กลายเป็นตลาดที่อยู่ดีๆ ที่ได้รับความนิยมมาในช่วงหลัง เมื่อรถเชิงพาณิชย์พร้อมลุย กระบะตอนเดียวขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือที่หลายคนเรียกว่า “ กระบะหัวเดียวขับสี่ ” ถูกปลุกปั้นเข้าสู่ตลาด จากเดิมมีไม่กี่ยี่ห้อ ในวันนี้มีครบทุกยี่ห้อ
ศึกนี้กำลังระอุ เมื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์จริงจัง กลับมาอีกครั้ง นั่นทำให้วันนี้เราต้องจับมาชนดูว่า รุ่นไหนเจ๋งอย่างไร
Toyota Hilux Revo Standard cab 2.8 J 4X4
งานนี้ขอเริ่มที่เจ้าตลาด Toyota Hilux Revo กระบะยอดนิยมของคนไทยในรุ่นตัวหัวเดี่ยวหรือที่เรียกว่า Standard Cab ทางโตโยต้านำเสนอด้วย Toyota Hilux Revo Standard cab 2.8 J 4X4 ตัวรถมาพร้อมสไตล์หัวเดียวกันชนและกระจังหน้าเป็นสีดำจากโรงงาน มีกระจกมองข้างปรับไฟฟ้าสีดำ ลงตัวด้วยล้อกระทะเหล็กพร้อมยาง 205R16C ส่วนด้านในห้องโดยสารเป็นสีดำ เบาะนั่งแถวยาวแบ่งส่วน 60/40 ให้อารมณ์ความดิบดั้งเดิมกระจกข้างขึ้นลงด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ ปิดท้ายด้วยระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียงวิทยุ FM มีช่องต่อ USB ครบครัน
ใต้เรือนร่างหัวเดี่ยวคันนี้สถิตพลังงานด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร ให้กำลัง 177 แรงม้า สูงสุดที่ 3,400 รอบต่อนาที มาพร้อมแรงบิด 420 นิวตันเมตร สูงสุด 1,400-2,600 รอบต่อนาที ถ่ายทอดลงเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พกระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมดิฟเฟอร์เรเทียลล็อคเฟืองท้าย ระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 196 มม.
สนนราคาค่าตัวที่ 676,000 บาท
Isuzu Dmax Spark 4X4 3.0 Ddi S
ทางด้านไม้เบื่อไม้เมาของโตโยต้า , อีซูซุ , การเปลี่ยนแปลง Isuzu D-max ใหม่ เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ส่งให้รุ่น หัวเดียวขับสี่ Isuzu Dmax Spark 4×4 ปรับตัวตามไปด้วย งวดนี้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ปรับให้กำลังเป็น 190 แรงม้าสูงสุดที่ 3,600 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร มากที่สุดในกลุ่ม ส่งลงชุดเกียรืธรรมดา 6 สปีด และมีเฟืองท้าย Diff Lock มาให้ด้วย
เจ้า Isuzu Dmax Spark เวอร์ชั่นสายลุยครบเครื่องด้วยหน้าตาสายพันธุ์ Isuzu แท้ ไม่ว่าจะกระจังหน้าไฟหน้าที่ลงตัว แต่ติดตั้งมาพร้อมล้อเหล็กขนาด 16 ให้ยาง205R16C เทียบกับรุ่นเดิม ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องลดลงเหลือเพียง 220 มม. ส่วนใครที่ห่วงต้องปีนป่านสบายใจได้ รุ่นใหม่ ให้มุมไต่ 29 องศา และ มุมจาก 22.5 องศาลุยน้ำสบาย ได้ 80 เซนติเมตร
ในห้องโดยสารตอบโจทย์การออกแบบคล้ายกันหมดในตัวสปาร์ค ด้วยเบาะตอนยาวแยกเลื่อนได้ตามต้องการในอัตรา 60/40 ตัวรถมาพร้อมหน้าปัดเรือนไมล์ธรรมสไตล์อีซูซุ ระบบเครื่องเสียงวิทยุซีดี , กระจกข้างสามารถเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า งวดนี้ใส่ใจด้วยกรองฝุ่นป้องกัน PM 2.5
ทั้งหมดที่กล่าวมาสนนราคาจำหน่าย 675,000 บาท
Nissan – Nissan Navara Single Cab 2.5 4X4
นิสสัน เป็นค่ายล่าสุดที่เพิ่งลงมาเดินตลาดรถกระบะหัวเดี่ยวขับเคลื่อนสี่ล้อ แม้ว่าจะเป็นน้องใหม่สุดแต่ชื่อเสียงในเรื่องานหนัก นิสสันไม่เป็นสองรอใครตลาดกลุ่มนี้ Nissan Navara Single cab 4WD เป็นทางเลือกใหม่ของสายค้าขายต้องลุย ด้วยตัวรถที่พัฒนาจากเจ้าหัวเดี่ยวคันเดิม ซึ่งมีออพชั่นต่างๆ น่าสนใจติดตั้งมาเป็นทุนเดิม เช่น บันไดข้างที่กระบะ , ที่เกี่ยวรัดของรอบกระบะ ตลอดจนหน้าที่ดูดีไม่ได้ดูเป็นรถส่งของมากนัก ทางนิสสันจัดการติดตั้งล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว เพิ่มการตอบโจทย์ในการใช้งาน มาพร้อมยางบรรทุก ขนาด 195 R15C
ด้านในห้องโดยสารเจ้า Nissan Navara หัวเดี่ยวได้ดีกรีจบความเป็นเก๋งมาด้วยเล็กน้อย กับพวงมาลัยทรงมดลูก มาพร้อมเบาะนั่งคุมโทนด้วยไวนิลสีเทา เป็นเบาะแยกชิ้น ติดตั้งครบพร้อมระบบปรับอากาศ , กระจกไฟฟ้า และเด่นสุดด้วยเครื่องเสียง CD-MP3 มาพร้อมจอขนาด 5 นิ้ว แถมยังมีกล้องมองหลังเป็นมาตรฐานในหัวเดี่ยวทุกรุ่น
ส่วนเรื่องสมรรถนะการขับขี่ติดตั้งมาพร้อมเครื่องยนต์ YD25DDTi ต้นกำลังดีเซลขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า สูงสุดที่ 3,600 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตร ที่รอบต่อเพียง 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ครบเครื่องเรื่องการลุยด้วยระยะความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 185 มม.
สนนราคาค่อนข้างถูกพอสมควร เคาะขายในราคา 655,000 บาท
Mitsubishi – Mitsubishi Triton Single cab 4WD
ถ้าพูดถึงต้นตำหรับกระบะหัวเดี่ยวขับสี่ มิตซูบิชิ เป็นบริษัทที่กินตลาดนี้มายาวนานมากพอสมควร พวกเขามาพร้อมการนำเสนอรถกระบะสายลุยตั้งแต่ 3- 4 ปีที่แล้ว และรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรความนิยมกระบะหัวเดี่ยวพร้อมลุย นี่เป็นที่มาจากมิตซูบิชิที่เห็นว่ารถกระบะสไตล์นี้ขายได้ และได้รับความนิยมในทางภาคใต้บ้านเรา โดยเฉพาะบรรดาคนที่ทำสวนยาง ปาล์มน้ำมัน ก่อนจะขยายตัวไปสู่แบรนด์อื่นๆ
Mitsubishi Single Cab GL 4WD เรียกว่าเป็นรถที่ครบเครื่องด้วยทั้งรูปโฉมหน้าตาและออพชั่น ปีที่ผ่านมา มีการปรับปรุงรายละเอียด หน้าตาใหม่น่าใช้งานมากขึ้น ภายนอกตัวรถใหความน่าสนใจด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตสีดำ ดูดุดันลงตัวม พร้อมขอเกี่ยวกระบะท้ายช่วยให้การมัดของง่ายขึ้น สไตล์การออกแบบยังคงได้ความดูดีทันสมัยมาอย่างครบครัน ติดตั้งมาพร้อมล้อกระทะขนาด 16 นิ้ว ได้ยาง 205 R16C จากโรงงาน
ส่วนในห้องโดยสารแนะนำตัวด้วยความสปอร์ตภายในโทนดำทั้งคัน เบาะนั่งเป็นแบบแยกชิ้นจากโรงงาน ให้ความสบายในการขับขี่สูงสุด พกพวงมาลัย 3 ก้าน พร้อมกระจกไฟฟ้า ,เครื่องเสียง CD- MP3 ครบเครื่องจากโรงงาน ตรงหน้าคนขับมีจอแสดงข้อมูลการขับขี่
ใต้เรือนร่างส่งของสายลุยคันนี้ ทางมิตซูบิชิ จัดการปรับปรุงเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร มาเป็น 2.4 ลิตร จากเดิม 178 แรงมา้ เพิ่มมาเป็นลัง 181 แรงม้า สูงสุดที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดปรับจาก 400 นิวตันเมตร เพิ่มเป็น 430 นิวตันเมตร สูงสุดที่ 2,000 รอบต่อนาที ชุดเกียร์ได้รับการปรับปรุงใหม่จาก เกียร์ 5 สปีด มาเป็นเกียร์ 6 สปีด ทั้งเกียรืธรรมดา และอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว แถมตัวรถมีความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถโย่งเป็นเบอร์ 2 ด้วยระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 200 มม.
แตสิ่งที่น่าสนใจในเจ้านี้ คือ มัน มีระบบึวามปลอดภัยมาให้อื้อซ่า ทั้ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค และกระจายแรงเบรก ที่ถือว่าเป็นมาตรฐาน มิตซูบิชิ ยังให้ ระบบควบคุมสเถียรภาพในการทรงตัว ASC , ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีอีกด้วย
Mitsubishi Single Cab 2.4 GL 6 MT 4WD ราคา 654,000 บาท (ราคารุ่นก่อนหน้า 627,000 บาท)
Mitsubishi Single Cab 2.4 GL 6 AT 4WD ราคา 699,000 บาท ( ราคารุ่นก่อนหน้า 682,000 บาท )
Ford Ranger Standard Cab 2.2 XL 4×4 XLT
หลังจากเคยทำก กระบะตอนเดียวขับเคลื่อนสี่ล้อ ท้ายเรียบออกมาขาย ใน Ford Ranger 3.2L Short Wheel Base 4X4 เมื่อช่วงก่อนหน้านี้ การปลดระวางเครื่องยนตื 3.2 ลิตร แทนที่ด้วย 2.2 ลิตร ส่งให้ค่ายวงรีสีน้ำเิน ปลดระวางรถรุ่นดังกล่าวเช่นกัน
หัวเดี่ยวขับสี่ของฟอร์ดกลับมาอีกครั้ง ในปีทีผ่านมา ในหมวด Ranger For Work หวังเตะตาสายรถใช้งาน ด้วยรถ Standard Cab ปกติ มาพร้อมไฟหน้า มัลติรีเฟลกเตอร์สีดำ รับกับกระจังหน้าสีดำ ล้อกระทะขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 255/70/ R16
ภายในห้องโดยสารเบาะนั่งทั้ง 2 ฝั่งปรับ 4 ทิศทาง หัวเกียร์ทำจากพลาสติก เรือไมล์ได้หน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 2.3 นิ้ว
เรื่องเครื่องเสียงเป็นระบบ CD MP 3 แผ่นเดียว เอาไว้แก้เหงายามขับรถเดินทาง
ด้านเครื่องยนต์ปรับมาเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที พกเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ตอบการขับขี่อย่างลงตัว ให้ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค
ด้วยการเปลี่ยนแปลงมาสุ่รถในรูปแบบเหมือนชาวบ้านชาวช่อง ทำให้ราคาปรับลดลงมาเหลือเพียง 649,000 บาท เท่านั้น
เปรียบมวย กระบะตอนเดียวขับเคลื่อนสี่ล้อ ..คันไหนน่าใช้
ก่อนอื่นต้องบอกว่า กระบะหัวเดี่ยวขับเคลื่อนสี่ล้อ นั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาสนับสนุนงานเพื่อการพาณิชยโดยเฉพาะ คนที่มองรถกลุ่มนี้ต้อวการรถที่มากความสามารถในการขับขี่ในราคาสมเหตุสมผล ส่วนอีกกลุ่มเป็นคนที่มองหารถกระบะสายลุยไว้ใช้ลุยอย่างเดียว ไม่ได้สนใจหน้าอินหน้าพรหมอะไร
ไม่ว่าอะไรที่ทำให้คุณมอง กระบะหัวเดี่ยวขับสี่ ส่วนสำคัญที่เหมือนกันคือความคุ้มค่าในการตอบสนองต่อความต้องการ โดยเฉพาะความคุ้มค่าในการใช้งาน เราจึงมองเรื่องต่างๆ แยกออกเป็นประเด็น ดังนี้
เด่นเรื่องกำลัง …
เมื่อต้องการบรรทุกการตอบสนองทางด้านกำลังน่าจะเป็นโจทย์ที่ชัดเจนมากที่สุด เนื่องจากรถกระบะอาจจะต้องขนของจำนวนมากจนพิกัดโหลดอาจสูงถึง 1.5 ตัน เมื่อบรรทุกจนเต็มพละกำลังจากเครื่องยนต์ ถ้าเด่นที่สุด คงไม่มีค่ายไหนมากไปกว่าฟอร์ด ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลัง 190 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวบี้ Ford กระเด็น เนื่องจากฟอร์ด หันไปใช้เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร รุ่นก่อนหน้า
ถ้าเรามองข้ามอีซูซุ เบอร์ 2 เรื่องพละกำลัง Mitsubishi Triton เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลัง 181 แรงม้า ทำแรงบิด 430 นิวตันเมตร เบียด Toyota REvo 2.8 177 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตรขึ้น อย่างน่าสนใจ
เด่นเรื่องลุย
เมื่อพูดถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เราต้องนึกถึงความสามารถในการลุยเป็นสำคัญและ เรื่องนี้วัดกันที่ความสูงจากใต้ท้องถึงพื้น เป็นหลักแล้วกัน
Isuzu นำโด่งงวดนี้ด้วยความสุงใต้ท้องรถถึงพื้น 220 มม. ถึงจะลดลงมา 5 มม. จากรุ่นเดิมก็ยังสูงที่สุด ยืนหนึ่งในกลุ่ม แถมงวดนี้ อีซูซุ เป็นแบรนด์เดียวในตลาดให้ระบบเฟืองท้าย Diff Lock ติดปลายนวมมาด้วย การลุยน้ำได้รับการพัฒนาทัดเทียมเจ้าอื่น 800 มม. ถือว่ามากพอสำหรับการใช้งานลุยทั่วไป มากกว่านี้ คงต้อง ติด ท่อหายใจจะปลอดภัยกว่า
ที่สูงรองลงมา ตกเป็นของ Ford เราเชื่อว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถสูงถึง 210 มม. นั่นทำให้มันน่าจะลุยได้ดีด ถ้าเครื่องยนต์สมรรถนะสูงกว่านี้สักหน่อย คงจะดีมาก กระบะหัวเดียวขับสี่พร้อมลุย อันดับที่ 3 ตกเป็นของ Mitsubishi ความสูง 200 มม. ส่วนโตโยต้ามีความสูง 196 มม. และนิสสันมีความสูง 185 มม. เท่านั้น
อย่างไรก็ดีความสูงจากใต้พื้นถึงท้องเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น Isuzu ครบกว่าด้วย Diff Lock ปกติไม่เห็นให้ในกระบะหัวเดียวขับสี่ ส่วนมิตซูบิชิน่าสนใจรองลงมา ด้วยการมีออพชั่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อยังเป็นระบบ Easy Select 4WD ตลอดจนชื่อเสียงของค่ายนี้ทางด้านลุยก็มีชื่อเสียงมานานอยู่แล้ว แถมมีตัวช่วย ระบบควบคุมการทรงตัว และช่วยออกตัวบนทางลาดชัน มาเพิ่มอีก บอกเลยว่าน่าสนใจ
สะดวกสบายสูงสุด
จริงๆ จะถามหาความสบายในกระบะหัวเดี่ยว คงฟังดูแปลกสักหน่อย แต่ในหมู่นี้ Nissan Navara ตอบสนองดีทางด้านออพชั่นภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งแบบพวงมาลัยที่ได้อย่างเก๋ง และเครื่องเสียงแบบจอ 5 นิ้ว เป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลในการขับขี่มากพอสมควร รวมถึงยังได้กล้องมองหลังเป็นหนึ่งเดียวในกระบะกลุ่มนี้ รองลงมา Mitsubishi ทำออพชั่นออกมาได้ดีไม่แพ้กันเบาะนั่งแยกเป็นสิ่งที่ทำให้มันได้คะแนนที่ดี เราให้ความน่าใช้งานมากกว่าแบรนด์อื่น ด้านอีซูซุและฟอร์ รวมถึง โตโยต้า ยังมีภาพรถใช้งานมากไปสักหน่อย
เปี่ยมประสิทธิภาพ
เมื่อต้องใช้งานการพาณิชย์ ประสิทธิภาพในการใช้งาน โดยเฉพาะเรื่องความประหยัด เป็นโจทย์ที่มองข้ามไม่ได้ และในเรื่องนี้ Nissan Navara ค่อนข้างเฉียบขาดด้วย เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร พร้อมระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด รุ่นใหม่ทั้งแรงขึ้นประหยัดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
รองลงมาเป็น Toyota Hilux Revo เครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร 177 แรงม้า สมเหตุสมผลกับขนาดเครื่องยนต์ และติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มาด้วย แถมทางโตโยต้ายังให้หมัดเด็ด ด้วยโหมดการขับขี่ จึงทำให้พวกเขาเหนือชั้นกว่าคู่แข่งในตลาดปัจจุบัน เจ้าโหมดเหล่านี้ รวมถึง พาวเวอร์โหมด และ อีโค่โหมด ให้ความประหยัด ช่วยได้รับดับหนึ่ง
ส่วน Ford เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร เท่าที่เคยขับไม่ได้ประหยัดเท่าไรนัก แต่การให้เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะก็น่าสนใจไม่น้อย แน่นอน กินมากสุดครั้งนี้คงเป็นอีซูซุ เพราะเครื่องยนตืมีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาด
เป็นอย่างไรบ้างครับ อัพเดท กระบะตอนเดียวขับเคลื่อนสี่ล้อ สายบรรทุกพร้อมลุยราคาไม่แพง ต้องยอมรับว่ามันเป็นรถที่น่าสนใจ ราคาขายก็ไม่แพง ถึงจะกระโดกกระเดกไปบ้าง ไม่ค่อยีมีตัวช่วยมากยกเว้นบางรุ่น แต่ความดิบนี่แหละที่สายลุยต้องการ