หลังการเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ล่าสุด KIA EV4 ก็ได้ถูกเปิดตัวอีกครั้งในสหรัฐอเมริกาต่อ ก่อนที่จะวางจำหน่ายในหลายๆประเทศทั่วโลก ในฐานะรถ Global Model

2026 KIA EV4 เวอร์ชันประเทศสหรัฐอเมริกา เบื้องต้น มาพร้อมทางเลือกตัวถังแบบซีดาน หรือรถเก๋งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดดเด่นด้วยคุณลักษณะของความเป็น Tiger Face ตามฉบับรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ โดยเฉพาะในส่วนของเส้นกันชนหน้า ทั้งบริเวณใต้แนวฝากระโปรง และช่องดักลมด้านล่าง รวมถึงไฟหน้า LED ที่ยังคงเป็นแบบโคมตั้ง พร้อมแถบไฟ DRL ด้านข้าง

ขณะที่ตัวถังด้านข้าง ยังคงเน้นเส้นสายที่อ้างอิงมาจากเหล่าพี่น้อง ด้วยซุ้มล้อกรอบกลม แต่ใช้คิ้วซุ้มล้อแบบเหลี่ยม พร้อมติดตั้งวงล้ออัลลอยด์ขนาด 17 และ 19 นิ้ว แล้วแต่รุ่นย่อย และมีเส้นสันไหล่แก้มข้างชัดเจน แนวหลังคาตัดตรง แต่ทำสีเสา A, B, และ C เป็นสีดำ ในลักษณะ Floating Roof

และในส่วนของท้ายรถเน้นการออกแบบบั้นท้ายให้ดูยื่นยาว พร้อมกระจกแบบลาดยาว กึ่งๆ Fastback เสริมความหล่อด้วยการปั้นท้ายแบบมีสปอยเลอร์ตูดเป็ดในตัว แม้ว่าที่กรอบกระจกหลังด้านบนจะมีสปอยเลอร์แบบแยกส่วนซ้าย-ขวาติดตั้งมาให้อยู่แล้วก็ตาม

ภายในตัวรถ เน้นงานออกแบบเรียบง่าย สะอาดตา ให้ปุ่มควบคุมระบบต่างมาเพียงพอใช้ แต่ยังคงโดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 30 นิ้ว โดยแบ่งเป็นจอแสดงผลหน้าผู้ขับ 12.3 นิ้ว คั่นกลางด้วยจอแสดงผลและปรับตั้งระบบปรับอากาศขนาด 5 นิ้ว และถัดมาคือจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งรองรับระบบนำทำด้วย GPS ในตัว และมีระบบอัพเดทซอฟท์แวร์ผ่านสัญญาณดาวเทียม OTA, รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ไร้สาย, และมีระบบสั่งการด้วยเสียงในตัว

ระบบอำนวยความสะดวกอื่นๆ ยังคงใส่มาให้ครบๆ ทั้ง ระบบแอร์ 2 โซน, กระจกหน้าลดเสี้ยง, ระบบปรับอุณหภูมิเบาะนั่งคู่หน้า ทั้งร้อนและเย็น, และพวงมาลัยยังมีระบบอุ่นมือมาให้ด้วย เผื่อการใช้งานในหน้าหนาว

เสริมด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง หรือ ADAS ที่มีฟังก์ชันย่อยน่าสนใจอย่าง ระบบ Highway Driving Assist (HDA) หรือระบบช่วยควบคุมรถขณะใช้งานบนทางไฮเวย์ ให้มีความเร็วที่เหมาะสมกับข้อจำกัดความเร็วสูงสุดบนถนนที่วิ่งอยู่ และควบคุมทิศทางรถตามข้อมูลในระบบ GPS ติดแค่อย่างเดียวคือ ด้วยข้อกฏหมายกำหนดไว้ ระบบจึงยังไม่สามารถปล่อยให้ผู้ขับใช้ระบบนี้โดยปล่อยมือจากพวงมาลัยเด็ดขาด

นอกนั้นก็จะมีระบบ Driver Attention Warning, Forward Collision Avoidance Assist, Lane Following Assist, Intelligent Speed Limit Assist, และ Remote Smart Parking Assist ใส่มาให้ครบครันตามยุคสมัย

และท้ายสุด คือด้วยความยาวตัวถังระดับ 4,730 มิลลิเมตร กับระยะฐานล้ออีก 2,820 มิลลิเมตร จึงทำให้มันสามารถมอบความสะดวกสบายในการนั่งโดยสารได้เป็นอย่างดี และยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระอีก 490 ลิตร ซึ่งถือว่าเหลือเฟือสำหรับรถทรงซีดาน

โดยตัวรถรุ่นนี้ ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม E-GMP ซึ่งยังคงใช้สถาปัตยกรรมการจ่ายไฟแบบ 400 โวลท์ มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 58.3 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จ 378 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP และ รุ่นแบตเตอรี่ขนาด 81.4 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จ 531 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP เช่นกัน

ส่วนความสามารถในการชาร์จ จะใช้เวลา 29 นาที สำหรับการชาร์จไฟจาก 10-80% สำหรับรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็ก ส่วนรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ก็จะเพิ่มเวลาในการชาร์จเพียง 2 นาที เท่านั้น สำหรับการชาร์จไฟในช่วงเปอร์เซ็นต์เดียวกัน

ด้านรูปแบบขุมกำลังจะมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น นั่นคือมอเตอร์ไฟฟ้าลูกเดี่ยว กำลังสูงสุด 204 PS ซึ่งจะติดตั้งไว้สำหรับขับเคลื่อนล้อหน้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งาน

โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ KIA EV4 ในสหรัฐอเมริกา ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่คาดว่าทางค่ายจะมีการประกาศอีกครั้งในช่วงไม่เกินปลายปีนี้เนื่องจากมันคือตัวรถที่จัดว่าเป็นโมเดลปี 2026 นั่นเอง