ถ้าอยากได้รถสปอร์ตสักคัรน กับคนธรรมดา ทั่วไป อาจจะมองว่ามันเป็นฝันกลางวัน จะมีรถสปอร์ต ต้องซื้อรถราคา 2-3 ล้านขึ้นไป

แต่นั่นไม่ใช่กับรถที่เรานำมาทดสอบในครั้งนี้ นี่คือ MG4 XPower รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ที่พร้อมพาคุณทะยานในราคาไม่ข้าม 1.2 ล้านบาท และมันกำลังเป็นที่สนใจของคอความเร็วหลายคน

MG4 xpower รีวิว

ร่างเดียวกัน กับ MG4

การมาของ MG 4 X-Power เป็นการเดินหน้าดันยอดขาย ด้วยตัวรถที่มาในทรวดทรงเดียวกัน แต่ปรับให้ภาพลักษณ์มันดูเท่ห์ สปอร์ต ตอบโจทย์ในการใช้งาน ด้วยงานออกแบบที่มีความลงตัวมากขึ้น

เพื่อความโดดเด่น ในไทย จึงบังคับขายสีเดียว คือ สีเขียวด้าน ในชื่อ Wild Hunter Green น่าเสียดาย ที่มันมีสีเดียว เพระาบางคนก็ไม่ชอบสีนี้ แล้วแทนที่ มันจะเป็นหมาป่าในครอบลูกแกั เป็น Sleeper เอาไว้ แกล้งใครสายห้าว จะได้หายซ่า

MG4 xpower รีวิว

หน้าตา แม้ว่าจะดูเหมือนกัน แต่ความจริงมีจุดแตกต่างมากมาย เริ่มจาก ด้านหน้า เพิ่มระบ บ Active Grill Shutter ปิดรูรับลม เพื่อเพิ่มความเปรียวลม เวลาขับขี่

ไม่เพียงเท่านี้ เจ้า MG 4 X Power ยังได้ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่มาพร้อมกับ ยางสมรรถนะขึ้นชื่ Bridestone T005A EV ยางสายนุ่มสปอร์ต สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เตรียมตัวมาดีพอสมควร

ภายในถูกใจ สายซิ่ง

ทางด้านในห้องโดยสารมอบความน่าสนใจ ด้วยภายในห้องโดยสารเป็นสีดำทั้งหมด มีการตบแต่ง เพิ่มส่วนที่ต้องยึดติดกับผู้โดยสารและผู้ขับขี่ เป็นหนัง alcantara พร้อมดูดเสื้อผ้าเวลาขับขี่

ส่วนผ้าหลังคา ปรับเป็นสีดำ นอกนั้นเหมือนกับที่เรารู้จักกันเหมือนเดิมไม่ว่าจะจอกลางขนาด 10.25 นิ้ว พวงมาลัย งานตบแต่ง รวมถึง ด้านหลังยังเหมือนเดิมด้วย การไม่มี ที่เท้าแขนมาให้

MG4 xpower รีวิว

ถ้ามองเท่านี้ มันก็ดูจะเหมือนเดิมทุกประการ แต่ความจริงแล้ว ทางด้านซอฟท์แวร์ มีการปรับแก้ไขให้เหมาะสมมากขึ้น ด้วยการจำค่าที่เราเซทติ้งไว้แล้ว และยังสามารถปรับโหมด ด้วยปุ้มลัดที่พวงมาลัย ทำให้เราสามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ใครมาซิ่งมาซัดกดปุ่มเปลี่ยนโหมด พร้อมไปต่อได้ทันที

เป็นจุดที่ดี ลบข้อจำกัดเดิม ที่ต้องเข้าไปในจอ และดีกว่าหลายรุ่น ที่ชอบ ให้เหลี่ยนโหมดในจอไม่เว้น แม้แต่แบรนด์เทสล่า

สมรรถนะ เร้าใจ เร่งแรง 4.2 วินาที

ใต้เรือนร่าง MG4 X- Power ตัวรถมีการปรับตัวรถให้ตอบสนองเรื่องสมรรถนะ โดยเปล่ยนเอามอเตอร์ไฟฟ้า จากเดิมที่มีตัวเดียว ให้กำลังขับ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน เมตร เปลี่ยนตัวนั้นมาอยู่ทางด้านหน้า และ เพิ่มกำลังมาเป็น 204 แรงม้า

MG4 xpower รีวิว

ด้านหลัง ลงมอเตอร์ลูกใหม่ ให้กำลังขับ 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ทำให้เมื่อรวมกำลังขับทั้งหมด จะให้กำลังขับสูงสุดรวม 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร

ตามการเคลมทาง MG สามารถทำอัตราเร่งสูงสุด 0-100 ก.ม./ช.ม.​ในเวลา 3.8 วินาที เท่านั้น นั่นพอๆ กับ BD Seal Performance

ในการขับขี่จริง จากการทดลองนั่ง 2 คน ทดลองบนถนนลาดยาง เราสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.​ได้เวลาดีที่สุด 4.29 วินาที อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. ใช้เวลา วินาทีเท่านั้น เมื่อคุณเหยียบคันเร่งไปเต็ม

แต่ถ้าออกตัวขับด้วยความเร็วเต็มๆ อัตราเร่ง 0-160 ก.ม./ช.ม.​จะใช้เวลา เพียงไม่เกิน 10 วินาที คุณ ก็แทบจะไปถึง 80% ของความเร็วสูงสุดแล้ว

ส่วนความเร็วสูงสุด ของ MG 4 X- Power นั้น ทำได้ เพียง 202 ก.ม./ช.ม. และไม่เร็วมากวก่านี้ เนื่องจากรถล็อคความเร็วเอาไว้นั่นเอง

อย่างไรก็ดี ตัวรถคันนี้ มีโหมดการขับขี่เหมือนรุ่น ปกติ คือ Eco, Normal ,Sport ,Snow และ Custom

เท่าที่มีข้อมูล ในโหมด โหมด จะปรับ 3 ค่า การตอบสนองคันเร่ง ,​พวงมาลัยไฟฟ้า และ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ครับ

Eco เน้นขับประหยัด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จะตัดเหลือเพียงขับเคลื่อนสองล้อเท่านั้น และ จะไม่มีการใช้การขับเคลื่อนสี่ล้อ , คันเร่งจะไม่ไวเท่าไร ขับแล้สวใกล้เคียง MG 4 ปกติ ที่รู้สึกว่าเร็วกว่า

Normal ในโหมดนี้ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จะทำงานแบบกึ่งอัตโนมัติ ถ้าเร่งมาก เกิน 40-50% ระบบ สั่งการมอเตอร์หน้าาให้ทำงาน กลายเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ

Sport คันเร่งจะตอบสนองไว ทันใจ เร่งเร็วเบรกเร็ว และ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว จะพร้อมทำงานตลอดเวลา

Snow ระบบัขบเคลื่อนสี่ล้อทำงานตลอดเวลา เพียงแต่ การตอบสนองคันเร่งจะมีความรู้สึกเป็น Eco ไม่พุ่งทะยาน แต่รู้สึกส่ารถมันดูแน่นๆ

เท่าที่ขับ เอาความจริงบนถนน โหมด Normal ถือว่าพอเพียงต่อการใช้งาน เร่งแรงมาก รถก็พุ่งทะยาน แต่สปอร์ต อยากแนะนไนำว่า เอาไว้เวลาคุณเร่งรีบ ต้องใช้ทุกอย่างบี้แข่งกับเวลาจริงๆ น่าจะดีกว่า

ช่วงล่างดันสบาย

ถ้าจะถามว่า ผู้ทดสอบติดใจอะไรใน MG 4 X-Power ส่วนตัวผม ยกให้ช่วงล่าง ที่เซทมาอย่างลงตัว ยังมีความเป็นรถบ้าน และพร้อมสำหรับเรื่องซิ่งได้

ปกติแล้ว เวลาเราพูดถุงรถที่มีความแรงตั้งแต่ 300 แรงม้า ขึ้นไป เรามักจะค้นพบว่ าพวกมัน มักมากับช่วงล่างแข็งแตึงตัง ขับสนุก แต่หากคิดว่าจะเอามานั่งใช้งานทุกวัน มันจะไม่สบาย

เอ็มจี เปิดเผย กับผมว่า พวกเขามีการเซทช่วงล่าง MG4 XPower ใหม่ให้สอดรับ กับสมรรถนะการขับขี่ของมัน มีการเปลี่ยนโช๊คอัพ และ สปริง ให้ตอบสนองได้อย่างทันใจ ตรงตามภาพลักษณ์ของรถมากขึ้น

ในใจทีแรกก็คิดว่า มันน่าจะตึงตังแน่นอน พอลองขับจริงรับรถมาขับบนถนนในเมืองกรุง กลับพบว่า ช่วงล่สงของมัน แน่นกว่าตัวปกติแต่ไม่ตึงตังมากเกินงาม

ความรู้สึกระบบกันสะเทือนมอบความมั่นใจ และ เช่นกัน มอบความสบายในการโดยสารอยู่ประมาณหนึ่ง ส่วนตัวกล้าพูดว่า มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง และ รถ 400 ม้า ที่มีช่วงล่างค่อนข้างดีเอาเรื่อง

ถ้าเปรียบกับคู่แข่ง 500 ม้า ที่ออกมาขายเมื่อปีที่แล้ว ช่วงล่าง MG4 XPower ค่อนข้างให้ความมั่นใจมากกว่า จะซิ่งก็ได้ ไม่วาบหวิว จะนั่งสบายก็เข้าที

ผมลองพิสูจน์ ด้วยการจับรถคันนี้เดินทางไกล กรุงเทพ-พัทยา ผู้โดยสารสามารถนั่งได้อย่างสบาย ขณะที่ผมในตำแหน่งผู้ขับขี่ ก็สามารถสนุกสนานกับรถได้ไปพร้อมกันในคราวเดียว

ช่วงล่างนี้มั้นใจไปถึงความเร็ว 200 ก.ม./ช.ม. ที่ถือว่า เป็นท๊อปสุเท่าที่รถจะมอบให้ได้ ก็เรียกว่ายังมั่นใจ อยู่ตลอดเวลา

น่าจะเรียกว่า มันเป็นรถ 400 ม้าที่สบายที่สุด นับตั้งแต่เคย ขับรถสปอร์ตแบบนี้มา

กินไฟไม่มาก สนุกได้ทุกวัน

ทางด้านอัตราประหยัด เป็นไงบ้าง? เดิมที เราพูดถึงรถสันดาป 400 แรง้มา้ มักจะข้ามประเด็นนี้ไป เนื่องจาก รถแรงจะมาให้ประหยัด มันคงเป็นไปไม่ได้

MG4 xpower รีวิว

แต่กับ รถยนต์ไฟฟ้ามันเป็นไปได้ไหม ตอบว่าใช่ครับ

แม้ว่า ตัวรถจะพัฒนาออกมาให้มีความแรงสมรรถนะ ที่ดีกว่า แต่ตจากการที่ทดสอบวัดอัตราประหยัดหลายรอบ ในการใช้งานทั่วไป ขับเร็วบ้างช้าบ้าง เอาตามสะดวก ทั้งในเมือง และนอกเมือง MG4 X-Power จะกินไฟ อยู่ราวๆ 4.9 ก.ม./ กิโลวัตต์

หากหาร ค่าชาร์จตู้ DC ที่ กิโลวัตต์ และ 8.8 บาท ก็จะตก เฉลี่ย อยู่ที กิโลเมตร ละ 2 บาท

กลับกัน ถ้าคุณชาร์จบ้าน Tou ตกค่าไฟเฉลี่ย หน่วยละ 2.67 บาท จะคิดเป็นค่าเดินทางอยู่ที่กิโลเมตร ละ 1.8 บาท

แม้เทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปจะแพงกว่าราวๆ 3-4 เท่าตัว โดยเฉพาะ กับ MG 4 ปกติที่ผม ใช้อยู่ แต่ถ้าเราลองมาคำนวนเปรียบเทียบกับรถสันดาป พลังแรงสูง 400 ม้า ที่มักจะกินแบบประหยัดสุด ก็ราวๆ 8 ก.ม./ลิตร อาจดีกว่านี้ ขึ้นอยู่กับฝีเท้าผู้ขับขี่

ถ้าเราตำนวนกับค่าน้ำมัน แก๊สโซฮอล 95 ที่พื้นฐานลิตรละ 39 บาท รถสันดาป 400 ม้า จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางราวๆ กิโลเมตรละ 4.875 บาท

ถ้าเทียบ กับ M4 XPower แล้ว รถยนต์ไฟฟ้าอย่าง MG4 XPower ประหยัด ค่าใช้จ่ายถึง 2-3 บาท ต่อกิโลเมตร กันเลยทีเดียวครับ

เบรกไหวไหม ..​มะม่วง เอาอยู่รึเปล่า

แย่างไรก็ดี แม้ว่า จะมีความดี ความชอบมากมาย สิ่งที่ทำให้หลายคนขยาด และคิดไม่ตกว่า ควะคบ เจ้า เขียวคันนี้หรือไม่

นั่นคบไม่พ้นประเด็นเรื่องเบรกที่หลายคน น่าจะได้ยินจากโซเชี่ยลมาแล้ว

ต้องบอกแบบนี้ครับว่ าเจ้า MG4 XPower มีข้อด้อย ตรงม้าขนาดนี้ ยังไม่ยอมให้เบรก Monoblock นั่นอาจเพราะ เอ็มจี ไม่ได้มองรถคันนี้เป็นรถซิ่ง แต่พวกเขามองว่ามันเป็นรถบ้านตัวแรง

เลยพยายามคงความเป็นรถบ้านให้มากที่สุด รวมถึงเบรกด้วย ประกอบกับข้อเท็จจริงว่า พฤติกรรมคนขับรถยนต์ไฟฟ้ามักจะมาในแนว ยกคันเร่ง ใช้ Kers ชะลอความเร็ว แล้วค่อยเบรก

ผิดกับรถสันดาป ที่น้อยคนจะใช้ การ engine Brake ในกาะลอความเร็วรถ นั่นทำให้ ทีใวิศวกร คงมองว่ าการอัพขนาดสูบปั้มเบรก และจานเบรก น่าจะเพียงพอแล้วต่อการขับขี่

จากที่ผมขับใช้งานทั่วไป ซิ่งบ้างในบางอารมณ์ มันพอนะ เรียกว่าเหลือๆเลย ยังไม่เคยมีอาการเบรกร้อน เอาไม่อยู่ให้เราเห็น

แต่ต้องบอกก่อยว่าที่ผมลองขับ มันก็เป็นการขับทั่วๆไป ไม่ได้ซิ่งลงเขา ลงดอย อีกอย่างด้วยการฝึกทักษะการขับขี่มา ให้รู้จัก การจัดการยาง และเบรก ให้พร้อมเสมอ ก็เลยอาจไม่เจออาการไม่พึงประสงค์

แต่กับคนทั่วไป ถ้าคุณเป็นสายยัดสายซิ่ง ผมก็แนะนำว่า เอารถคันนี้ไปทำเบรกต่อ ก็น่าจะได้เบรกที่มั่นใจมากขึ้น กว่าเบรกเดิมๆ จากโรงงาน

MG4 XPower โคตรแรง ตัวคุ้ม ..​ คนอยากซิ่ง

มาถึงตรงนี้ ผมบอกตามตรงว่า หลังจากขับ MG4 XPower ผมยังเอามันออกจากหะัวไม่ได้เลยว่า นี่คือรถที่น่าซื้อในวันนี้ ง

ผมยังแอบเสียดายว่า ในตอนที่ MG4 มาขาย ทีแรงพวกเขาดันไม่เอารถรุ่นนี้มาขาย ไม่งั้นผมนี่คงได้สอยไปแล้ว

การมาของ MG4 XPower ทุบความเชื่อรถ 400 ม้า ต้องราคาแพงไปได้ อย่างราบคาบ อันที่จริง ราคาขายของมัน ค่อนข้างตจะจูงใจคนจำนวนมาก

รถคันนี้ มีดีเรื่องสมรรถนะ และ เหมาะสมต่อการใช้งานได้ทุกวัน ในชีวิตประจำวัน เป็น 400 ม้าที่วิ่งไปได้แบบไม่เคอะเขิน ลูกเมียไม่บ่น

มันเร่งเร้าใจโดนใจท่านชาย เสียอย่างเดียว คือ ความเร็วสูงสุด ไม่เยอะมาก จนรู้สึกว่าจะโดนใจ คนชอบความเร็ว แต่กับราคาเท่านี้ ถือว่า ให้ความสนุกสนานเร้าใจได้อยู่ประมาณหนึ่งทีเดียว

โดยรวม มันเป็นรถแรงราคาคุ้ม ผมเรียกมันว่า Budget Sport Car คุณจะหาความแรงแบบนี้ในราคาแบบนี้ได้ไหม … ตอบว่าคงยาก

รถคันนี้ แค่เงินเดือน 2-3 หมื่น ดาวหนัก นิดก็พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้ว ..แบบนี้ จะไม่หลงรักได้ไง จริงไหมครับ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: