เป็นคำถามที่ผมถูกไถ่ถามมายาวนาน ตั้งแต่ Toyota C-HR ออกมาวางขายในบ้านเรา โดยมีคู่แข่งเป็นเจ้าตลาดรถนั่งที่ครอใจคนมายาวนานอย่าง Honda HR-V ว่าควรจะเลือกใครดี
แม้ว่าที่ผ่านมาเราจะเห็น Toyota C-HR เริ่มเกลื่อนเมือง แต่ฮอนด้าก็สู้ด้วยรุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาในช่วงกลางปีจัดองค์ออพชั่นเพิ่มเติมมากขึ้น ยิ่งเพิ่มพูดความสนใจ จนคุณๆ อาจจะเลือกไม่ถูก และวันนี้เราจะมาบรรยายสรุปรถทั้ง2 รุ่นว่าแตกต่าง ดีเด่นต่างกันอย่างไร
Toyota C-HR 1.8 Mid โครงใหม่ เปลี่ยนลุค
ตั้งแต่ Toyota เปิดตัว Toyota C-HR ออกมาหลายคนต่างพูดไปในทางเดียวกัยว่ารถรุ่นนี้ไม่ธรรมดา ด้วยการแนะนำวิศวกรรมใหม่เข้าสู่ประเทศไทย ทำให้ต้องเปลี่ยนความคิดไป
ดั้งเดิมรถจากแบรนด์นี้เป็นที่กล่าวขวัญถึงในเรื่องการขับขี่ที่ไม่สู้ดีนักแต่มันเปลี่ยนไปสิ้นเชิงเมื่อคุณพบกับรถคันนี้ แม้ว่าตัวเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เองจะเป็นเครื่องเดิมจากเก๋ง อัลติส แล้วจัดการปรับการทดเกียร์ให้ตอบสนองดีขึ้น
ทว่าโครงสร้างใหม่ ตลอดจนช่วงล่างหลังแบบอิสระ ดับเบิ้ลวิชโบน กลายเป็นสิ่งล้ำค่าในการขับขี่ รถคันนี้ไม่ใช่โตโยต้ายุคเดิม พวกมันขับดี แปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือโดยสิ้นเชิง ตอบสนองได้ทั้ง ในแง่ขับเรื่อยๆ สบายๆ หรือ ขับเอามันส์เน้นความสนุกก็จัดเจน
ชุดพวงมาลัยหนักมือกำลังดี การคัดทิศทางตอบสนองคมๆ ในการขับขี่ ให้ความรู้สึกกระชับในการเดินทางและตอบโจทย์เดินทาง ไม่รู้สึกเหนื่อยเกินไป
เรื่องการออกแบบก็ถือว่าน่าสนใจ ด้วยความพยายามทำให้ทรวดทรงรถเหมือนรถคูเป้ 2 ประตู หรือ Coupe Hi Ride อันเป็นที่ย่อของ C-HR เป็นงานออกแบบที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจากแบรนด์ Toyota มาก่อน
ส่วนภายในห้องโดยสารเน้นการออกแบบอันทันสมัย แต่ด้วยการออกทรวดทรงรถมาเป็นคูเป้ กระจกห้อยโดยสารตอนหลังจึงค่อนข้างเล้ก และทำให้ห้องโดยสารดูทึบมองแล้วนั่งไม่สบาย ทั้งที่ความจริงมันนั่งได้ดี พื้นที่วางขาและท่านั่งกำลังดีไม่แคบอย่างที่ใครเขาว่า
หากความทับของห้องโดยสาร ทำให้หลายคนที่เคยผ่านไปนั่งตอนหลังรถรุ่นนี้บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าคับแคบ และรู้สึกไม่สบายเมื่อเทียบกับ อเนกประสงค์เล็กรุ่นอื่นๆ ที่ทำตลาดในเวลานี้ …แต่ก็เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น เพราะท่านั่งและการจุของไม่ย่อหย่อนกว่าเพื่อร่วมก๊วนเลย
Honda HR-V RS ได้สปอร์ตครบองค์การขับขี่
เมื่อคู่แข่งเปิดตัวออกมา ฮอนด้าในฐานะคู่แข่งเจ้าประจำ ไม่รอช้าที่จะส่งรถยนต์ Honda HR-V ใหม่ ออกทำตลาดในทันควัน โดยในครั้งนี้ไฮลท์สำคัญอยู่ที่รุ่น RS เน้นความสปอร์ตมากขึ้น
เริ่มตั้งแต่การออกแบบภายนอกใหม่ เปลี่ยนสไตล์เป็นโคมไฟหลังรมดำ , ไฟหน้า LED กระจังหน้าดาร์คโครม รวมถึงล้ออัลลอยใหม่ และเสริมด้วยชุดแต่วงชายล่างรอบคัน
ส่วนในห้องโดยสารแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ด้วยจุดเด่นรถรุ่นนี้อยู่ที่การใช้งานอันครบเครื่องครบครัน ท้งความกว้างและสบายในการโดยสรตอนหลัง การพับเบาะที่ทำได้ 3 รูปแบบ เหมือน Honda Jazz รวมถึงพื้นที่สัมภาระท้ายก็กว้างขวาง ทำให้ไม่ต้องปรับอะไรมากมายนัก
แต่เมื่อขับ Honda HR-V RS เปรียบเทียบกับรุ่นเดิม รู้สึกว่ามันมีความแตกต่างออกไปอยู่บ้างพอสมควร โดยเฉพาะช่วงล่างที่ดูเหมือนจะตอบสนองดีขึ้น ทั้งขับสบายๆ ก็ได้ ขับเอาสนุกก็ดี การโคลงตัวของรถลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
เมื่อย้อนดูรายละเอียดทางเทคนิคก็พบง่ารถมีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องต่ำลง ตลอดจนทางทีมงาน Ridebuster ยังพบว่า รถมีการปรับเปลี่ยนโช๊คอัพใหม่ในเฉพาะรุ่น RS แตกต่างจากรุ่นปกติทั่วไป เป็นผลให้บุคลิกช่วงล่างเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงอีกด้วย
ซื้อใครดี 2 คันนี้ !!
พล่ามมาเสียยาว กลับคำถาม สรุปซื้อคันไหนดี
แม้ว่าทั้ง Toyota C-HR และ Honda HR-V RS จะเป็นพิกัดเดียวกัน แต่เราต้องยอมรับว่า พวกมันจับกลุ่มลูกค้าต่างกัน
Toyota C-HR เหมือนจะไปเน้นตีตลาดทางฝั่ง Nissan Juke เดิม ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ มองหารถคันที่ 2 หรือถ้าบ้านรวยหน่อย ก็อาจจะเป็นรถคันแรกก็ได้
เป็นรถที่เน้นใช้งานคนเดียวหรือ 2 คน อาจเป็นครอบครัวใหม่ เพิ่งมีลูก ทำให้การโดยสารตอนหลังไม่ใช่ปัญหาใหญ่หลวงนัก หากต้องการรถที่ภายนอกดูดีแตกต่างเมื่อขับไปบนถนน
ส่วน Honda HR-V ภาพลักษณ์ค่อนข้างชัดเจนที่เน้นไปในกลุ่มคนวัยทำงานซึงเริ่มมีครอบครัว ต้องการรถที่ดูภูมิฐานทันสมัย เน้นหนักเรื่องการใช้งานการโดยสารตอนหลังหรือฟังชั่นอเนกประสงค์
แต่ถึงจะมีความต่างกัน ด้วยความเป็นอเนกประสงค์เล็กเหมือนกัน ทำให้เมื่อมองถึงตัวรถ หากคุณเป็นคนมองหารถในการขับขี่ก็ต้องยอมรับว่า ถ้าเน้นเอาขับสบายจากโรงงาน Honda HR-V RS ให้ความรู้สึกดีกว่า กลับกัน Toyota C-HR มาในแนวรถขับสนุกมากกว่า ซึ่งตรงนี้ก็ต้องแล้วแต่คนชอบ
อย่างไรก็ดี ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องงบประมาณในกระเป๋า Toyota C-HR จะเป็นคำตอบทันที เนื่องจากรถมีราคาเพียง 1,039,000 บาท ส่วน Honda HR-V RS ราคาแพงกว่า 1,119,000 บาท
แต่กระนั้นออพชั่นใน Honda HR-V ในภาพรวมกลับดีกว่า เช่นมีระบบ Honda Lane Watch , หลังคาซันรูฟ หรือการเซทช่วงล่างพิเศษเฉพาะรุ่น อีกด้วย
ถ้าถามว่าคันไหนดีกว่า คงต้องตอบว่าแต่ละคันก็ดีต่างกันไป แต่ท้ายสุดแล้วการซื้อรถคุณต้องมองและตัดสินใจเองว่าคันไหนจะเหมาะ เพราะมันต่างก็ตอบตลาดต่างออกไป