BMW i5 eDrive40 M Sport Touring พร้อมแล้วสำหรับการสานต่อจุดยืนของ BMW ในประเทศไทย ด้วยการสรรสร้างอนาคตของการขับขี่เพื่อทุกจังหวะชีวิต ด้วยนวัตกรรมมากมายที่ยกระดับทั้งความเพลิดเพลินในการขับขี่ งานออกแบบที่เปี่ยมด้วยความสปอร์ตและสง่างาม และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ในชีวิตจริง
BMW i5 eDrive40 M Sport Touring ใหม่ นับเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในตระกูลซีรีส์ 5 Touring จึงพร้อมเข้ามาต่อยอดคุณสมบัติอันโดดเด่นของตระกูลซีรีส์ 5 ในทุกด้าน นับตั้งแต่สัดส่วนของตัวรถที่ขยับขยายขึ้นมาเป็นรถยนต์ทัวริ่งที่มีฐานล้อยาวที่สุดในเซกเมนต์ ด้วยความยาวรวม 2,995 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 20 มิลลิเมตร
ส่วนด้านหน้ารถ ผสมผสานเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูเข้ากับแนวคิดใหม่ในการออกแบบ ทั้งกับไฟหน้าคู่และกระจังหน้าที่ยื่นออกมาจากตัวรถมากขึ้น พร้อมขับเน้นให้สะดุดตายิ่งกว่าด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow ขณะที่แถวไฟ LED แนวตั้งสองแถวบริเวณด้านข้างก็รับหน้าที่เป็นไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างเวลากลางวัน
เมื่อมองจากด้านข้าง สปอยเลอร์หลังคาที่ทอดตัวตลอดความยาวของตัวถังช่วยเน้นให้เห็นความสง่างามและโอ่อ่าของ BMW i5 eDrive40 M Sport Touring ได้เป็นอย่างดี ด้วยพื้นที่จัดเก็บสัมภาระภายในที่กว้างขวางถึง 570-1,700 ลิตร
ส่วนซุ้มล้อหลังช่วยเสริมรูปลักษณ์ของตัวรถให้ดูทรงพลัง ผสานไปกับล้ออัลลอยแบบ M aerodynamic ขนาด 20 นิ้วในสี Bicolour Black Grey และชุดไฟท้ายสุดโฉบเฉี่ยวได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ ชุดแต่ง M Sport ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานยังช่วยเสริมความเฉียบแบบรอบด้าน นับตั้งแต่เบรก M Sport กับคาลิเปอร์สีน้ำเงินเมทัลลิก ไปจนถึงกรอบหน้าต่างแบบ M High-gloss Shadowline ที่ช่วยส่งต่อความเรียบหรูไปจนถึงส่วนหลังคารถที่เปิดรับแสงด้วย Panorama Glass Roof
ขุมพลังของ BMW ซีรีส์ 5 Touring รุ่นนี้ คือมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับพละกำลังสูงสุด 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า จากเทคโนโลยี BMW eDrive พร้อมส่งแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรไปยังล้อหลัง
ทั้งหมดนี้ทำให้ BMW i5 eDrive40 M Sport Touring สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 193 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ส่วนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแรงดันสูงขนาด 83.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับเคลื่อนตัวรถไปได้ไกลสูงสุดถึง 560 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ด้วยอัตราการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยที่ 16.5 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร
โดยชุดแบตเตอรี่นี้รองรับกำลังชาร์จแบบ DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ โดยหากชาร์จแบตเตอรี่ด้วย Wallbox รุ่น 22 กิโลวัตต์ จะสามารถชาร์จจาก 0 ถึง 100% ได้ในเวลา 4 ชั่วโมง 15 นาที
ภายในห้องโดยสารยังคงเก็บรายละเอียดความสปอร์ตและหรูหราไว้ได้อย่างครบถ้วนด้วยชุดแต่ง M Sport ที่มีทั้งพวงมาลัยหุ้มหนัง M เพดานห้องโดยสารแบบ M ในสีแอนทราไซต์ และแต่งขอบพื้นผิวต่าง ๆ ด้วยแถบสีเงินเข้มแบบ M และลวดลาย Aluminium Rhombicle ส่วนปุ่มกดและคันเกียร์ก็สวยสะดุดตาด้วยผิวหน้าที่ทำจากแก้วในชุดแต่ง CraftedClarity ตัดกับเบาะหนัง Veganza ที่ทั้งนุ่มสบายและเรียบหรู
นอกจากนี้ ตัวรถยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ยกระดับความมั่นใจในทุกเส้นทาง ความสบายในทุกการขับขี่ และความสะดวกในทุกจังหวะชีวิต ไม่ว่าจะเป็น BMW Driving Assistant Plus ที่มอบความปลอดภัยและสะดวกสบายผ่านคุณสมบัติต่าง ๆ ทั้ง Active Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go, Lane Keep Assistant และ Steering Assistant ขณะที่ Parking Assistant Plus ทำให้การจอดรถทุกรูปแบบเป็นเรื่องง่าย
และยังสามารถอัปเกรดเป็น Parking Assistant Professional ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น Remote Control Parking ผ่านแอปพลิเคชั่น My BMW
ส่วนในด้านการสื่อสารและเชื่อมต่อต่าง ๆ แพ็คเกจ BMW Connected Package Professional ก็นำบริการ ConnectedDrive มาให้ใช้งานแบบครบครัน ทำงานผสานกับสมาร์ทโฟนของคุณ และยังมีแท่นชาร์จไร้สายติดตั้งมาในตัว
นอกจากนี้ ข้อมูลของตัวรถและฟังก์ชันด้านความบันเทิงต่าง ๆ ล้วนนำเสนอผ่านหน้าจอ BMW Curved Display ซึ่งทอดยาวตลอดแผงคอนโซลด้านหน้าและรองรับทั้งคำสั่งเสียงและท่าทางผ่านฟังก์ชัน BMW Natural Interaction และยังมาพร้อมระบบเสียง HiFi Harman Kardon และแพลตฟอร์ม AirConsole ที่ให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม
โดยสำหรับลูกค้าในประเทศไทย จะมีโอกาสได้เลือกเป็นเจ้าของ i5 Touring รุ่นใหม่นี้ได้ทั้งในรุ่นมาตรฐาน i5 eDrive40 M Sport Touring ก็เสริมความสปอร์ตเต็มขั้นด้วยระบบช่วงล่างแบบ M Sport พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของแล้วในสี Brooklyn Grey Metallic (พร้อมเบาะหนัง Veganza สีดำ), Cape York Green Metallic, Black Sapphire Metallic และ Mineral White Metallic (ทั้งหมดมาพร้อมเบาะหนัง Veganza สี Espresso Brown) ในราคา 4,899,000 บาท และมีจำนวนจำกัดเพียง 7 คัน เท่านั้น
และรุ่น i5 eDrive40 M Sport Touring (Pro) ที่เพิ่มความมั่นใจและแม่นยำในการขับขี่ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยแพ็คเกจ Adaptive Suspension Professional ที่มาพร้อมกับระบบกันกระเทือนแบบควบคุมด้วยไฟฟ้า เทคโนโลยี Integral Active Steering ที่ปรับองศาของล้อหลังในขณะเลี้ยวหรือเข้าโค้ง และระบบ Active Roll Comfort ซึ่งมีให้เลือกในสี Fire Red Metallic (พร้อมเบาะหนัง Veganza สีดำ), Cape York Green Metallic และ Mineral White Metallic (ทั้งสองสีมาพร้อมเบาะหนัง Veganza สี Espresso Brown) ในราคา 4,999,000 บาท และมีจำนวนจำกัดเพียง 3 คัน เท่านั้น
และตัวรถทั้ง 2 รุ่นนี้ มาพร้อมแพ็คเกจ BSI Standard ครอบคลุมการบริการบำรุงรักษา 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง, การรับประกันคุณภาพ 4 ปีไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่แรงดันไฟสูงและอุปกรณ์ร่วม 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร