Honda Amaze อาจเป็นที่หายจากประเทศไทยไปนาน แต่ในอินเดีย มันกลับยังคงเป็นรถที่มีการปรับโฉมต่อเนื่อง และในตอนนี้มันก็ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่สู่เจเนอเรชันที่ 3 แล้ว สำหรับทำตลาดต่อไปในปี 2025

Honda Brio Amaze ถือเป็นหนึ่งในรถยนต์อีโคคาร์รุ่นยอดนิยมที่เคยวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงปี 2013-2020 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ตัวรถรุ่นนี้ที่วางจำหน่ายในประเทศอินเดียด้วยชื่อ Honda Amaze ก็ได้มีการปรับโฉมใหญ่เข้าสู่เจเนอเรชันที่ 2 ไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2018 และตอนนี้ ตัวรถก็ได้รับการปรับโฉมใหม่อีกครั้งสู่เจเนอเรชันที่ 3 เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในอินเดียต่อไป

โดยการปรับโฉมใหม่ของตัวรถในครั้งนี้ ก็แน่นอนว่าจะต้องเน้นในเรื่องของการปรับเพิ่มความทันสมัยของตัวรถให้มากขึ้น และที่สำคัญ คือดูเหมือนว่าคราวนี้ มันจะมาพร้อมกับเส้นสายที่ดูใกล้เคียงกับรถซีดานของแบรนด์เดียวกันอีกหนึ่งรุ่นที่มีขนาดใกล้เคียงมันที่สุด นั่นคือ Honda City ที่ชาวไทยคุ้นเคยกันดี ทั้งเส้นไหล่ด้านข้าง และงานออกแบบกันชนหน้า กับกันชนท้าย โดยเฉพาะชุดไฟท้ายที่ดูเหมือนกันจนเหมือนกับยกเบ้ากันมาเลยทีเดียว

นอกนั้นในส่วนไฟหน้า แม้จะดูคล้ายของ Honda Elevate ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรถยนต์โมเดลเฉพาะตลาดอินเดีย แต่ตัวกรอบกลับไม่ได้มีขนาดเท่ากัน และมีการปรับรายละเอียดดวงไฟด้านในใหม่เล็กน้อย ขณะที่กระจังหน้ามีการปรับรูปทรงกรอบให้ดูคล้ายกับของ HR-V ตัวใหม่ล่าสุด

ภายในห้องโดยสาร มีการปรับงานออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยแน่นอนว่าจะต้องมีแรงบันดาลใจบางส่วนมาจาก Honda City และ Honda Elevate โดยเฉพาะในส่วนของชุดพวงมาลัย และคอนโซลช่วงฐานคันเกียร์ไปจนถึงช่องวางของใต้แผงปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ

นอกนั้นก็มีลูกเล่นอย่างชุดหน้าจอมาตรวัด TFT LCD ขนาด 7 นิ้ว ทำงานร่วมกับมาตรวัดความเร็วแบบเข็มกวาด และใช้หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 8 นิ้ว ติดตั้งแบบกึ่งลอยตัวบนคอนโซล

จุดขายสำคัญของตัวรถรุ่นนี้ คือแม้มันจะเป็นรถซีดานขนาดเล็กพร้อมที่นั่งโดยสาร 5 ตำแหน่ง แต่มันก็มีพื้นที่ในการเก็บของสัมภาระรวมที่มากถึง 416 ลิตร ซึ่งถือว่ามากกว่าคู่แข่งในตลาดเดียวกันถึง 34 ลิตร ด้วยกัน และยังมีการใส่ระบบ Honda Sensing มาให้ครบครัน ตั้งแต่ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบรักษาการอยู่ในเลน, ระบบแจ้งเตือนการหลุดจากเลน และยังมีการติดตั้งถุงลมนิรถัยถึง 6 ตำแหน่งด้วย

ทั้งนี้ แม้ตัวรถจะเป็นเจเนอเรชันใหม่ แต่มันกลับยังคงถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแพลตฟอร์มเดิม และยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.2 ลิตร พร้อมระบบ i-VTEC ดังเดิม ให้กำลังสูงสุด 89.7 PS และแรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร โดยจับคู่กับระบบส่งกำลังที่มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT หรือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด

และด้วยความเป็นรถยนต์ที่เน้นจับตลาดลูกค้าสายประหยัด ดังนั้น มันจึงมาพร้อมกับราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 799,000 รูปีย์ หรือราวๆ 320,000 บาท และในรุ่นแพงสุด ก็จะยังคงมีราคาวางจำหน่ายแค่เพียง 1,089,000 รูปีย์ หรือราวๆ 438,000 บาท เท่านั้นอยู่ดี

ส่วนการทำตลาดในไทย คาดว่าจะมีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากในตอนนี้ Honda City ก็สามารถลุยตลาดรถยนต์ซีดานขนาดเล็กได้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะนับตั้งแต่ที่มันขยับมาใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.0 ลิตร นั่นเอง