หลังเปิดตัว Mercedes-EQS SUV ไปเมื่อปลายปีก่อน ล่าสุดทางค่ายก็ได้มีการเผยโฉม 2024 Mercedes-Maybach EQS 680 ออกมาเสริมทัพ พร้อมการแสดงตัวในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรก จากตระกูล Maybach
เช่นเดียวกับเพื่อนๆร่วมตระกูล Maybach ตัวรถ 2024 Mercedes-Maybach EQS 680 เองก็ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของรถยนต์ในฝั่ง Mercedes-Benz เป็นร่างต้นเช่นกัน นั่นคือ Mercedes-EQS SUV
แต่เพื่อให้มันดูหรูหราและครบครัน สมกับความเป็น Maybach มากขึ้น มันจึงได้รับการตกแต่งชิ้นส่วนต่างๆทั้งภายนอกและภายในใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ปรับเปลี่ยนลวดลายแผ่นปิดด้านหน้า ให้เป็นลายตารางถี่แนวตั้งตามฉบับของตระกูล, เปลี่ยนกันชนหน้าพร้อมเส้นสายใหม่ที่ดูเรียบหรูยิ่งขึ้น
เพิ่มแถบโครเมียมตามชิ้นส่วนต่างๆ ตั้งแต่ชายล่างกันชนหน้า บานประตู รวมถึงกรอบกระจกห้องโดยสาร และเสา B, ติดตั้งโลโก้สัญลักษณ์ตระกูลไว้ที่เสา C, เปลี่ยนมาใช้ชุดล้อฟอร์จแบบจานเกือบปิดทึบ 7 ก้านใหญ่ ขนาด 22 นิ้ว และที่ขาดไม่ได้ คือการทำสีรถแบบทูโทนแบ่งครึ่งบนล่าง
ทว่างานตกแต่งภายนอก อาจยังไม่ใช่ไฮไลท์ทั้งหมดที่ลูกค้าคาดหวังจากมัน เพราะความเป็นจริงแล้ว งานตกแต่งภายในห้องโดยสารมากกว่าที่พวกเขาเหล่านั้นพึงประสงค์จากรถยนต์ตระกูล Maybach เป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับห้องโดยสารตอนหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของผู้ซื้อ (ส่วนด้านหน้าก็เป็นของคนขับรถ) เริ่มตั้งแต่ เบาะนั่งหุ้มหนังสีแทน ที่ไม่ได้ใช้หนังหุ้มธรรมดา แต่เป็นหนังหุ้มที่สร้างขึ้นจาก “พืชผัก” ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า และตัวเบาะหลังก็จะมาพร้อมกับระบบทำความเย็น/ทำความร้อน กับระบบนวดตั้งแต่คอ บ่า ไหล
ซึ่งหากเท่านั้นยังไม่พอ ลูกค้าก็สามารถเลือกออพชันเบาะนั่งแบบเครื่องบินชัน First Class ได้ โดยนอกจากมันจะเพิ่มความหนานุ่มและใหญ่โตขึ้นแล้ว มันยังมาพร้อมกับแผงคอนโซลที่จะกั้นโซนระหว่างเบาะนั่งซ้าย-ขวาปิดผิวด้วยวัสดุ Gloss-Wood อย่างดี เพื่อให้เข้ากับพนักหลังของเบาะคู่หน้าที่เปลี่ยนมาใช้วัสดุแผ่นลายไม้เช่นกัน และยังมีการปรับปรุงแผงกั้นห้องโดยสารกับห้องเก็บสัมภาระใหม่ เพื่อการเก็บเสียงรบกวนภายนอกที่ดียิ่งขึ้น
และเพื่อเสริมสุนทรียภาพของผู้ใช้ ด้านหลังเบาะคู่หน้า ยังมีการติดตั้งจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 11.6 นิ้ว ที่ผู้โดยสารตอนหลัง สามารถใช้ดูภาพยนต์ ฟังเพลง หรือดูเส้นทางที่ตนเองกำลังจะมุ่งไปได้ ระบบเสียงเอง ก็จัดเต็มด้วยลำโพง 15 จุด แบบ 4D จาก Burmaster, มีช่องวางแก้วที่สามารถเลือกได้ว่าจะให้มันทำความร้อนหรือทำความเย็น , มีไฟส่องโต๊ะไว้สำหรับการเซ็นเอกสาร หรือพิมพ์งานบนแล็ปท็อป หรือจะสามารถปรับเป็นไฟแวดล้อม ที่สามารถปรับเฉดได้ถึง 253 แบบก็ยังได้
ท้ายสุดสำหรับลูกเล่นที่ใส่เข้ามาเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้รถ (โดยเฉพาะผู้โดยสาร) คือระบบปรับอากาศ ที่มาพร้อมกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัว และโหมดการขับขี่แบบ Dynamic ซึ่งเน้นการขับขี่แบบสปอร์ต ที่เคยมีใน Mercedes-EQS SUV ก็ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นโหมดที่เน้นความนุ่มนวลสุดๆแทน โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับเรดาร์เซนเซอร์ใต้ท้องรถ ซึ่งติดตั้งในตำแหน่งเดียวกับที่ตั้งของเบาะผู้โดยสารตอนหลัง เพื่อให้กล่องควบคุมตัวรถวิเคราะห์ข้อมูล และคอยปรับการทำงานช่วงล่างโดยเน้นความสบายของผู้โดยสารตอนหลังเป็นที่สุด
ขณะที่เบาะหน้า แม้จะยังคงถูกออกแบบให้เน้นความสบายของผู้โดยสารตอนหลังเป็นหลัก (เอ๊ะ ?) เพราะมีระบบปรับตำแหน่ง หรือเลื่อนไปด้านหน้าอัตโนมัติ เมื่อผู้โดยสารเบาะหลังปรับองศาการเอนขึ้นมา แต่ทาง Mercedes ก็ไม่ลืมที่จะใส่ชุดจอ MBUX Hyperscreen มาให้
ซึ่งก็ใช่ว่ามันจะมีไว้ให้ผู้ขับได้ดูความบันเทิงขณะจอดรถรอเจ้านายเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนหนึ่งก็มีไว้เพื่อปรับระบบบอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารตอนหลังเผื่อไว้ให้พร้อมทันทีที่เจ้านายเข้ามานั่งในรถเช่นกัน
ขุมกำลังของ Mercedes-Maybach EQS 680 เป็นแบบมอเตอร์คู่ สำหรับแบ่งกันขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า และคู่หลัง ในลักษณะ AWD ให้กำลังรวมกันสูงสุด 658 PS และแรงบิดสูงสุดที่ 950 นิวตันเมตร ซึ่งช่วยให้มันสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในระยะเวลาเพียง 4.4 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุด ไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขเอาไว้แต่อย่างใด
ด้านแบตเตอรี่ที่ให้มา ยังคงมีขนาด 107.8 kWh เท่ากับร่างต้น Mercedes-EQS SUV ดังนั้นเมื่อมองจากความแรงของขุมกำลังที่เพิ่มขึ้นจาก EQS SUV 680 ที่ไม่มากนัก ระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จของมัน จึงควรจะอยู่ที่ราวๆ 600 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP