ยุโรปเป็นกลุ่มประเทศล่าสุดที่เปิดตัว Honda CR-V เจนที่ 6 เอสยูวีที่ Honda ตั้งใจส่งไปขายตอบโจทย์สาวกพ่อบ้านอย่างเต็มรูปแบบ
หน้าตาไม่ต่างจากสเปกไทยแต่กระจังหน้าดีไซน์พิมพ์นิยมสีดำ Piano Black กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequentialไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ พร้อมไฟท้าย LED เสาอากาศครีบฉลาม ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ และล้อสีรมดำขนาด 18 นิ้ว
ภายในกว้างขวางเติมเต็มประสบการณ์ที่ดีตลอดเส้นทางด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายด้วยวัสดุคุณภาพสูงและความอเนกประสงค์ด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black เบาะหนังสีดำแดง พวงมาลัยสีดำหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชัน แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต กุญแจอัจฉริยะ Honda Smart Key Card มีไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ติดตั้งในหลายตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มีไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัส
เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยทั้ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD) เครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 7 กับ 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 กับ 10.2 นิ้ว อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง)
ยุโรปขายแต่เบนซินติดมีให้เลือกทั้งแบบไฮบริด e:HEV 2.0 ลิตร ให้กำลัง 148 แรงม้า แรงบิด 183 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันจะได้พลังแรงสุด 207 แรงม้า
ปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานเหมาะสมกับการขับขี่ในทุกสถานการณ์ใน 3 โหมด ได้แก่ โหมด EV Drive Mode โหมด Hybrid Drive Mode และโหมด Engine Drive Mode พร้อมสวิตช์โหมดการขับขี่ (Drive Mode Switch) ได้แก่ โหมด Sport โหมด Normal และโหมด Econ คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
และพลังเสียบปลั๊ก e:PHEV ขุมพลัง Plug In Hybrid กับเบนซิน 2.0 ลิตรบล็อกเดียวกับรุ่น e:HEV แต่เพิ่มความจุแบตเตอรี่ Ternary lithium-ion battery 16.3 kWh พร้อม On-board charger 4.5 kW ให้กำลังถึง 184 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกัน 215 แรงม้า โดยชาร์จครั้งเดียววิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าถึง 82 กม. สามารถชาร์จกระแสสลับ AC ได้ 2.5 ชม. Honda CR-V เตรียมขายที่ยุโรปปลายปีนี้