หลังการเผยโฉมสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรกเมื่อปลายเดือนก่อน ตอนนี้ 2024 Subaru Impreza ก็ได้เริ่มทยอยวางขายแล้วในหลายๆประเทศทั่วโลก และหนึ่งในนั้นคือประเทศสหรัฐอเมริกา
2024 Subaru Impreza ถือเป็นตัวรถเจเนอเรชันที่ 6 ของตระกูล และหากเทียบกับรุ่นก่อนหน้า มันก็ถือว่าได้รับการปรับปรุงในหลายๆด้านด้วยกัน ทั้งในส่วนของหน้าตาภายนอก ที่ถูกปรับใหม่ ให้ดูมีความแหลมคม และปราดเปรียวยิ่งขึ้นในทุกมุมมอง
โครงสร้างตัวถังที่พัฒนาร่วมกันกับ Subaru Crosstrek (XV) ก็ถูกปรับปรุงใหม่ ให้มีความแข็งแรงมากขึ้นอีก 10% เมื่อเทียบกับตัวรถรุ่นก่อนหน้า ขณะที่ระบบบังคับเลี้ยว ก็ไปหยิบเอาของ Subaru WRX เจเนอเรชันล่าสุดมาใช้ ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Symmetrical All-Wheel-Drive System ก็ยังคงมีมาให้เช่นเดิม
ด้านขุมกำลังของตัวรถ ก็จะถูกแบ่งออกแบบ 2 ระดับด้วยกัน ได้แก่เครื่องยนต์ 4 สูบ บ็อกเซอร์ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 154 PS กับแรงบิดสูงสุด 197 นิวตันเมตร เป็นขุมกำลังในรุ่นเริ่มต้น และรุ่นกลาง ที่มีชื่อเรียกว่า “Sport”
และเครื่องยนต์ 4 สูบ บ็อกเซอร์ ความจุ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 185 PS กับแรงบิดสูงสุด 241 นิวตันเมตร เป็นขุมกำลังในรุ่นสูงสุดรหัส “RS”
โดยทั้งสองขุมกำลังจะทำงานร่วมกับระบบส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ CVT เหมือนกัน และจะไม่มีรุ่นที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดาอีกต่อไป
ส่วนรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆของตัวรถ Impreza รุ่นล่าสุด ที่วางขายในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นย่อย เริ่มจาก
- รุ่นเริ่มต้น ที่วางจำหน่ายด้วยราคาเพียง 22,995 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 799,200 บาท ซึ่งใช้ไฟหน้า LED แบบธรรมดา กับล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว ในส่วนงานตกแต่งภายนอก
ฝั่งภายในมาพร้อมชุดหน้าจอแสดงผลมาตรวัดต่างๆมีขนาด 4.2 นิ้ว ส่วนหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ ก็มีขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Android Auto และ Apple CarPlay, ระบบแอร์แบบแยกส่วนทางด้านหน้า, ระบบกุญแจ Keyless Entry, และยังมีระบบ Subaru EyeSight มาให้เป็นออพชันพื้นฐานตั้งแต่ออกโรงงาน
- ถัดมาในส่วนรุ่น Sport ซึ่งเป็นรุ่นกลาง ที่มีราคาวางจำหน่าย 24,995 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 868,600 บาท ก็จะมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนที่ถูกปรับเซ็ทใหม่ ให้มีความเฉียบคมมากขึ้นตามชื่อรุ่น, ชุดล้อเปลี่ยนไปใช้แบบอัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว, เพิ่มไฟตัดหมอก LED
ด้านใน มีพวงมาลัยติดตั้งแป้นแพดเดิ้ลชิฟท์, หน้าจะระบบอินโฟเทนเมนท์ ปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้น เป็น 11.6 นิ้ว และวางในแนวตั้ง, เพิ่มลำโพงเป็น 6 จุด, เปลี่ยนวัสดุงานตกแต่งภายในใหม่ และใส่ความฉูดฉาดเข้าไปให้มากขึ้นในฝั่งเบาะนั่ง, และ เบาะคู่หลัง มี่การเพิ่มที่วางแขน พร้อมช่องวางแก้วเข้ามา
- ด้านรุ่น RS ซึ่งเป็นรุ่นบนสุด ก็จะสนนราคา 27,885 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 969,000 บาท ก็จะมาพร้อมกับชิ้นส่วนบอดี้พาร์ทตกแต่งภายนอกที่มากขึ้น, ไฟหน้า LED แบบใหม่ ที่ดูดีกว่าเดิม
ภายในเปลี่ยนรูปทรงเบาะใหม่ เป็นแบบสปอร์ตที่โอบกระชับผู้ขับและผู้โดยสารได้ดียิ่งขึ้น, พวงมาลัยหุ้มหนัง, แป้นเบรก/คันเร่ง อลูมิเนียม, พรมรองเท้าเฉพาะรุ่น, และงานตกแต่งคอนโซลจะใช้หนังสังเคราะห์ลายคาร์บอน สลับโทนเข้มด้วยชิ้นส่วนพลาสติกสีเทาดินปืน
เสริมความสะดวกสบายขึ้นอีกนิด ด้วยระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย, เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบทำความร้อน, ระบบตรวจจับมุมอับ, และระบบ Subaru EyeSight ที่ทำงานได้เต็มฟังก์ชันมากกว่า 2 รุ่นก่อนหน้า