Hyundai Creta นับเป็นอีกหนึ่งรถครอสโอเวอร์ที่ได้รับความสนใจไม่น้อยในหลายๆประเทศ หรือแม้กระทั่งประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดใหญ่นอกเกาหลีของทางค่าย ซึ่งมันก็สำคัญถึงขั้นที่พวกเขาเลือกจะเปิดตัว Creta EV ครั้งแรกในประเทศนี้กันเลยทีเดียว
Hyundai Creta EV เตรียมถูกเปิดตัวครั้งแรกในงาน Bharat Mobility Global Expo 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 17-22 มกราคม นี้ ในประเทศอินเดีย โดยก่อนที่จะถึงเวลานั้น ทางค่ายก็ได้มีการปล่อยภาพภายนอก และภายในรวมถึงรายละเอียดทางเทคนิคแบบคร่าวๆของตัวรถออกมาก่อน เพื่อเป็นการกระตุ้นความต้องการของลูกค้าในตลาดก่อนที่จะหันไปเลือกซื้อรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆที่อยู่ในคลาสเดียวกัน
โดยความแตกต่างของตัวรถขุมกำลังไฟฟ้ารุ่นนี้ เมื่อเทียบกับตัวรถรุ่นขุมกำลังสันดาป หากมองจากภายนอกเพียงอย่างเดียว เราก็จะพบว่ามันมีแค่เพียงการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนตกแต่งบางรายการเท่านั้น เพื่อให้มันเหมาะสมกับความเป็นรถยนต์ขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วน
ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนงานออกแบบกันชนหน้าและกระจังหน้าใหม่ เริ่มจากชายล่างกันชนที่มาพร้อมส่วนกันกระแทกเล็กลงนิดหน่อย เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับช่องดักลมหลอกที่ดูใหญ่โตกว่า โดยที่มันก็ยังคงมีช่องดักลมจริง พร้อมครีบเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ไว้คุมอากาศให้ไหลเข้าไประบายความร้อนมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เมื่อยามจำเป็นอยู่
ส่วนกระจังหน้าดั้งเดิม ก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยชั้นบนจะเป็นแบบปิดทึบ อยู่ในกรอบเดียวกันกับแนวไฟหน้า และเป็นที่ตั้งของกล้องจับภาพด้านหน้าตัวรถที่อยู่ตรงกลาง และตัวกระจังหน้าหลัก ก็จะเป็นแบบปิดทึบเช่นกัน แต่คราวนี้จะออกแบบให้มีกรอบเป็นเส้นเดียวกับกรอบไฟหน้าซึ่งยังเป็นของเดิมกับรุ่นขุมกำลังสันดาป และหลังแผ่นแปะโลโก้แบรนด์ตรงกลาง ก็จะเป็นที่อยู่ของพอร์ทชาร์จไฟของตัวรถ
ซึ่งทาง Huyndai ยังได้มีการซ่อนรายละเอียดเล็กๆถึงความเป็นรถยนต์ของแบรนด์ยุคใหม่เอาไว้ด้วย นั่นคือชิ้นส่วนที่เป็นกระจังหน้าปิดทึบ หรือช่องดักลม(หลอก)ทั้งหมด จะถูกขึ้นรูปและพิมพ์ลาย Pixel เหมือนกันทั้งหมด แม้แต่ชิ้นส่วนปิดกันชนท้ายตรงกลางเองก็เช่นกัน และมีการปรับรายละเอียดของวงล้อใหม่ ให้สมกับความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าก็เท่านั้น
ส่วนงานตกแต่งภายในห้องโดยสาร ทางค่ายยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมามากนัก นอกจากการเผยให้เห้นว่าตัวรถจะมาพร้อมกับพวงมาลัยแบบเดียวกับ Hyundai Ioniq 5 และมีการเปลี่ยนงานออกแบบคอนโซลกลางใหม่ เพื่อให้เข้ากับระบบขับเคลื่อนและขุมกำลังที่เปลี่ยนไป หรือว่าง่ายๆก็คือ ดูเหมือนมันจะไม่มีชุดคันเกียร์ที่กลางคอนโวลอีกต่อไป และเปลี่ยนไปใช้ก้านหลังพวงมาลัยด้านขวาทำหน้าที่เป็นก้านปรับตำแหน่งเกียร์แทน
นอกนั้นในส่วนของงานออกแบบคอนโซลหน้า คาดว่าจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก และยังคงมาพร้อมกับชุดจอขนาด 10.25 นิ้ว 2 จอ ต่อเป็นแผงเดียวกัน แต่ในฝั่งจอแแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์จะมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมอย่างหน้าจอฟังก์ชันปรับหรือคุมการทำงานของระบบจ่ายไฟ V2L เข้ามา และตัวยังจะแสดงผลหน้าจอการปรับตั้งระบบ ADAS Level 2 ต่างๆของตัวรถที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้สามารถทำงานได้ชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วย
ด้านขุมกำลังตัวรถ ทางค่ายยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกออกมา นอกจากระบุว่ามันจะทำให้รถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 7.9 วินาที และจะทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ 2 ขนาด ได้แก่ 42 kWh และ 51.4 kWh ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 390 กิโลเมตร/ชาร์จ หรือ 473 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน ARAI
ส่วนขีดความสามารถในการชาร์จเอง ทางค่ายก็ระบุไว้แแค่เพียงว่า มันจะสามารถชาร์จไฟจาก 10% – 80% ได้ภายในเวลา 58 นาที ผ่านระบบชาร์จไฟแบบ DC ขณะที่การชาร์จไฟผ่านระบบไฟแบบ AC กำลังสูงสุด 11 kW ก็จะใช้เวลาในการชาร์จจากปริมาณไฟ 10% จนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 4 ชั่วโมง เท่านั้น
แน่นอน เนื่องจากยังมีข้อมูลตัวรถที่ถูกอุบไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นสำหรับใครที่สนใจ จึงต้องอดใจรอกันอีกสักนิด จนกว่าจะถึงกำหนดการเปิดตัวรถจริงอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในวันที่ 17 มกราคม นี้ ที่ประเทศอินเดีย
ส่วนมันจะมีโอกาสถูกนำมาทำตลาดในประเทศไทยหรือไม่ ก็ยังไม่มีใครสามารถระบุท่าทีที่แน่ชัดได้เลยทั้งสิ้นในตอนนี้