Kia AD

Home » Deepal E07 อเนกประสงค์ไฟฟ้าท้ายกระบะ ขายไทยเริ่ม 1,599,000 บาท

Kia AD

รถใหม่ รถใหม่ในประเทศ ราคารถใหม่

Deepal E07 อเนกประสงค์ไฟฟ้าท้ายกระบะ ขายไทยเริ่ม 1,599,000 บาท

หลังประสบความสำเร็จกับ Deepal L07 และ S07 ไปพอสมควร คราวนี้ ทาง Changan ก็ได้เสริมทัพเพิ่มด้วยทางเลือกใหม่อย่าง Deepal E07 อีกหนึ่งไลน์อัพ ในราคาเริ่มต้น 1,599,000 บาท

Deepal E07 จัดอยู่ในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ แบบลูกผสม หรือ Crossover ที่มีความโดดเด่นจากรูปทรงตัวถังแปลกตา เนื่องจากครึ่งหลังของมัน มาพร้อมกับแนวหลังคาแบบท้ายลาดยาว โดยตัวหลังคากระจก สามารถเลื่อนสไลด์ขึ้น-ลงเข้าไปเก็บในแนวหลังคาห้องโดยสารได้ เพื่อเปิดพื้นที่ตอนหลังของตัวรถให้กลายเป็นกระบะท้ายสำหรับใส่สัมภาระต่างๆได้

นอกจากตัวฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมบานกระจกแบบสไลด์เก็บได้ ตัวผนังกั้นกลางระหว่างห้องโดยสารแถวสอง กับพื้นที่กระบะหลัง ยังสามารถเลื่อนกระจกลงแล้วพับเบาะแถวสองให้นอนราบ พร้อมพับผนังกั้นลง เพื่อเพิ่มพื้นที่การเก็บสัมภาระให้ลึกมากขึ้นได้จนมีตัวเลขสูงสุด 524 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างน่าสนใจมากเลยทีเดียว และหากไม่พอตัวรถยังมีพื้นที่เก็บของสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้าอีก 131 ลิตร ด้วย

เมื่อกลับมามองที่งานออกแบบภายนอกในภาพรวมอีกครั้ง ตัวรถ E07 รุ่นนี้ ก็จะมีเส้นสายงานออกแบบที่แตกต่างจากทั้ง S07 และ L07 เพราะคราวนี้มันถูกออกแบบให้ตัวถังมีความบึกบึน และสูงใหญ่ บ่งบอกถึงความสามารถในการบุกตะลุยได้ในระดับหนึ่ง และยังมีความโค้งมนเป็นหลักตั้งแต่หัวจรดท้าย แต่ยังคงมีความสะดุดตายิ่งกว่าด้วยชุดไฟหน้า-ไฟท้ายแบบ Star Ring อันเป็นเอกลักษณ์ แถมยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.237 Cd เท่านั้น

ภายในห้องโดยสาร เน้นการผสมผสานระหว่าง ความเรียบง่าย และความหรูหรา โดยสังเกตได้จากคอนโซลที่ดูสะอาดตา แต่มีการติดตั้งชุดจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 15.4 นิ้ว ซึ่งสามารถปรับตั้งองศาการแสดงผลได้ ว่าจะให้หันไปทางซ้าย หาผู้โดยสารด้านข้าง หรือหันไปด้านขวา หาผู้ขับ ได้อย่างอิสระและละเอียดกันในระดับหลักเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ด้านพวงมาลัยเองก็มาพร้อมกับปุ่มมัลติงฟังก์ชัน ซึ่งสามารถเลือกให้มันสามารถใช้ปรับลูกเล่นต่างๆของตัวรถได้หลากหลาย ทั้งระดับเสียงจากลำโพงทั้ง 18 ตำแหน่ง (มี 2 ตัวอยู่ด้านนอกเพื่อส่งเสียงแจ้งเตือนผู้คนบนเส้นทางสัญจร เมื่อขับรถด้วยความเร็วต่ำ), โหมดเครื่องเล่น, ตำแหน่งพวงมาลัย, ตำแหน่งกระจกมองข้าง และอื่นๆ โดยจะต้องปรับเลือกในหน้าจออินโฟเทนเมนท์อีกที

นอกจากนี้ ตัวรถยังมาพร้อมกับชุดเบาะคู่หน้าแบบ Zero Gravity พร้อมระบบปรับตำแหน่งด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง และที่ดันหลังอีก 4 ทิศทาง รวมถึงหมอนรองน่องอีก 2 ทิศทาง, ระบบ Welcome Seat และ Memory Seat ทั้งฝั่งผู้ขับและผู้โดยสาร, ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone พร้อมระบบกรอง PM 2.5, ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 50 วัตต์ และยังมีลูกเล่นระบบแคมปิ้งต่างๆให้เลือกใช้งานได้อีก รวมถึงโหมดเฝ้าระวัง และ กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา พร้อมมุมมองใต้ท้องรถแบบ Transparent Chassis Mode ด้วย

ระบบช่วยเหลือการขับขี่ยังคงให้มาจัดเต็ม ทั้ง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผันแบบผสมผสาน (IACC), ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน (LCC), ระบบช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติเมื่อเปิดไฟเลี้ยว (UDLC), ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งกีดขวางด้านข้าง (LDC), ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (APA), ระบบช่วยจอดอัตโนมัติจากระยะไกล (RPA), ระบบนำรถเข้า-ออกช่องจอดในแนวตรงจากระยะไกล (RSIO), ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (RADS), ระบบช่วยเตือนหากเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า (FCW), ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาด้านหน้า (FCTA), ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาด้านหน้า (FCTB), ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนขณะฉุกเฉิน (ELK), ระบบช่วยเตือนหากเสี่ยงต่อการโดนชนด้านหลัง (RCW), ระบบช่วยแจ้งเตือนมุมอับสายตา (BSD), ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA), ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB), ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA), ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนขณะเปิดประตู (SEW), ระบบเตือนความเร็วเกินกำหนด (OSW), ระบบช่วยตรวจจับป้ายจราจร (TSR), ระบบช่วยเปิดไฟสูงอัตโนมัติ (FAB), และ ระบบช่วยเตือนระยะห่างจากรถคันหน้า (SDW)

โดยความแตกต่างของตัวรถที่วางจำหน่ายในไทย ซึ่งมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย นอกจากสีภายในห้องโดยสารที่เป็นสีดำ กับสีส้ม แล้วแต่รุ่นย่อย ก็คือเรื่องของขุมกำลัง นั่นคือ

รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ราคาเปิดตัว 1,599,000 บาท (ราคาหลังช่วงแนะนำ 1,699,000 บาท)

  • ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าลูกเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 342 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดสูงสุด 365 นิวตันเมตร ช่วยให้รถสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 6.7 วินาที และทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ Ternary Lithium (NMC) ความจุ 89.98kWh รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้า DC กำลังสูงสุด 240 kW ช่วยให้รถสามารถชาร์จไฟจาก 30%-80% ได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที และมีระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จที่ 640 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ราคาเปิดตัว 1,999,000 บาท (ราคาหลังช่วงแนะนำ 2,099,000 บาท)

  • ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 598 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิดสูงสุด 645 นิวตันเมตร ช่วยให้รถสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.96 วินาที และทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ Ternary Lithium (NMC) ความจุ 89.98kWh รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้า DC กำลังสูงสุด 240 kW ช่วยให้รถสามารถชาร์จไฟจาก 30%-80% ได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที และมีระยะทางในการใช้งานสูงสุดต่อชาร์จที่ 590 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

นอกจากนี้ในส่วนระบบกันสะเทือนที่เป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ (หน้า Double Wish Bone / หลัง Multi-link แบบ H-arm) หากเป็นรุ่น AWD ยังจะได้ชุดช่วงล่างถุงลม พร้อมโช้กปรับความหนืดไฟฟ้า ที่สามารถเซ็ทค่าพื้นฐาน และแปรผันความหนืดในการยืดยุบได้ตามความเร็วกับสภาพถนน รวมถึงสามารถปรับความสูง-ต่ำ ได้ -40 มิลลิเมตร / +30 มิลลิเมตร แล้วแต่โหมดช่วงล่างที่เลือกได้ด้วย

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.