หลังมีการปล่อยภาพทีเซอร์ไปเพียงไม่นาน ล่าสุด Nissan ก็ได้มีการเปิดตัว 2025 Nissan Armada หรืออีกชื่อหนึ่งตามสารบบดั้งเดิมคือ Nissan Patrol ซึ่งเปิดตัวพร้อมกันใน อะบูดาบี ในวันเดียวกัน
2025 Nissan Armada ในสหรัฐอเมริกา หรือ Nissan Patrol ในอีกหลายๆประเทศโดยเฉพาะโซนตะวันออกกลาง มาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนตัวรถใหม่ทั้งคัน โดยเป็นการใช้พื้นฐานร่วมกันกับ Infinity QX80 โฉมล่าสุดที่ทางค่ายได้ทำการเผยโฉมไปเมื่อต้นปี ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโครงสร้างที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในเรื่องของความสะดวกสบายและการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนงานออกแบบตัวรถเอง แม้จะยังคงมีเส้นสายที่คล้ายเดิม แต่อันที่จริงก็เอามาเพียงแต่เส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์บางจุดของรุ่นก่อนๆเท่านั้น แล้วใส่ความสดใหม่เข้าไป ด้วยการเพิ่มความคมของเหลี่ยมสันเส้นสายบนตัวถังของตัวรถต่างๆเหล่านั้นให้ดูสะดุดตา และทันสมัยมากขึ้น ทั้งเส้นกรอบกระจกบานข้างทั้งหมด สันขอบตัวถังกับหลังคา และเส้นตัดช่วงชายล่างบานประตู เป็นต้น
ด้านกันชนหน้ามีการปรับใหม่ ให้ความป่องช่วงแก้มข้างลดลง และด้วยการปรับขนาดชายล่างกันชนใหม่ ให้ยกสูงขึ้นมามากขึ้น จึงไม่ใช่แค่เพียงทำให้รถมีระยะมุมปะทะที่ดีกว่าเดิมเท่านั้น แต่ยังทำให้รถดูสูงโปร่งลงตัวยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับชุดกระจังหน้าที่แม้จะมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเพียงเล็กน้อย แต่คราวนี้ทางค่ายก็ได้มีการตัดเอาแถบโครเมียมแบบ V-Motion ออกไป และยังมีการใส่ไฟหน้า LED พร้อมแถบไฟ DRL แบบใหม่เข้ามา ซึ่งช่วยให้รถ “ดูลุงน้อยลง” ไปเยอะ
เช่นเดียวกันกับทางด้านหลังของตัวรถ กรอบกระจกท้ายก็ได้ถูกปรับใหม่ให้มีความเป็นเหลี่ยมสันชัดเจน รับกับชุดไฟท้ายที่ถูกปรับใหม่ ให้กรอบดูมีความเป็นบล็อคยิ่งขึ้น แถมยังมีการคาดแถบตรงกลางตลอดแนวฝาท้ายช่วงใต้กระจกหลังอีกตามสมัยนิยม และทรงกันชนท้ายก็มีการปรับงานออกแบบใหม่เช่นกัน เพื่อให้เข้ากันกับภาพรวมของตัวรถที่ลงตัวกว่าเดิม
ด้านงานตกแต่งภายในห้องโดยสาร ด้วยความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ระดับใหญ่สุดของแบรนด์ จึงไม่แปลกเท่าไหร่นัก ที่ทาง Nissan จะดัดแปลงงานออกแบบชิ้นส่วนภายในของ Armada ใหม่ มาจากรถแบรนด์ลูกระดับพรีเมียมอย่าง Infinity QX80 ซึ่งส่วนหนึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะมันก็ใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันมาตั้งแต่แรก ดังที่เราระบุไว้ก่อนหน้านี้
ดังนั้นสิ่งคุณจะสามารถสัมผัสได้ทันทีเมื่อเห็นงานออกแบบภายในห้องโดยสารของ 2025 Nissan Armada / Nissan Patrol ก็คือกลิ่นอายความหรูหราดูดี ที่พกมากันอย่างเต็มระบบ โดยเฉพาะชุดหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เชื่อมต่อเป็นแผงเดียวกันกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลตัวรถขนาดเท่ากัน และติดตั้งแบบกึ่งลอยตัวจากคอนโซลออกมาตามสมัยนิยม, งานออกแบบรายละเอียดคอนโซลที่เน้นความเรียบง่าย แต่ต้องใช้งานได้จริง โดยเฉพาะปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศที่ยังคงมีให้ตรงคอนโซลกลาง และส่วนฐานล่างของคอนโซลหน้าตรงกลางก็มีช่องเก็บของขนาดใหญ่พร้อมแท่นไวร์เลสชาร์จอยู่ด้านใน
ด้านเบาะนั่งภายในห้องโดยสารทั้งหมดถูกหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์คุณภาพสูง และลูกค้ายังสามารถเลือกซื้อรถที่มีออพชันชิ้นส่วนตกแต่งแผงคอนโซลรอบคันด้วยวัสดุไม้แท้, ระบบนวดไฟฟ้าที่เบาะกัปตันซีทคู่กลางกับเบาะนั่งคู่หน้า, ระบบเสียงผ่านลำโพง 12 จุด และยังมีจอกลางห้องโดยสารขนาด 14.3 นิ้ว ติดตั้งมาให้อีก
ขุมกำลังตัวรถในคราวนี้ ทาง Nissan ได้ตัดสินใจถอดเอาเครื่องยนต์เบนซิน V8 ทิ้งไปแทนที่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร ทอร์โบคู่เข้าไปมอบกำลังสูงสุด 425 HP และได้แรงบิดสูงสุดอีก 699 นิวตันเมตร
ขับเคลื่อนด้วย ชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่พึ่งถูกนำมาใช้ในตัวรถรุ่นนี้ป็นครั้งแรก แทนชุดเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดที่ลากใช้กันมานาน และแน่นอนว่าชุดเกียร์ใหม่นี้ก็จะทำให้รถสามารถทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งตอนเรียกอัตราเร่ง ตอนปลี่ยนเกียร์ และตอนวันอัตราสิ้นเปลืองเป็นต้น
และด้วยขุมกำลังใหม่ ชุดเกียร์ใหม่ บวกกับโครงสร้างตัวถังใหม่ที่สามารถทนแรงเค้นได้ดีขึ้น 25% กับทนแรงเฉือนได้เยอะกว่าเดิมถึง 57% จึงทำให้มันสามารถรองรับน้ำหนักในการลากจูงได้มากขึ้นเป็น 3,856 กิโลกรัม ในขณะเดียวกันก็ยังทำให้รถมีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีกว่าเดิมด้วย
หากตัวรถรุ่นพื้นฐาน ยังมีขีดความสามารถในการบุกตะลุย และภาพลักษณ์ความหล่อเหลาไม่มากพอ ตัวรถยังมีรุ่นย่อย Pro-4X ซึ่งเป็นรุ่นแต่งพิเศษเผื่อลุยตั้งแต่ออกโรงงานให้เลือกซื้อด้วย
โดยมันมาพร้อมกับทั้งชุดกันชนหน้าและกันชนท้ายแบบใหม่ที่ดูบึกบึนกว่าเดิม เพิ่มองศาของมุมปะทะและมุมจากที่มากกว่าเดิม, เพิ่มระบบล็อคเฟืองท้ายไฟฟ้า, ชุดล้อ 20 นิ้ว รัดด้วยยาง A/T, ติดตั้งชุดแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ, ระบบช่วงล่างถุงลม ซึ่งสามารถทำให้รถสูงขึ้นได้กว่า 53 มิลลิเมตร (2.1 นิ้ว) ในการขับรถด้วยโหมดบุกตะลุย และสามารถโหลดรถให้เตี้ยลงได้อีก 51 มิลลิเมตร (2.0 นิ้ว) จากค่ากลาง เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงห้องโดยสาร
ในส่วนระบบความปลอดภัย ตัวรถก็มาพร้อมกับแพ็คเกจระบบ Nissan ProPILOT Assist, ProPILOT Assist 1.1, และ ProPILOT Assist 2.1 โดยสองแพ็คแรกจะเป็นแพ็คระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน และแพ็คระบบรักษารถให้อยู่ในเลน ส่วนระบบสุดท้ายคือระบบที่ทำให้คุณสามารถขับรถปล่อยมือได้ในบางสถานการณ์เช่น การขับรถบนทางด่วนเป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยในแพ็คเกจ Nissan Safety Shield 360 ให้มาอีกชุด ซึ่งจะประกอบไปด้วย ระบบ Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection, High Beam Assist, Blind Spot Warning, Lane Departure Warning, Rear Automatic Braking, Rear Cross Traffic Alert, Intelligent Forward Collision Warning, Intelligent Blind Spot Intervention, และ Intelligent Lane Intervention ซึ่งถือได้ว่าเป็นแพ็คเกจระบบความปลอดภัยที่ครบครันสมกับความเป็นรถอเนกประสงค์ระดับเรือธงของแบรนด์มากเลยทีเดียว
ข้อมูล ประกอบบทความจาก Nissan