ขับกันมาแล้ว ทั้ง 2 คัน สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์พื้นฐานกระบะ Ford Everest และ Nissan Terra ใหม่ ที่มาเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้
รถทั้ง 2 คันได้รับความสนใจอย่างมาก กับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์อเนกประสงค์ใหม่มาครอบครอง และหลังจากที่เราทีมงาน Ride Buster ขับมาแล้ว ทั้ง 2 คัน วันนี้เราจะมาสรุปให้ฟังว่า แต่ละคันมีดีอย่างไร
Nissan Terra
เริ่มกันที่น้องใหม่ Nissan Terra ที่ใช้พื้นฐานจาก Nissan Navara มาทำตลาดรถยนต์อเนกประสงค์จากพื้นฐานกระบะ ที่ได้รับความนิยมในตลาดเกิดใหม่ในหลายประเทศ
หน้าตา Nissan Terra ยังคงเน้น Nissan Navara Design ทางด้านหน้า ทำให้รถดูไม่ฉีกต่างจากกระบะเหมือนเพื่อร่วมก้วน บางอารมณ์ดูหรูบ้างดุสปอร์ต โดยเฉพาะด้านท้าย ที่คล้ายกับ Subaru Outback เหมือนกันในบางมุม
ในห้องโดยสาร Nissan Terra เน้นการโดยสารกว้างขวางสบาย เหมือนคู่แข่งมันรองรับได้สูงสุด 7 ที่นั่ง แต่ถ้าผู้ใหญ่นั่งแนะนำว่า 2 แถวหน้าแลจะเหมาะสมกว่าในความเป็นจริง เรื่องออพชั่น ก้มีมาให้ครบเครื่องเท่าที่จะสรรหามาได้ ไม่ว่าจะไมล์เรืองแสง ชุดเครื่องเสียง รวมถึง พกระบบความปลอดภัยเน้นความทันสมัยในการขับขี่มามากมาย
ด้านเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร 190 แรงม้า พ่วงเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด จากที่ขับ ยอมรับว่าเป็นเครื่องยนต์บล็อกหนึ่งที่แรงดีขับสนุก ถ้ากดเต็มคันเน่ง ช่วงแรกจะออกตัวช้าๆ หนืดหน่อย จนแรงบิดมาในช่วงวรอบพันกว่ากลางๆ รถจะพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว และเมื่อขับเดินคันเร่งในความเร็วเดินทางแค่เหยียบ มันก็พาร่าง 2 ตัว พร้อมผู้โดยสารเร่งทะยานอย่างสบาย
เกียร์ 7 สปีด อาจจะไม่ได้เน้นความนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์มากมายนัก แต่ก็ถือว่าพอไปวัดไปวาได้ ข้อเสียของเกีร์ชุดนี้ คือมันยังไม่ลาดพอที่จะหน่วยเกียร์ลงเอง เมื่อคุณเบรก เกียร์จะไม่เชนเอง จนกว่าจะพ้นช่วงรอบกำลัง หรือในระหว่างทางลงเขามันจะไม่ทอนเกียร์ให้ เพื่อช่วยหน่วงคุณลงเขา ไม่ใช่ลงแบบรถไฟเหาะดรีมเวิล์ด นับเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ให้ นิสสัน อาจต้องไปปรับปรุง แล้วมาอัพเดทผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในอนาคต
ถึงแม้เกียร์จะเป็นสิ่งที่เราติเตียนในอเนกประสงค์คันนี้ แต่ความดีงามใน Nissan Terra ยังไม่พบจบเพียงเท่านี้ เมื่อขับทางไกล มันโชว์ความสามารถในการซับแรงกระแทกที่มีความนิ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ ออกไปในทางนุ่มหนึบ มีติดปลายนวมความกระด้างอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นโครงสร้างจากพื้นฐานกระบะ
อ่านรีวิว Nissan Terra ได้ที่นี่
Ford Everest
ใช่ว่า Ford Everest เอสยูวียอดขุนเขาจะเป็นรถยนต์ที่ดีเยี่ยมไปเสียทุกอย่าง เพราะจากการใช้ชีวิตขับขี่อเนกประสงค์คันโตเป็นเวลาเกือบ 2 วันเต็ม เราก็พอจะทราบความดีงาม กับข้อด้อยบางอย่างที่อาจทำให้คนจำนวนหนึ่ง รู้สึกว่าเป็นแบบนี้ผม/ฉัน ไม่โอเคกับมันแน่ๆ
ขอเปิดหัวเรื่องด้วยการชื่นชม Everest โฉมปี 2018 เสียก่อน ตามธรรมเนียมรถใหม่ที่แฟนๆ ต่างยกนิ้วโป้งให้ว่า โหย!! โคตรดี สุดยอดเลยครับ นั่นแหละข้อดีของเอสยูวีคันโตนี้มีเริ่มจาก… ความหล่อเหลาสไตล์หนุ่มใหญ่ภูมิฐาน แม้ว่าจะเปลี่ยนภายนอกเพียงนิดหน่อย อาทิ กระจังหน้าโครเมียมซี่ 3 แถว กับล้อขอบ 18-20 ที่พอมองแล้วก็คิดว่าเออมันสวยอยู่นะ
ด้านขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่มีสองระดับความแรง 180-213 แรงม้า แถมยังใจกล้าเอาเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มาจับชนบนรถตลาดไทยเป็นครั้งแรกอีกต่างหาก จากการขับสัมผัสได้ว่า เครื่องมีกำลังเร่งแซงดีทุกสถานการณ์ ส่วนชุดเกียร์จัดว่าตัดต่อกำลังนุ่มนวลใช้ได้ เรียกว่าพ่อบานแม่บ้านนำมาขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายไม่เหนื่อยเลย
ถ้าลองหันกลับไปมอง ฟอร์ด เอเวอร์เรส รุ่นก่อนหน้า คุณจะรู้ทันทีว่ ภายในเขาเนี่ยเรียกว่าจัดเต็มออปชั่นมาเหนือกว่าคู่แข่ง โดยระบบสาระบันเทิง Sync3 ที่สั่งการด้วยเสียงได้นั้น ดี!! แต่เราไม่เคยลองใช้งานมันหรอก เพราะแค่กดเลื่อนนิ้วไปมาถือว่าตอบสนองไว แถมมีเมนูต่างๆ เข้าใจง่าย เรากล้าพูดได้ว่าระบบของฟอร์ดดีกว่าของคู่แข่งทุกคันที่มีบนตลาด
ยกยอฟอร์ดไปเยอะแล้ว ทีนี้ถึงคราวติเพื่อแก้ไขกันบ้าง อันดับแรกเลยคือหากคุณคาดหวังความประหยัดจากเครื่องบล็อกใหม่ โปรดจำได้ว่าหัวใจดีเซลทั้ง 2 รุ่น กินน้ำมันใกล้เคียงกับเครื่องดีเซล 2.2 กับ 3.2 ลิตร มาก นั่นก็เพราะมันต้องแบกรับภาระการปั่นแรงม้ากับแรงบิดอย่างหนัก
ประเด็นถัดมาเป็นเรื่องราวอาการกระตุกของเกียร์ออโต้ 10 สปีด ในบางสถานการณ์ เช่น ถ้ากดคันเร่งมิดตอนออกตัว จะรู้สึกได้ทันทีว่าเกียร์มีการกระโดดข้ามจังหวะ ขณะเดียวกัน การที่ไม่มีแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย ได้สร้างความลำบากเวลาขับรถลงทางชันพอสมควร เนื่องจากจะต้องเอามือไปจับปุ่มกดที่หัวเกียร์ แทนที่จะได้จับพวงมาลัยเต็มสองมือ
ลำดับสุดท้ายที่ไม่พูดถึงคงโดนคอรถยนต์ด่ากราดว่าไร้จรรยาบรรณแน่ๆ ได้แก่ เสถียรภาพของรถ คุณภาพการประกอบ และความทนทานของอะไหล่ เหล่านี้ที่กล่าวมาทั้งหมดส่งผลจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ม้ว่าทางฟอร์ดจะออกมากล่าวว่าพร้อมนำรถที่มีปัญหาเข้าไปปรับปรุงแก้ไข แต่นั่นก็ได้สร้างภาพลบติดตามด้วยเช่นกัน งานนี้เราเอาใจช่วยให้ฟอร์ดไปไล่บี้บรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนรถ เพิ่มมาตรฐานอะไหล่กับการตรวจสอบให้ดีกว่านี้ มิฉะนั้น ลูกค้าที่เคยชอบอาจเบือนหน้าหนีก็เป็นได้
อ่านรีวิว Ford Everest ได้ที่นี่
นี่เป็นข้อมูลที่เราได้จากการลองขับทั้ง Nissan Terra และ Ford Everest ใหม่ ในเบื้องต้น และจนกว่าจะได้มาทดลองอีกครั้ง ถ้าคุณอยากซื้อรถทั้ง 2 คัน อย่าลืมไปทดลองขับแล้วตัดสินใจด้วยตัวเอง