Home » Volvo XC60 ปรับเล็กปี 2026 เน้นความสดใหม่ ในพื้นฐานเดิม
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ

Volvo XC60 ปรับเล็กปี 2026 เน้นความสดใหม่ ในพื้นฐานเดิม

รถเรือธงของแบรนด์ อาจเป็น Volvo XC90 แต่รถโมเดลขายดีที่สุดของแบรนด์กลับเป็น Volvo XC60 ที่ในตอนนี้มันได้รับการปรับโฉมใหม่อีกครั้ง โดยยังคงอิงพื้นฐานของรถรุ่นเดิมที่ลากขายมานานกว่า 9 ปี

2026 Volvo XC60 มาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ในระดับ Minor Change บนพื้นฐานของตัวรถที่ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2017 และได้รับการปรับเล็กไปแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปี 2021

และเนื่องจากการปรับโฉมของตัวรถในครั้งนี้ เป็นเพียงการปรับโฉมเล็ก ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงภายนอกของมัน จึงมีเพียงในส่วนของ การใส่กระจังหน้าแบบใหม่ ที่เกิดขึ้นไปแล้วกับ Volvo XC90 ที่ถูกปรับโฉมเล็กไปเช่นกันเมื่อปลายปีก่อน

นั่นคือ แม้จะยังคงมีแถบคาดเฉียงสีเงินตามฉบับ Volvo เหมือนเดิม แต่แถบตะแกรงพื้นหลัง จะไม่ใช่แถบซี่ตั้งเรียงแถวตลอดแนวกระจังหน้าอีกต่อไป ทว่าจะกลายเป็นแถบซี่ทำมุมตั้งฉากกับแถบคาดกลางบริเวณด้านซ้าย เมื่อมองเข้าไปด้านหน้าตรงๆของตัวรถ ส่วนแถบซี่ฝั่งด้านขวา ก็จะทำมุมขนานไปกับแถบคาดตรงกลางแทน

นอกนั้นก็จะเป็นการปรับสีโคมไฟท้ายใหม่ ให้เข้มขึ้น เพื่อเพิ่มความดุดัน และอารมณ์สปอร์ต รวมถึงเพิ่มทางเลือกชุดล้อลายใหม่เข้าไป สำหรับลูกค้าที่ต้องการความแตกต่างจากเดิม

ภายในห้องโดยสาร มีความเปลี่ยนแปลงในส่วนของวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ที่ถูกปรับใหม่ให้ดูหรูหรามากขึ้น ด้วยวัสดุผ้า Quilted Nordico และเส้นไย Navy Herringbone Weave พร้อมปรับปรุงแท่นไวร์เลสชาร์จ กับที่วางแก้วน้ำใหม่ ให้สามารถใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น

ที่เป็นไฮไลท์ยิ่งกว่า คือการเปลี่ยนจออินโฟเทนเมนท์ตรงกลาง ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จาก 9.0 นิ้ว เป็น 11.2 นิ้ว และยังมาพร้อมกับความคมชัดที่มากกว่าเดิม พร้อมประมวลผลด้วยชิปและระบบปฏิบัติการ Snapdragon Cockpit Platform ของ Qualcomm ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานลูกเล่นระบบต่างๆภายในตัวรถได้อย่างไหลลื่นมากขึ้น

แม้แต่กราฟฟิกลูกเล่นการแสดงผลต่างๆเอง ก็ยังสามารถทำได้ไวกว่าเดิมถึง 10 เท่า ตามการเคลมของ Volvo และปิดท้ายด้วยการใส่ระบบ Google Assistant แบบใหม่เข้ามา เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดตรงยุคตรงสมัยของผู้ใช้

นอกนั้นในส่วนของการปรับปรุงโครงสร้างตัวรถ ช่วงล่าง และขุมกำลัง กลับยังคงเดิมกับตัวรถปีก่อนหน้า

ซึ่งหมายความว่าเมื่อตัวรถรุ่นนี้ถูกนำมาเปิดตลาดในประเทศไทย มันจึงอาจจะยังคงใช้ขุมกำลังปลั๊กอิน-ไฮบริด ซึ่งเป็นการทำงานประสานกันระหว่างเครื่องยนต์ B4204T56 เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged ให้กำลังสูงสุด 310 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 2,200 – 5,400 รอบ/นาที กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 145.5 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 309 นิวตันเมตร

โดยเมื่อทั้งสองขุมกำลังทำงานร่วมกันเต็มที่ จะสามารถให้กำลังสูงสุด 462 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 709 นิวตันเมตร ก่อนส่งกำลังลงไปยังชุดเกียร์อัตโนมัติ AW TG-81SD แบบ 8 จังหวะ Geartronic เพื่อขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 แบบ AWD พร้อมความสามารถในการเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ดังเดิม

ด้านแบตเตอรี่ ทางค่ายยังไม่ได้มีการระบุขนาดความจุที่แน่ชัด แต่ระบุว่ามันจะสามารถรองรับระยะทางในการใช้งานต่อชาร์จที่ 65-80 กิโลเมตร/ชาร์จ จากอัตราสิ้นเปลืองพลังงานที่ 18.0 – 20.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ดังเดิม

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.