Neta X เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ขายไทย ราคา เริ่ม 739,000 บาท

หลังการเผยโฉมให้ชาวไทยได้สัมผัสกันมาหลายครั้ง ในที่สุด Neta X ก็พร้อมแล้วสำหรับการวางขายจริง ด้วย ราคา เริ่มต้น 739,000 บาท

NETA X รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV มาพร้อมการออกแบบภายนอกที่ทันสมัย ด้วยการนำ NETA U มาปรับหน้าตาพร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่แล้วปรับดีไซน์กันชนหน้าให้ดูสปอร์ตเท่ด้วยคิ้วไฟ DRL แบบ LED ชุดกระจังหน้าทรงทึบติดตราโลโก้ NETA ใต้ช่องไฟ DRL ติดตั้งไฟหน้า LED ขนาดเล็กไว้ ตกแต่งขอบส้ม พร้อมช่องระบายอากาศออกแบบใหม่ ด้านข้างตกแต่งด้วยคิ้วชายล่างสีเดียวกับตัวรถผสมความเข้มด้วยคิ้วขอบล้อสีดำ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

และด้วยมีมิติตัวถังขนาดใหญ่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว กับมิติตัวถังขนาดใหญ่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยความยาวตลอดทั้งคัน 4,619 มม. กว้าง 1,860 มม. และสูง 1,628 มม. โดยมีระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,770 มม. ช่วยให้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถจุถึง 508 ลิตรเบาะพับได้สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 1388 ลิตร พร้อมช่องเก็บของอเนกประสงค์ 24 จุด กระจายอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร

การออกแบบภายในของ NETA X ยังโดดเด่นด้วยหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว รองรับการสั่งการด้วยเสียง และยังเลือกใช้วัสดุบุนุ่มถึง 80% ของพื้นที่ภายในห้องโดยสาร

นอกจากนี้ตัวรถยังตอบโจทย์ผู้ใช้ที่มองหาประสบการณ์การขับขี่ที่ชาญฉลาด มอบความสะดวกสบายที่เหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ ระบบสั่งการด้วยเสียง ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ในรถได้อย่างสะดวกสบาย

รวมไปถึงระบบควบคุมรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันบนมือให้ผู้ใช้รถสามารถทราบถึงสถานะด้านต่างๆ ของรถรวมถึงสั่งการฟังก์ชันของตัวรถ อาทิ การล็อค/ปลดล็อคประตู การควบคุมเครื่องปรับอากาศ การค้นหาตำแหน่งรถ รวมไปถึงการจองนัดหมายเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ 

ด้านระบบเทคโนโลยีความปลอดภัย ยังเสริมด้วยระบบ ADAS Level 2.0 ที่มีฟังก์ชันการทำงานเต็มรูปแบบ (เฉพาะรุ่น Smart) เช่น ระบบกล้องรอบคัน 360 องศา ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน เป็นต้น

และยังตอบโจทย์นักเดินทางสมัยใหม่ด้วยฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 3,300 วัตต์

NETA X ใช้โครงสร้างที่ทำจากเหล็กแรงดึงสูง (High–strength Steel) ถึง 75% ของตัวถังมาพร้อมระบบถุงลมนิรภัย    ถึง 6 จุด และแบตเตอรี่ที่ผ่านการทดสอบ IP68 ซึ่งเป็นระดับกันน้ำและกันฝุ่นระดับสูงสุดในตลาด โดยสามารถผ่านการทดสอบการกันน้ำอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 48 ชั่วโมง  

ขุมกำลังของตัวรถ เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังถึง 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ Lithium-ion ซึ่งมีทั้งหมด 2 ความจุแล้วแต่รุ่นย่อย ได้แก่ ขนาด 51.8 kWh รองรับระยะทางในการวิ่งไกลสุด 401 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC และ ขนาด 62 kWh รองรับระยะทางในการวิ่งไกลสุด 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC

โดยแบตเตอรี่ทั้ง 2 แบบ สามารถรองรับการชาร์จไฟในระบบกระแสสลับ AC ด้วยกำลังสูงสุด 6.6 kW เหมือนกัน แต่หากเป็นการชาร์จไฟด้วยระบบไฟกระแสตรง หรือ DC (Fast Charge) จะรองรับกำลังไฟสูงสุด 65 kW ในรุ่นแบตฯขนาด 51.8 kWh และขยับความสามารถในการรับกระแสไฟสำหรับการชาร์จสูงสุด 100 kW ในรุ่นแบตฯขนาด 62 kWh

ขณะที่ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดเอาไว้ที่ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมความสามารถในการเรียกอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.5 วินาที พร้อมโหมดการขับขี่ทั้งแบบ Normal กับ Sport

ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นช่วงล่างระบบแม็คเฟอสันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังเป็นแบบอิสระมัลติลิงค์ ขณะที่ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ

Neta X พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น

• Neta X Comfort (รุ่นแบตฯ 51.8 kWh) : ราคา 739,000 บาท
• Netx X Smart (รุ่นแบตฯ 62 kWh) : ราคา 799,000 บาท

โดยลูกค้า สามารถเลือกสีตัวถังภายนอกได้ 3 สี ได้แก่ สีดำ (Onyx Black) สีน้ำเงิน (Glacier Blue) และสีขาว (Pearl White) ขณะที่ภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Prestige Black) ในรุ่น Comfort และสีน้ำตาล (Elegant Brown) ในรุ่น Smart

นอกจากนี้ลูกค้ายังจะได้รีบ ฟรี

• Neta Wallbox
• ประกันภัยชั้นหนึ่ง ระยะเวลา 1 ปี
• ค่าบริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทในรถ ระยะเวลา 3 ปี
• บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 5 ปี

และ ทาง Neta ยังให้การรับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และ มีให้การรับประกันมอเตอร์กับแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร

โดยหากลูกค้าต้องการ แพ็คเกจรับประกันมอเตอร์และแบตเตอรี่ตลาดอายุการใช้งาน สามารถซื้อออพชัน Neta Care Package เพิ่มเติมได้ในราคา 39,800 บาท ซึ่งลูกค้ายังสามารถรับสิทธิ์การบริการค่าแรง และค่าอะไหล่สิ้นเปลืองรถยนต์ ฟรี 5 ครั้ง จากแพ็คเกจนี้ได้อีกด้วย