Mazda CX-50 อาจไม่ใช่ของใหม่สำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา แต่ล่าสุดทาง Mazda USA ก็ได้มีการเปิดตัวไลน์อัพใหม่ของมันเพิ่ม ซึ่งนั่นคือ CX-50 Hybrid ที่มาพร้อมขุมกำลังลูกผสมจาก Toyota นั่นเอง
Mazda CX-50 Hybrid โมเดลปี 2025 ที่กำลังจะวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา แท้จริงแล้วได้เคยทำตลาดไปก่อนหน้านี้แล้วในประเทศจีนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 โดยมันยังคงมาพร้อมกับจุดขายสำคัญคือการใช้หัวใจไฮบริด ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยืมมาจากแบรนด์พันธมิตรอย่าง Toyota เช่นเคย
ซึ่งหากว่ากันที่รายละเอียดในเบื้องต้น มันคือขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G แบบ 4 สูบเรียง ขนาด 2.5 ลิตร ทีถูกนำมาจับคู่การทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด 3 ตัว โดยมีชุดระบบเกียร์ eCVT หรือเกียร์อัตราทดแปรผันควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าอีกทีนึง ก่อนส่งกำลังทั้งหมดลงไปขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 แบบ AWD
และจากการผสานขุมกำลังทั้งหมดที่มี จึงทำให้กำลังสุทธิที่ขุมกำลังชุดนี้สามารถทำได้ มีตัวเลขสูงสุดที่ 222 PS และแรงบิดสูงสุดอีก 221 นิวตันเมตร โดยที่ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ก็มีการเคลมเอาไว้ที่ 13.45 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งถือว่าดีกว่ารุ่นที่ไม่มีระบบไฮบริดพอสมควร จากที่เคยเคลมไว้ 9.91 กิโลเมตร/ลิตร
โดยแม้ข้อมูลเบื้องต้นจะระบุว่าเทคโนโลยีระบบไฮบริดที่ถูกใส่เข้ามาใน CX-50 รุ่นใหม่นี้ ถูกยกมาจาก Toyota ทว่าทาง Mazda ก็ระบุว่าพวกเขาได้มีการปรับจูนการทำงานของระบบใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะกับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า และอัตราการตอบสนองต่อแป้นคันเร่ง เพื่อให้มันมีอุปนิสัยในการเรียกกำลังที่ตรงจริตลูกค้าของแบรนด์มากกว่า แถมยังสามารถลากจูงสัมภาระได้มากสุดอีก 680 กิโลกรัม ซึ่งถือว่ามากพอสมควรสำหรับรถยนต์แนวครอสโอเวอร์
นอกนั้นในด้านรายละเอียดการตกแต่งอื่นๆของตัวรถ เรียกได้ว่าแทบจะไม่แตกต่างจากรุ่นปกติ มีเพียงแค่การปรับรายละเอียดกันชนหน้าใหม่เล็กน้อย และมีชุดล้อเฉพาะตัวทั้งขนาด 17 และ 19 นิ้ว รวมถึงมีตัวเลือกชุดเบาะหนังสีแดงที่มีให้เฉพาะตัวรถขุมกำลังไฮบริดเท่านั้นอีกด้วย
นอกจากการเพิ่มไลน์อัพขุมกำลังไฮบริด อันที่จริงทาง Mazda ยังได้มีการเพิ่มเติมออพชันที่ควรมีในปี 2024-2025 ได้แก่ การเพิ่มระบบ Alexa เข้าไปให้กับชุดหน้าจออินโฟเทนเมนท์, ระบบแจ้งเตือนเบาะหลัง, ระบบแจ้งเตือนการออกจากรถ, และระบบช่วยเบรก ที่มีการเพิ่มฟังก์ชันระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดวิธี รวมถึงปรับปรุงระบบป้องกันการชนด้านหน้าที่มีความชาญฉลาดยิ่งขึ้น
ส่วนขุมกำลังในตัวรถรุ่นย่อยอื่นๆ ยังคงมีมาให้ครบครันตามเดิม แม้จะมีการเพิ่มไลน์อัพไฮบริดเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นรุ่น CX-50 2.5 S ที่ใช้ขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงสุด 190 PS และแรงบิดสูงสุด 251 นิวตันเมตร ซึ่งจะสนนราคาเริ่มต้นที่ 30,300 – 37,500 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 1,102,000 – 1,364,000 บาท แล้วแต่ออพชันย่อย
ตามด้วยรุ่นตัวแรง และตัวท็อปสุด CX-50 2.5 Turbo เครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 2.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ ซึ่งให้กำลังสูงสุด 260 PS และแรงบิดสูงสุดอีก 433 นิวตันเมตร ซึ่งน่าจะถูกใจขาซิ่งอยู่พอสมควรเลยทีเดียว และสนนราคา 40,800 – 43,300 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 1,484,000 – 1,575,000 บาท
โดยตัวรถทั้ง 2 ไลน์อัพขุมกำลังดั้งเดิม ได้มีการเปิดรับจองและวางจำหน่ายแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกา แถมยังเตรียมพร้อมสำหรับการส่งมอบในเดือนถัดไป แต่สำหรับตัวรถรุ่นขุมกำลังไฮบริด ซึ่งจะสนนราคา 33,970 – 40,050 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 1,236,000 – 1,457,000 บาท จะพร้อมส่งมอบให้กับเหล่าลูกค้าที่สนใจ ภายในช่วงสิ้นปีนี้แทน