หลังเป็นข่าวลืออยู่พักใหญ่ถึง การมาของขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซลบล็อคใหม่ตระกูล “MaxForce” จาก Isuzu ล่าสุดในวันนี้ทางค่ายก็ได้เผยสเป็คของมันอย่างเป็นทางการแล้วว่า มันคือเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาดความจุ 2.2 ลิตร
เครื่องยนต์ Isuzu MaxForce 2.2 Ddi ถือเป็นเครื่องยนต์บล็อคใหม่ล่าสุด ซึ่งนอกจากการใช้รหัส RZ ขึ้นต้นชื่อเครื่องฯ ด้วยรหัส “RZ4F-TC” เหมือนกับบล็อค 1.9 Ddi ที่ใช้รหัส “RZ4E-TC”
แต่แท้จริงแล้วชิ้นส่วนและไส้ในของมัน กลับไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกันเลย หมันเป็นเครื่องยนต์ที่ทางค่ายพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
โดยหากเทียบกันที่ตัวเลขทางเทคนิค เครื่องยนต์ลูกใหม่นี้ จะมาพร้อมกับขนาดกระบอกสูบ 83 มิลลิเมตร และมีระยะช่วงชักอีก 100 มิลลิเมตร ทำให้ความจุสุทธิของเครื่องยนต์มีตัวเลข 2,164cc เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ 1.9 หรือความจุสุทธิ 1,898 cc ที่ใช้ลูกสูบขนาด 80 มิลลิเมตร (เล็กกว่า 3 มิลลิเมตร) กับช่วงชักระยะ 94.4 มิลลิเมตร (สั้นกว่า 5.6 มิลลิเมตร) ขนาดห้องเผาไหม้ เครื่อง Isuzu Max Force 2.2 Ddi จะมีปริมาตรเพิ่มขึ้น 266cc
แม้ว่า ช่วงชักและขนาดลูกสูบ จะโตขึ้น จนหลายคนอาจจะมองว่ าก็เอาบล็อกเครื่องเดิมมาขัดเกลาใหม่ ก้ได้แล้ว แต่ที่จริง ทางอีซูซุไปไกลกว่านั้น ด้วยการ พัฒนา 5 ชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด ตามหลัก 5 C ประกอบด้วย
Cylinder Block – เสื้อสูบ
Cylinder Head – ฝาสูบ
Connecting Rod – ก้านสูบ
Crank shaft -เพลาข้อเหวี่ยง
Cylinder Piston – ลูกสูบ
หรือ อาจจะกล่าวได้เต็มปากว่า แม้มันจะเหมือนเป็นทายาท 1.9 แต่ความจริงแล้ว มันคือหนังคนละม้วน กับเครื่องยนต์เดิมที่เคยได้รับความนิยม
ไม่เพียงเท่านี้ส่วนที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือในส่วนของการพัฒนาลูกสูบ ทางอีซูซุ ได้พัฒนาใส่ 2 เทคโนโลยีสำคัญ เข้าไป เริ่มจาก การพัฒนาให้ลูกสูบมีอรงเสียดทานต่ำ ULTRA-LOW FRICTION และยังออกแบบหัวสูบใหม่ ทำให้ กห้องเผาไหม้เปลี่ยนมาเป็นแบบ High Swirl
ในส่วน ตัวเสื้อสูบ พัฒนาให้มีความแข็งแรงพิเศษ EXTREME STRENGTH มีความทนทานมากเป็นพิเศษ
สด้านการขับชิ้นส่วนต่างๆภายในเครื่องยนต์ ยังคงใช้ระบบชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า TIMING GEAR & CHAIN และ หล่อลื่นชื้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ด้วยระบบหล่อลื่นจ่ายน้ำมันเครื่องแบบ Hi Flow มีอัตราการไหลเวียน น้ำมันเครื่องสูง ตลอดการทำงาน
ทางด้านระบบจ่ายเชื้อเพลิง มีการปรับปรุงใหม่ ทั้งชุดหัวฉีด และ ปั้มแรงดันเชื้อเพลิง จนทำให้เชื้อเพลิงมีแรงดันสูงถึง 250 MPa
และไฮไลท์สำคัญ ที่สุดที่อีซูซุ ภาคภูมิใจ คือ ระบบเทอร์โบชาร์จแปรผันปรับครีบอากาศ ด้วยไฟฟ้า หรือ E-VGS โดยจะทำงาน โดยการใช้มอเติร์ไฟฟ้าในการปรับคลีบ ทำงานสอดผสานกับกล่องประมวลผลกลาง ทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองเป็นไปตามความต้องการของผู้ขับขี่ รวดเร็ว และเหมาะสม ต่อความต้องการ
สุดท้าย เครื่องยนต์ Isuzu Max Force 2.2 Ddi มีระบบประมวลผลใหม่ล่าสุด ECM Multi Core ทำให้สามารถประมวลผลและควบคุมได้ดีขึ้น
ผลลัพท์ที่ได้ คือเครื่องยนต์ลูกใหม่นี้ มีพละกำลังแรงม้ามากขึ้น 13 PS โดยขยับขึ้นมาเป็น 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดมากขึ้นอีก 50 นิวตันเมตร เป็น 400 นิวตัน – เมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที
จะเห็นได้ว่ามาในรอบเครื่องยนต์ที่เร็วขึ้นอีก 200 รอบ/นาที และทาง Isuzu ยังระบุว่าเครื่องยนต์ลูกนี้สามารถรีดแรงบิดได้ดีกว่าเครื่องยนต์ 1.9 ในช่วงรอบออกตัวมากกว่ากันถึง 56%
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ยังจะจับคู่กับชุดเกียร์แบบใหม่ โดยในฝั่งตัวรถเกียร์ธรรมดา จะยังคงเป็นเกียร์ธรมดา 6 สปีด ทำงานร่วมกับชุดเฟืองท้ายเดิม เหมือนกับรุ่นขุมกำลัง 1.9 แต่อัตราทดเกียร์ 1-3 ถูกปรับใหม่ ให้ระยะในการต่อเกียร์มีความต่อเนื่องในช่วงกว้างมากขึ้น เช่นเดียวกันกับอัตราทดเกียร์ 5-6 ที่ถูกปรับให้ต่ำลง เพื่อลดการเปลืองรอบ ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองได้สูงสุดถึง 10.7% เมื่อเทียบกับตัวรถ D-Max Hi-Lander Space Cab 1.9 L
ที่เด็ดกว่านั้น คือสำหรับตัวรถที่ใช้เครื่องยนต์ 2.2 พร้อมออพชันระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ลูกใหม่ จากผู้ผลิต Aisin ซึ่งถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้งานกับขุมกำลังลูกนี้โดยเฉพาะ
ด้วยอัตราทดเกียร์ที่มากขึ้น ย่อมหมายความว่ามันจะสามารถเรียกอัตราเร่ง และต่อเกียร์ได้อย่างกระชับต่อเนื่องมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในช่วงความเร็วเดินทาง และยังสามารถลดความเปลืองรอบเครื่องยนต์ตอนขับรถด้วยความเร็วคงที่ได้ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย
ทั้งนี้ ตามการเผิดเผย ของ อีซูซุ ในเบื้องต้น ระบุว่า ขุมกำลังเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MaxForce จะไม่ได้ถูกนำมาทำตลาดแทนที่เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power หรือแม้กระทั่งขุมกำลัง 3.0 Ddi แต่อย่างใด
มันพัฒนาขึ้นมา คั่นกลางระหว่างตัวรถที่ใช้ขุมกำลังทั้ง 2 รุ่นอีกทีหนึ่ง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่อาจมองว่าขุมกำลัง 1.9 นั้นแรงน้อยเกินไป แต่จะให้กระโดดไปเล่นรุ่นใหญ่เครื่อง 3.0 ก็แรงเกินไปนั่นเอง
และในความเป็นจริงแล้วคราวนี้ ทาง Isuzu ยังมีการปรับปรุงเครื่องยนต์ 3.0 Ddi ให้มาพร้อมกับเทคโนโลยีบางส่วนที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ และใช้ชื่อต่อท้ายว่า MaxForce ตามเครื่องยนต์ 2.2 ด้วย นั่นคือ การปรับปรุงระบบคุมครีบรีดอากาศก่อนปั่นใบพัดในฝั่งไอเสียของเทอร์โบด้วยระบบไฟฟ้า หรือ E-VGS ใหม่ และยังรวมถึงการเพิ่มกล่อง ECM เข้าไปอีก 1 ตัว เพื่อการประมวลผลระบบจ่ายน้ำมันที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งอาจจะเป็นการปรับสเป็คที่ถี่ไปหน่อย แต่ก็เพื่อให้มันไม่น้อยหน้ารุ่นน้องของตนเองก็เท่านั้น