ออสเตรเลียเป็นรายล่าสุดที่เปิดตัว Ford Mustang มิลเซิลคาร์เจนที่ 7 อย่างเป็นทางการหลังเปิดตัวที่อเมริกาบ้านเกิดไปได้สักพัก
ถึงจะเป็นเจนใหม่แต่ยังรักษาตำนานม้าป่าไว้อย่างสมบูรณ์แบบจากแพลตฟอร์ม S650 หล่อเช่นเดิมด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมพร้อมตราโลโก้ม้าป่าผยอง กันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ไฟหน้า Tri-Bar LED 2 แถบ ด้านท้ายมาแบบไฟท้าย LED 3 แถบดีไซน์ใหม่ พร้อมดิฟฟิวเซอร์ที่ออกแบบใหม่เพื่อให้ลู่ลมกว่าเดิม ผสมความเป็นดั้งเดิมปรับตามยุคสมัย พร้อมช่องใส่ทะเบียนท้ายแบบยาว ล้ออัลลอยลายใหม่สีเทา Carbonised Grey ขนาด 19 นิ้ว หุ้มยาง Pirelli P-Zero
ภายในทันสมัยกับชุดมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.4 นิ้ว แสดงข้อมูลที่เหมาะสมกับโหมดขับขี่ รวมถึงจอสัมผัสขนาดใหญ่ 13.2 นิ้วที่งานนี้ออกแบบให้อยู่ตำแหน่งเดียวกับชุดมาตรวัด พร้อมระบบความบันเทิง SYNC 4 เวอร์ชันใหม่ รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto™ พร้อมลำโพงจาก B&O Bang & Olufsen 12 จุด รวมถึงพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงใหม่ท้ายตัด คันเกียร์ดีไซน์เอกลักษณ์เบรกมือยังเป็นคันโยก มีแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และมีช่องเสียบ USB อยู่เหนือศีรษะ เบาะนั่งที่หุ้มด้วยผ้าทั้งหมดและแบบหุ้มเบาะนั่งหนังผสมหนังกลับจาก RECARO และมีเข็มขัดนิรภัยสีดำ รุ่นสูงสุดหุ้มและตกแต่งตัดขอบทั้งแผงหน้าปัดและบานประตูด้านใน
ขุมพลังคงเดิมด้วยความแรงยกมาจากเจนที่แล้วทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 5.0 ลิตร V8 Coyote พัฒนาใหม่ปรับปรุงระบบ ให้กำลังมากกว่าเริ่มที่รุ่น GT ได้แรงม้าสูงสุด 472 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร และรุ่น Dark Horse 475 แรงม้า แรงบิด 548 นิวตันเมตร เครื่องยนต์เบนซินเล็ก EcoBoost GTDi ขนาด 2.3 ลิตร พัฒนาใหม่เช่นกัน 315 แรงม้า แรงบิด 475 นิวตันเมตร ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 SelectShift และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด Getrag ขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมระบบ Remote Rev แม้อยู่นอกตัวรถก็เปิดเสียงคำรามของเครื่องยนต์ได้เพียงปลายนิ้วด้วยการสั่งงานผ่านกุญแจ
มีโหมดการขับขี่ 6 โหมดทั้ง โหมดปกติ โหมดสปอร์ต Sport โหมดถนนลื่น Snow/Wet โหมดแข่งทางตรง (แดรก) Drag Strip โหมดแทร็ก Track และโหมดสุดท้ายที่บันทึกการตั้งค่าส่วนตัวได้ My Mode จากความสามารถในการปรับแต่งรูปแบบส่วนตัวได้ถึง 6 สไตล์ ครั้งแรกในเซ็กเมนต์ด้วย ‘ดริฟท์เบรกแบบไฟฟ้า’ Electronic Drift Brake ปลดล็อกความสามารถในการดริฟท์ของรถขับเคลื่อนล้อหลัง มาพร้อมกับพวงมาลัยพาวเวอร์ปรับน้ำหนัก 3 โหมดทั้งโหมด Normal, Comfort และ Sport พิเศษรุ่น Dark House อัพเกรดความโหดอีกระดับ ด้วยอุปกรณ์ส่วนควบอันร้องแรงทั้งสตรัททาวเวอร์ด้านหน้า ช่วงล่างแบบ MagneRide ปรับค่าสปิรงให้แข็งขึ้น เฟืองท้าย Torsen LSD ดิสก์เบรก Brembo ที่จานหน้ามีขนาด 390 มิลลิเมตร 6 ลูกสูบ จานหลังขนาด 355 มิลลิเมตร 4 ลูกสูบ
Ford Mustang มาทั้งแบบคูเป้และเปิดประทุนขายจริงที่ออสเตรเลียกลางปี 2024 ทั้งรุ่น EcoBoost, รุ่น GT และ รุ่น Dark Horse จำนวนจำกัดเพียง 1,000 คัน ในราคาเริ่มต้น $64,990- $103,002 หรือราว 1,494,000-2,359,000 บาท
ส่วนการวางจำหน่าย Mustang เจเนอเรชันที่ 7 ในประเทศไทยเอง ก็อาจจะตามมาในไม่ช้า โดยอาจเกิดขึ้นในช่วงกลางปีหน้าเป็นอย่างเร็ว เนื่องจากตอนนี้ทาง Ford ประเทศไทย ได้เริ่มอัดโปรโมชันเพื่อเคลียร์สต็อค Mustang รุ่นปัจจุบันกันแล้ว และทาง Ford USA ก็ได้มีการประกาศยุติสายพานการผลิตไปแล้วด้วย