นับตั้งแต่ All-New Mitsubishi Triton ได้ถูกเผยโฉมออกมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เชื่อว่าใครหลายคนคงได้เห็นรายละเอียดทางเทคนิคของเครื่องยนต์ 4N16 สำหรับตัวรถรุ่นยกสูง และตัวรถรุ่นท็อปอย่างตัว Athlete กันไปพอสมควร แล้วสเป็คเครื่องยนต์สำหรับรุ่นตัวเตี้ย ตอนครึ่ง “Triton Mega Cab Low Rider” ของสายวิ่งงานที่แท้จริงล่ะ จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ?
ดังที่เราได้เกริ่นไว้ในข้างต้น ว่านับตั้งแต่ที่ทาง Mitsubishi ได้มีการเปิดตัว Triton เจเนอเรชันใหม่ออกมาเมื่อกลางปี พวกเขาก็แทบจะไม่มีการนำเสนอข้อมูลของตัวรถ All-New Mitsubishi Triton รุ่นใหม่ปี 2024 ร่างตัวเตี้ย สำหรับสายวิ่งงานเลยสักครั้ง
จนกระทั่งล่าสุด ในสัปดาห์นี้ นอกจากทางค่ายจะมีการเปิดเผยราคาและข้อมูลของ Mitsubishi Triton Double Cab Ultra 4WD AT ออกมาแล้ว พวกเขายังได้มีการเปิดเผยข้อมูลคร่าวๆของ Triton รุ่น Mega Cab Low Rider หรือรุ่นตอนครึ่งตัวเตี้ยออกมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นออพชัน ขีดความสามารถขั้นต้น และที่สำคัญที่สุดคือเรื่อง “ขุมกำลัง”
แรกสุด All-New Mitsubishi Triton Mega Cab Low Rider มาพร้อมกับงานตกแต่งหน้าตาเปลือกนอก ที่ไม่ได้แตกต่างจาก Mitsubishi Triton รุ่นใหม่ในกลุ่ม Plus Pro เท่าไหร่นัก เพราะมันเองมาพร้อมกับ ชุดโคมไฟหน้าแบบหลอดฮาโลเจน, กระจังหน้าสีดำเงา, กันชนหน้าสีเดียวกับตัวถัง, กรอบ Dynamic Shield โครเมียม, ครอบกระจกมองข้างโครเมียม, มือเปิดประตูโครเมียม, กันชนท้ายสีเงิน, ฝาท้ายแบบมีลิปสปอยเลอร์, มือเปิดฝาท้ายโครเมียม และยังมีกล้องหลัง กับระบบกุญแจล็อคไฟท้ายติดมาให้เลยตั้งแต่ออกโรงงาน
สิ่งที่จะแตกต่างไปนอกจากความสูง เมื่อเทียบกับ Triton รุ่น Plus Pro ที่เห็นได้จากภายนอก ก็คือการที่มันจะใช้ชุดล้อขอบกระทะ รัดด้วยยาง Bridgestone Duravis ขนาด 215/70 R15 และที่ชายล่างของประตูคู่หน้า กับประตูแค็บครึ่งตอนหลัง จะได้รับการติดตั้งชิ้นส่วนการ์ดพลาสติกกันกระแทกเพิ่มเติมจากโรงงาน
ด้านรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม เมื่อเทียบกับตัวรถ Triton ตัวเตี้ยรุ่นก่อนหน้า ก็จะอยู่ที่กระบะหลัง ซึ่งถูกปรับขนาดใหม่ ให้สามารถจุสัมภาระได้มากขึ้น โดยหากเป็นการเก็บเรียงตะกร้าขนผักผลไม้ตัวรถรุ่นใหม่ จะสามารถใส่ตะกร้าเหล่านี้ได้มากถึง 8 ใบ จากเดิมที่ทำได้ 6 ใบ และยังมีการปรับปรุงรายละเอียดตัวกระบะอื่นๆเช่น การทำร่องสำหรับใส่แท่งไม้เพื่อกั้นพื้นที่ การทำซุ้มล้อให้เป็นแบบเรียบ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจัดการพื้นที่เก็บของสัมภาระที่ท้ายกระบะได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
และไม่เพียงเท่านั้น ภายในห้องโดยสารเอง ก็ยังมีการยืดความยาวของห้องโดยสารที่มากขึ้น เพื่อความสะดวกสบายขณะขับขี่ และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ จึงทำให้ผู้ใช้สามารถเก็บสัมภาระสำคัญที่แค็บครึ่งตอนด้านหลังได้มากขึ้นเช่นกัน
นอกนั้นในส่วนของตัวพวงมาลัย จะมีการปรับมาใช้พวงมาลัยแบบยูรีเทน, เบาะผ้า, หน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านสัญญาณบลูทูธ ระบบ Apple CarPlay และ Android Auto, แอร์ปรับมือ, จอแสดงผลข้อมูล MID แบบดิจิตอลขาว-ดำ กลางเรือนไมล์วัดความเร็ว และเครื่องยนต์แบบเข็มกวาด และพอร์ทชาร์จไฟอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กับโทรศัพท์มือถือ 2 พอร์ท โดยแบ่งเป็นพอร์ท USB Type-C 1 พอร์ท และ USB Type-A 1 พอร์ท
นอกนั้นในส่วนของแชสซีย์โครงสร้างหลักตัวรถ ก็แน่นอนว่าจะเป็นแชสซีย์ MegaFrame ใหม่ ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เมื่อเทียบกับแชสซีย์ของตัวรถรุ่นก่อนหน้า โดยจะเน้นไปที่การเสริมความแข็งแรง ด้วยการใช้วัสดุเหล็กแรงดึงสูงในอัตราส่วนที่มากขึ้น เพื่อความทนทาน และความสามารถในการรับน้ำหนักที่สูงขึ้นกว่าเดิม
ระบบกันสะเทือนเอง ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยโช้กอัพที่ใหญ่ขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แถมตัวเหล็กกันโคลงด้านหน้าเอง ก็ยังมีการปรับขนาดแกนให้ใหญ่ขึ้นจากเดิม 22 มิลลิเมตร เป็น 25 มิลลิเมตร เพื่อเสริมความแข็งอีกเช่นกัน โดยมันจะช่วยเพิ่มค่า Roll Stifness ได้มากขึ้นอีก 29% ซึ่งทำให้ตัวรถมีอาการโคลงตัวน้อยลงจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ด้านขุมกำลังของตัวรถ จากเดิม ในรุ่นตัวเตี้ยโฉมก่อนหน้า ที่ยังคงใช้เครื่องยนต์บล็อค 4D56 ขนาด 2.5 ลิตร ซึ่งถูกลากขายมานาน 30 กว่าปี และได้รับการปรับปรุงมาเรื่อยๆจนรุ่นสุดท้ายคือตัวเทอร์โบ-อินเตอร์คูลเลอร์ ควบคุมแรงดันบูสท์ด้วยระบบเวสเกท ให้กำลังสูงสุด 128 PS ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,500 รอบ/นาที
ในที่สุด สำหรับ Triton Mega Cab Low Rider นี้ (รวมถึงตัวเตี้ยรุ่นอื่นๆที่จะตามมาในอนาคต) ก็จะได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ ขนาด 2.4 ลิตร พร้อมระบบ VG-Turbo รหัส 4N16 เหมือนกับรุ่นยกสูง แต่ถูกปรับจูนให้มีกำลังต่ำลงเล็กน้อย
ซึ่งเครื่องยนต์ลูกใหม่นี้ หากเทียบกับเครื่องยนต์ลูกเดิมรหัส 4D56 ในตัวเตี้ยรุ่นก่อน ก็จะมีจุดเด่นที่ดีกว่าในหลายๆด้าน ทั้งการใช้เสื้อสูบอลูมิเนียมน้ำหนักเบา, ปั๊มน้ำมันเครื่องควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ เพิ่มความประหยัด, เปลี่ยนมาใช้ระบบเทอร์โบแปรผัน, เปลี่ยนรูปทรงลูกสูบใหม่, เปลี่ยนหัวฉีดใหม่ พร้อมเพิ่มแรงดันจาก 1,800 บาร์ เป็น 2,000 บาร์, และใช้กล่อง ECU แบบมีอัลกอริธึม ช่วยในการประมวลผลการจ่ายน้ำมันที่ฉลาดซับซ้อนยิ่งขึ้น
จากการปรับเปลี่ยนใหญ่ๆที่ไล่เรียงมา ทำให้เครื่องยนต์ 4N16 ลูกใหม่ ของ Triton ตัวเตี้ยเจเนอเรชันใหม่ จะสามารถเค้นกำลังสูงสุดได้ 150 PS ที่ 3,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,000 รอบ/นาที ซึ่งจะเห็นได้ว่า ไม่ใช่แค่แรงขึ้นกว่าเดิมมากเท่านั้น แต่แรงม้าสูงสุดยังมาในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำลงอีกด้วย
และอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยตามเคลม ก็จะมีตัวเลขอยู่ที่ 15.2 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับตัวเตี้ย หัวเดี่ยว, 15.2 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับ ตัวเตี้ย ตอนครึ่ง, และ 14.9 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับ ตัวเตี้ย สองตอน หรือตัวเตี้ยสี่ประตู
ทั้งนี้ ในส่วนของราคา และรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆอย่างเป็นทางการของ All-New Mitsubishi Triton รุ่น Mega Cab Low Rider รวมถึง Mega Cab Plus และตัวเตี้ยรุ่นอื่นๆ จะถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในช่วงปลายเดือนนี้ ที่งาน Motor Expo 2023 ซึ่งข้อมูลจะเป็นอย่างไร ก็รออัพเดทกันได้เลยครับ