Home » Mercedes-AMG G 63 ยักษ์ซิ่งโฉมใหม่ ขายไทย เริ่มต้น 18.8 ล้านบาท
รถใหม่ รถใหม่ในประเทศ ราคารถใหม่

Mercedes-AMG G 63 ยักษ์ซิ่งโฉมใหม่ ขายไทย เริ่มต้น 18.8 ล้านบาท

หลังการทยอยเปิดตัว Mercedes-benz G-Class ทั้งรุ่นขุมกำลังดีเซล และขุมกำลังไฟฟ้าไปเมื่อปลายปีก่อน ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วสำหรับ Mercedes-AMG G 63 หรือร่าง “ยักษ์ซิ่ง” เต็มระบบที่จะได้ฤกษ์เปิดตัวในไทยสักที

Mercedes-AMG G 63 มาพร้อมการออกแบบรอบคันแบบ AMG bodystyling ถูกตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบ AMG Specific Grille และกันชนหน้าแบบ AMG-specific front bumper ซึ่งช่วยเพิ่มความสปอร์ตดุดัน ทั้งยังช่วยในด้านแอโรไดนามิกและการระบายอากาศ จากกระจังหน้าและครีบดักอากาศขนาดใหญ่, ไฟหน้า MULTIBEAM LED เพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยขณะขับขี่, พร้อมแก้ไขการออกแบบจุดเสา A-pillar ใหม่ทั้งหมด และใส่ Spoiler ไว้ด้านบน ช่วยลดเสียงภายในห้องโดยสารลงได้มากถึง 20%

พร้อมกันนี้ ยังมีการตกแต่งด้วยคาลิปเปอร์เบรก AMG High-Performance Braking System สีแดง ประดับด้วยโลโก้ AMG เพื่อสร้างความโดดเด่นเมื่อตาเห็น และด้วยความเป็นรถตระกูล AMG มันจึงได้รับการติดตั้งชุดล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่

ซึ่งหากลูกค้าไม่พอใจ ก็สามารถเลือกออพชันลายล้อใหม่ตามแพ็คเกจ MANUFAKTUR Exclusive เช่นเดียวกันกับชุดแต่ง Night Package ที่ช่วยเสริมความดุดันคมเข้มให้กับตัวรถจากชุดแต่งอีกหลายรายการ เช่น โลโก้แบรนด์สีดำ, แถบคาดข้างลำตัวรถสีดำ, มือเปิดประตูสีดำ, และฝาครอบยางอะไหล่สีดำ เป็นต้น

ภายในห้องโดยสารยังคงอ้างอิงงานออกแบบเดียวกันกับตัวรถรุ่นพื้นฐาน ทว่าด้วยความเป็นรถ AMG มันจึงมาพร้อมพวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel หุ้มหนัง Nappa ตัดสลับ DINAMICA microfibre, การตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยโทนสีดำ และวัสดุคาร์บอนตามจุดต่างๆของคอนโซลหน้าและแผงประตู และที่ขาดไม่ได้คือการแปะโลโก้ AMG เอาไว้เพื่อบ่งบอกความเฉพาะตัวของมันเอง

นอกนั้น ก็จะมีการติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ All-Digital Instrument Display ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการมัลติมีเดีย COMAND Online ขนาด 12.3 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าถึงข้อมูลและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เสริมอารมณ์การขับขี่ด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® Surround Sound System ที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดรอบทิศ

นอกจากนี้ ภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมระบบฟอกอากาศ Air Balance Cabin-Air Purification System, กล้อง 360° with Transparent Bonnet เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เห็นภาพด้านหน้ารถและใต้ท้องรถ ผ่านหน้าจอแสดงผล ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยโดยเฉพาะในเส้นทางออฟโรดหรือพื้นที่แคบ

และมีระบบความปลอดภัยขั้นสูงสุดมากมาย ทั้งระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist with exit warning function) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) และระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย (Active Steering Assist) และระบบความปลอดภัยอื่น ๆ อย่างครบครัน

ระบบช่วงล่าง จัดเต็มด้วยระบบ Active Hydraulic “AMG ACTIVE RIDE CONTROL Chassis” ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเสถียรในการขับขี่ และลดอาการโคลงตัวของรถ โดยสามารถปรับการขับขี่ได้ 2 รูปแบบ คือ Off-Road และ Sport แต่ยังคงมีระบบ Differential Lock ซึ่งเป็นฟีเจอร์เอกลักษณ์ของ G-Class โดยระบบสามารถล็อกเฟืองท้ายได้ถึง 3 จุด แต่ละจุดสามารถล็อกได้เต็ม 100% (Three Times 100% Lockable) ช่วยให้รถสามารถขับผ่านพื้นผิวที่มีแรงยึดเกาะต่ำ เช่น โคลน ทราย หิมะ หรือพื้นผิวขรุขระได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีการเปลี่ยนภาพลักษณ์รถลุยมาเป็นรถซิ่งแล้วก็ตาม

ส่วนไฮไลท์เด็ดสุดท้าย คือขุมกำลังเครื่องยนต์ V8 Bi-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร ที่ออกแบบโดย AMG มอบพละกำลังสูงสุด 585 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,500 – 3,500 รอบ/นาที พร้อมยกระดับสมรรถนะด้วยการติดตั้งระบบ Mild Hybrid เข้ามาเพื่อเสริมกำลังในการออกตัวและลดการปล่อยมลพิษด้วยในเวลาเดียวกัน

โดยมันจะทำงานร่วมกับเกียร์แบบใหม่ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-SPEED SPORTS TRANSMISSION พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ เมื่อประกอบกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC+ ทำให้รถสามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 4.5 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง

และมีระบบ AMG DYNAMIC SELECT ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดขับขี่ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถปรับค่าการทำงานของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และพวงมาลัยให้ตอบสนองกับสภาพถนนและสไตล์การขับขี่ได้อย่างลงตัว ผสานการทำงานกับระบบท่อไอเสียคู่ AMG Performance Exhaust System ที่สามารถปรับระดับความกระหึ่มภายนอกได้จากภายในห้องโดยสาร

โดย Mercedes-AMG G 63 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 18,800,000 บาท และ มีสีตัวถังให้เลือกกว่า 8 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีดำ (Obsidian Black) สีเงิน (Iridium Silver) สีเงิน (Mojave Silver) สีน้ำเงิน (Sodalite Blue) สีน้ำเงิน (Brilliant Blue) สีเขียว (Emerald Green) และสีเทา (Selenite Grey)

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.