หลังประกาศความร่วมมือกับทาง GM เหล่าสาวก Honda ก็รอคอยอย่างใจจดใจจ่อว่าแล้วเมื่อไหร่กันโปรเจ็กท์รถไฟฟ้าที่ว่านี้จะเผยโฉมออกมา และมันก็ถึงเวลาแล้ว กับ 2024 Honda Prologue ที่ทุกท่านเห็นกันอยู่ในขณะนี้
2024 Honda Prologue ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม BEV3 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรถไฟฟ้าที่ทาง Honda ร่วมกันพัฒนาขึ้นมากับทางบริษัท General Motors โดยมีเป้าหมายหลักคือการใช้แบตเตอรี่ใหม่แบบ Solid-State “Ultium Cell” ซึ่งประกอบไปด้วย องค์ประกอบทางเคมีของธาตุ Nickel-Cobalt-Manganese-Aluminum (NCMA)
โดยทาง GM ระบุว่ามันคือแบตเตอรี่ยุคใหม่ ที่คุณสมบัติในเรื่อง “ปริมาณพลังงานต่อน้ำหนัก” ที่ดีกว่าแบตเตอรี่แบบดั้งเดิม หรือว่าง่ายๆก็คือ ในน้ำหนักแบตฯที่เท่ากัน มันจะสามารถจุพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า และที่สำคัญคือชวยลดต้นทุนในการผลิตได้มากถึง 90% ซึ่งจะส่งผลถึงราคาตัวรถตอนวางขายจริงเป็นอย่างมาก
กลับมาที่เจ้า Prologue จากข้อมูลในเบื้องต้น ทาง Honda ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามีเป้าหมายที่จะให้มันกลายเป็นทางเลือกใหม่ของลูกค้าที่กำลังสนใจ หรือใช้รถมิดไซส์เอสยูวีของทางค่ายอย่างเจ้า CR-V อยู่ เพราะนอกจากขุมกำลังที่จะเปลี่ยนแป็นแบบใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งช่วยลดทั้งมลพิษ และค่าใช้จ่ายจากการเติมน้ำมันแล้ว ขนาดตัวถังของมันยังใหญ่กว่า ห้องโดยสารกว้างกว่า ให้ความมั่นใจในการควบคุมที่มากกว่าอีกด้วย
หากอิงตามตารางที่เห็นในข้างต้น Prologue จะมาพร้อมกับตัวถังความยาว 4,877 มิลลิเมตร, กว้าง 1,989 มิลลิเมตร และสูง 1,643 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อก็มีตัวเลขที่ 3,094 มิลลิเมตร ซึ่งหากเทียบกับ CR-V รุ่นใหม่ล่าสุด (ที่ยังรอการเปิดตัวในไทย) มันก็จะมีความยาวที่มากกว่ากัน 203 มิลลิเมตร, ความกว้างที่มากกว่า 127 มิลลิเมตร
หรือหากทุกท่านยังไม่เข้าใจ ขนาดตัวรถของเจ้า Prologue ก็มีตัวเลขแทบจะเทียบเท่ากับรถเอสยูวีขนาดใหญ่อย่าง BMW X7 อยู่แล้วนั่นเอง
ส่วนงานตกแต่งภายนอกเอง ก็ถือว่าช่วงหน้าของตัวรถนั้น ถูกออกแบบให้ดูมีความเรียบง่าย และมีความเป็นรถครอบครัวสูงมาก โดยถึงแม้มันจะเป็นรถไฟฟ้า 100% แต่ทาง Honda ก็ยังเลือกที่จะใส่กระจังหน้าแบบมีช่องรับอากาศ เช่นเดียวกับกันชนทางด้านล่าง เพื่อไม่ให้มันดูมีความเป็นรถไฟฟ้ามากเกินไปจนใครหลายคนไม่เคยชิน
ขณะที่งานออกแบบไฟหน้า และแนวไฟตัดหมอก ดูไปดูมากลับเหมือนของ BR-V อยู่ไม่น้อย และเส้นสายข้างประตูรวมถึงแนวหลังคาเอง ก็ยังดูสะอาดสะอ้าน แต่ด้านท้ายของตัวรถ กลับดูน่าแปลกใจอยู่หลายจุดด้วยกัน ทั้งโลโก้ “H Mark” ที่หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยตัวอักษร “H o n d a” ที่หนักกว่าคืองานออกแบบไฟท้าย และลักษณะการลาดลงของกระจกบานหลังนั้นดูคล้ายกับรถเอสยูวีแบรนด์อังกฤษ Land Rover เป็นอย่างมาก
ด้านงานออกแบบภายใน ก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะแม้มันจะใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Chevrolet Blazer EV แต่จุดที่เหมือนกันทางด้านในกลับมีเพียงพวงมาลัยที่ถูกเปลี่ยนโลโก้เท่านั้น แต่งานออกแบบแผงคอนโซลทั้งชุด กลับเป็นงานออกแบบที่สร้างขึ้นมาเพื่อเจ้า Prologue โดยเฉพาะ
นั่นคือยังคงเน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก แต่ยังมาพร้อมกับชุดหน้าจอมาตรวัดแบบ Full-Digital TFT ขนาด 11 นิ้ว และชุดหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 11.3 นิ้ว ที่ลอยตัวขึ้นมาจากแผงคอนโซล เพื่อความทันยุคทันสมัยอยู่บ้าง
ทั้งนี้ เนื่องจากมันยังเป็นแค่เพียงการเผยภาพตัวรถคันจริง ให้เราได้เห็นหน้าค่าตาของมันเพียงเท่านั้น จึงทำให้ทาง Honda ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคใดๆของมันออกมาทั้งสิ้นในตอนนี้