Home » BMW M2 2023 ว่าที่รถ “M” เกียร์กระปุก รุ่นสุดท้าย เผยโฉมอย่างเป็นทางการ
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ

BMW M2 2023 ว่าที่รถ “M” เกียร์กระปุก รุ่นสุดท้าย เผยโฉมอย่างเป็นทางการ

หลังจากที่มีทั้งข่าวลือ และภาพหลุด คอยถูกปล่อยออกมานานหลายเดือน ล่าสุด BMW M2 2023 ว่าที่รถ “M” เกียร์กระปุก รุ่นสุดท้าย ก็ได้ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ว ในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา

BMW M2 2023 เจเนอเรชันล่าสุด มาพร้อมกับงานออกแบบที่เรียกว่า ไม่รักก็เกลียด เพราะในขณะที่มันยังโชคดีที่ไม่ได้รับมรดกกระจังหน้าไตคู่ขนาดมหึมาเหมือนรุ่นพี่ BMW M4 มาให้ใครหลายคนเคืองใจแต่อย่างใด ทว่าในทางกลับกัน ตัวกระจังหน้าทรงไตคู่ที่ว่า กลับดูเหลี่ยมสันขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับร่างต้นของมันอย่าง M240i

ไม่เพียงเท่านั้น งานดีไซน์ช่องลมทางด้านล่างของกันชนหน้าเอง ก็ถูกออกแบบใหม่ ให้มีความเหลี่ยมสันไม่แพ้กัน แถมยังมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมากเมื่อเทียบกับตัวรถร่างต้น ซึ่งทั้งนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะตัวรถต้องใช้ปริมาณลมในการระบายความร้อนเครื่องยนต์และระบบเบรกที่มากกว่า

จะมีก็แค่เพียงไฟหน้าเท่านั้น ที่ยังคงเป็นโคมเดียวกันกับ M240i (สำหรับใครที่มองว่ามันไม่เหมือนกัน ให้ลองสังเกตดีๆว่านั่นเพราะงานดีไซน์กันชนหน้า ที่ไม่ได้ปิดเข้ามาตีกรอบโคมด้านใน แต่ทาง BMW เลือกหลอกตาด้วยการใช้ชิ้นส่วนพลาสติกสีดำเสริมมุมแทน)

เมื่อมองข้างโป่งหน้า, ฝากระโปรง, กระจกมองข้าง, แนวหลังคาห้องโดยสาร, โป่งหลัง, ฝากระโปรงหลัง และไฟท้ายไป เพราะทุกชิ้นส่วนที่ไล่มา ยังคงมีหน้าตาเหมือนกับ BMW M240i MY2022 ทุกประการ นอกนั้นเจ้า M2 MY2023 ก็จะมาพร้อมกับชุดล้อลายใหม่ขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 275/35 ZR19 ทางด้านหน้า กับ ล้อขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 285/30 ZR20 ทางด้านหลัง ที่ดูมีเส้นสายก้านล้อซับซ้อนกว่าเดิม

ส่วนกันชนท้ายนั้นก็มีการปรับเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ด้วยกรอบไฟทับทิมที่ดูใหญ่โตและเป็นหลี่ยมสันขึ้นมากแถมยังลากเส้นกรอบลงไปถึงชายล่างกันชน โดยที่ตัวท่อไอเสียก็เปลี่ยนมาเป็นแบบปลายกลมออก 4 แยกฝั่งซ้าย-ขวาข้างละ 2 ท่อ จากที่เป็นออกคู่กรอบเหลี่ยม ทำให้ตัวรถดูมีความดิบๆสไตล์ตัวแข่งจากสนามมากขึ้น

ด้านเลขมิติตัวรถ ก็จะวัดได้ที่ 4,580 มิลลิเมตร ในด้านยาว, 1,887 มิลลิเมตร ในด้านกว้าง และ 1,402 มิลลิเมตร ในด้านสูง ซึ่งหากเทียบกับรถ BMW Series 2 ที่เป็นร่างต้น นั่นก็จะเท่ากับว่าเจ้า M2 รุ่นใหม่ นั้นกว้างกว่าถึง 50 มิลลิเมตร หรือหากเทียบกับ M2 รุ่นก่อนหน้า มันก็จะกว้างกว่า 33 มิลลิเมตร โดยที่ความยาวก็มากกว่าถึง 104 มิลลิเมตร แต่ความสูงกลับลดลงไป 7.6 มิลลิเมตร หรือว่าง่ายๆก็คือตัวรถนั้น มีทั้งความกว้าง และยาว แต่แบนมากกว่าเดิม นั่นเอง

ส่วนน้ำหนักตัวรถ ก็จะแบ่งเป็น 2 ระดับด้วยกัน นั่นคือ 1,730 กิโลกรัม สำหรับรุ่นที่ใช้เกียร์ธรรมดา และ 1,754 กิโลกรัม สำหรับรุ่นที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ

ฝั่งงานตกแต่งภายใน ก็จะโดดเด่นด้วยชุดเบาะโดยสาร ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะเน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก ด้วยเบาะหุ้มหนังพร้อมระบบปรับไฟฟ้า หรือจะเป็นเบาะคาร์บอนที่เบากว่า แต่ก็อาจจะนั่งแล้วอึดอัดกว่านิดหน่อย เพื่อความกระชับขณะใช้งานก็ได้ ซึ่งโชคดีที่มันยังคงมาพร้อมกับระบบปรับไฟฟ้าอยู่

ส่วนการตกแต่งคอนโซลเอง ก็ยังเน้นการใช้ชิ้นส่วนงานคาร์บอนไฟเบอร์ตามฉบับรถตระกูล M แม้แต่ชุดพวงมาลัยก็ยังใช่ และตัวแพดเดิ้ลชิฟท์(สำหรับรุ่นที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ)เอง ก็เป็นงานคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน ส่วนระบบอินโฟเทนเมนท์ และข้อมูลต่างๆของตัวรถ ก็จะถูกควบคุมและจัดการด้วยซอฟท์แวร์ iDrive 8 บนหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับ และจอกลางขนาด 14.9 นิ้ว

และในขณะที่รุ่นพี่ หรือคู่แข่งตัวแรงคันอื่นๆ พากันใช้เครื่องยนต์ที่ถูกลดความจุลง ไม่ก็ลดจำนวนกระบอกสูบลง แล้วไปใช้มอเตอร์ไฟฟ้า มาช่วยกันเสริมแรงในลักษณะไฮบริด เจ้า M2 รุ่นนี้ ก็ยังคงมาพร้อมกับขุมกำลังลูกเดิมคือ เครื่องยนต์รหัส S58 แบบ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบคู่ ซึ่งถูกปรับจูนใหม่ ให้สามารถเค้นกำลังสูงสุดได้ 459 PS ที่ 6,250 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุดอีก 550 นิวตันเมตร ที่ 2,650 – 5,870 รอบ/นาที โดยมีเรดไลน์ที่ 7,200 รอบ/นาที

แน่นอน เพื่อให้ตัวรถยังคงมีความดิบ มันจึงยังคงมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนล้อหลังเพียงเท่านั้น ไม่ได้หันไปใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive เหมือนรุ่นพี่ และระบบเกียร์เอง ก็มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ ชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ช่วยให้รถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 3.9 วินาที และรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ช่วยให้รถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ช้าลงหน่อยในเวลา 4.1 วินาที แถมยังมาพร้อมกับระบบ Rev Matching เพื่อความลื่นไหลในการลดเกียร์ก่อนเข้าโค้ง

ส่วนความเร็วสูงสุดจะถูกล็อคเอาไว้ที่ 248 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือหากลูกค้าเลือกติดตั้งแพ้คเกจ M Driver ระบบกด็จะปลดความเร็วสูงสุดเพิ่มให้อีก เป็น 283 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ด้านการทำงานของระบบกันสะเทือน หลักๆแล้วทาง BMW ไม่ได้ไปโฆษณาในเรื่องของระบบกลไกมากเท่าไหร่นัก เพราะ มันย่อมเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำมันออกมาให้พร้อมสำหรับการใช้งานในสนามเป็นหลักอยู่แล้ว

ดังนั้น เพื่อให้ตรงกับยุคสมัย พวกเขาจึงหันไปใส่ใจเรื่องระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น โหมดการทำงานของเกียร์ (สำหรับรุ่นที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ) 3 รูปแบบ, ระบบ Servotronic Steering หรือ โหมดการทำงานของพวงมาลัยอีก 2 รูปแบบ, ระบบช่วงล่างไฟฟ้า, ระบบรักษาสเถียรภาพ Dynamic Stability Control ซึ่งมีฟังก์ชัน M Dynamic Mode, M Traction Control 10 ระดับ, และเสริมด้วย Active M Differential หรือเฟืองท้ายไฟฟ้า ที่สามารถล็อคการหมุนของชุดล้อคู่หลังเข้าด้วยกันได้มากสุดถึง 100% (หมุนพร้อมกันเป๊ะ) เอาไว้เผื่อให้ลูกค้า ที่อยากจะไถลตูดรถเล่นนิดๆขณะออกโค้งมาให้ด้วย

ทั้งนี้ BMW M2 2023 จะผลิตขึ้น แค่เฉพาะในโรงงานที่เมือง San Luis Potosí ประเทศเม็กซิโก เท่านั้น พร้อมสนนราคาสำหรับการวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยตัวเลขเริ่มต้นที่ 62,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 2.4 ล้านบาท

ข้อมูลจาก BMW

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.