คิดว่า เลือก เครื่องยนต์ วี 6 น่าจะดีกว่าครับ

อย่างไรก็ดี , จุดขายหลัก ของ Ford Everest Platinum คันนี้ ไม่ใช่ พลังขับของมันเท่านั้น เพราะ ธรรมชาติเครื่องยนต์ 6 สูบ คือ สามารถสร้างสมดุลในเครื่องยนต์เอง ทำให้ แรงสั่นสะเทือนในเครื่องยนต์น้อยมาก จนแทบไม่รู้สึก

เครื่องยนต์ ค่อนข้างเดินเรียบ แม้ติดเครื่องเดินเบาะ คุณก้าวขึ้นมานั่ง บางทีต้องเหลียวมอง เราสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วหรือยัง ด้วยซ้ำไป

ยิ่งในยามที่เราเดินทางขับขี่ ความเรียบของเครื่องยนต์ ทำให้ เรารู้สึกสบาย คล้ายขับเครื่องยนต์เบนซิน ในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังสนุกสนาน กับ ตัวรถ

ผู้โดยสารก็สัมผัส ถึงความสบาย และอาจเผลอหลับเอาได้ง่ายๆ เนื่องขจากรถมันค่อนข้างสบาย เสียงรบกวนจากเครื่องยนต์ก็น้อยกว่า เครื่อง 2.0 เทอร์โบคู่ แถมแรงสั่นก็น้อยกว่า ก็เลยยิ่งเพิ่มพูนความสบายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

นั่นรวมถึงยามเดินทางขับเข้าทางโค้ง อาการโยนตัวของรถ ค่อนข้างจะน้อยกว่ามาก แต่ต้องบอกก่อยว่า ในการรีวิวของเรา ยังไม่มีโอกาส นำมันขับเดินทางไกล โดยเฉพาะ เส้นทางโค้งต่อเนื่อง

แต่หากอ้างอิงจาก Ford Ranger V6 ผมมองว่า การตอบสนอง ของ เอเวอร์เราส ก็น่าจะทำออกมาได้ดี ไม่แพ้กัน

อย่างไรก็ดี เครื่องยนต์ ไม่ใช่เพียงอย่างเดียวที่มีการปรับปรุงจนน่าสนใจ เพราะล้อและยางที่ปรับปรุงใหม่ก้มีส่วนช่วยด้วย

หลสายคนอาจจะมองว่า มันก็แค่ปรับล้อและยางเท่านั้น แต่ใครจะคิดว่าล้อและยาง แก้มบางลง กลับสามารถเพิ่มความสบายมากขึ้น

เรื่องนี้ ผมเคยคุย กับ หัวหน้า ทีมวิศวกร เอียน ฟอสเตอร์ เขาบอกว่า การเซทรถ รุ่นปกติ กับรุ่น วี 6 นั้น ออกมาแตกต่างกัน อย่างชัดเจน

เท่าที่ขับอาการช่วงล่าง ของรถรุ่นนี้ แม้ล้อจะใหญ่ขึ้น แต่กลับนั่งสบายพอๆ กับตัวล่างๆ ใครคิดว่ามันจะตึงตัง สลัดความคิดลืมไปได้เลย

นอกจากนี้ การใช้ยางที่ใหญ่ขึ้นทำให้ การเอนตัวของรถ เวลาเรา เปลี่ยนเลน ยังน้อยลงด้วย เนื่องจากหน้าสัมผัสยางค่อนข้างใหญ่ และกว้าง รวมถึงขนาดแก้มยางลดลง ทำให้ การเอนตัวถ่ายน้ำหนักลงบนยางลดลงด้วย

Ford Everest Platinum ลงตัวความหรู สบายมากขึ้น

หลังจากลองขับรถคันนี้ ที่สุดของ Ford Everest มาตลอดหลายวัน ส่วนที่ผมชอบมากที่สุด ก็หนี้ไม่พ้น สมรรถนะของมัน ตามสไตล์ Car guy ผู้หลงใหลการขับขี่

ในราคาที่เขาเปิดมา 2.279 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ นับว่าไม่ได้แพงอย่างที่หลายคนคิด หากมีโอกาสได้สัมผัสอย่างผม คุณได้เครื่องยนต์ที่มีความทรงพลัง , ช่วงล่างนุ่มนั่งสบาย

มันทำให้ รถคันนี้เป้นได้ทั้ง รถสำหรับผู้บริหาร ,​รถสำหรับครอบครัว ใช้เดินทางได้ ในคันเดียว แม้ว่า อาจจะต้องแลกกับ เรื่องของอัตราประหยัดมาบ้างก็ตามที แต่พลังขับจัดจ้านของรถรุ่นนี้ บวกความนุ่มสบาย จะทำให้คุณหลงใหล

มันมีความสุขุม นุ่มลึกตอบการใช้งาน สามารถเป็นได้ทุกอย่าง ในแบบที่รถ PPV คันอื่น ที่ขาายในวันนี้ ก็ทำไม่ได้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่