Home » KIA K4 Hatchback ขยายไลน์อัพ เน้นรองรับสายแบกของ
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ

KIA K4 Hatchback ขยายไลน์อัพ เน้นรองรับสายแบกของ

KIA K4 เป็นที่รู้จักในประเทศจีน และอื่นๆทั่วโลก ในฐานะรถซีดานรุ่นหนึ่งจากแบรนด์เกาหลี แต่ด้วยทิศทางความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ทำให้ล่าสุดทางค่ายเลือกที่จะเผยโฉมร่าง Hatchback 5 ประตูของมันออกมาเพิ่ม

KIA K4 Hatchback มาพร้อมกับงานออกแบบครึ่งหน้าที่ไม่ได้หนีไปจากคู่แฝดร่างซีดานเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้าและไฟหน้าสุดดุดัน ชุดแก้มข้าง และบานประตูหน้า หรือแม้แต่เส้นไหล่ตัวถังที่วาดจากซุ้มล้อหน้า ไปจนถึงเกือบแนวซุ้มล้อหลัง หรือให้ว่ากันตามตรง แม้แต่ไฟท้ายเองก็ยังมีหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบอีกด้วย

สิ่งที่ต่างออกไป ก็คือเส้นหลังคาช่วงเสา B ที่จะลาดเอียงลงมาน้อยกว่า เพื่อเพิ่มพื้นที่เหนือศรีษะของผู้โดยสารตอนหลัง และแม้กรอบกระจกบานหลังสุดจะดูหน้าตาคล้ายเดิม แต่มันก็มีขนาดในด้านสูงที่มากกว่า และสุดแนวหลังคายังมีการติดตั้งสปอยเลอร์เข้าไป ก่อนที่จะตัดแนวกระจกบานท้ายลงมาถึงแนวไฟท้ายด้วยความลาดเอียงเล็กน้อย

และหากลองสังเกตกันดีๆ จะพบว่าท้ายรถของมันสั้นและตันกว่าร่างซีดานเล็กน้อย นั่นก็เพราะท้ายรถมีความสั้นกว่าร่างซีดานอยู่ราวๆ 279 มิลลิเมตรด้วยกัน ทำให้รถมีความคล่องตัวกว่า และกะทัดรัดกว่าเมื่อต้องขับใช้งานในเมือง รวมถึงด้วยการออกแบบตัวถังในลักษณะของรถแฮชท์แบก มันจึงมาพร้อมกับพื้นที่เก็บสัมภาระที่มากถึง 629 ลิตร และยังสามารถขยายได้มากสุดเป็น 1,679 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวหลังทั้งหมด ในขณะที่ตัวรถร่างซีดานมีความจุช่องเก็บสัมภาระด้านหลังเพียง 413 ลิตร เท่านั้น

ภายในห้องโดยสาร แน่นอนว่าก็จะใช้งานออกแบบเดียวกันกับร่างซีดาน รวมถึงรถยนต์รุ่นอื่นๆของแบรนด์ โดดเด่นด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ ทั้งจอแสดงผลข้อมูลตัวรถขนาด 12.3 นิ้ว จอแสดงผลข้อมูลระบบปรับอากาศ 5.0 นิ้ว และ จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งทั้งหมดจะเชื่อมต่ออยู่ในแผงเดียวกัน ทำให้มันมีขนาดรวมกันที่ 30 นิ้ว

ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ก็จะมีทั้ง เบาะนั่งปรับไฟฟ้า, แท่นชาร์จไร้สาย, ระบบเสียงจาก Harman Kardon, และระบบช่วยเหลือการขับขี่อีก 29 รายการ และสุดท้ายคือ ระยะวางขาที่ยาวกว่าเดิมอีก 1 นิ้ว จากการถอยแนวเบาะหลังออกไป ทำให้ผู้โดยสารตอนหลังสามารถนั่งโดยสารได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

ด้านขุมกำลังตัวรถ จะมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 149 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 179 นิวตันเมตร ส่งกำลังไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์ Intelligent Variable Transmission

ส่วนอีกขุมกำลัง จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ที่มีขนาดเล็กลงเหลือ 1.6 ลิตร แต่เพิ่มกำลังด้วยการใส่เทอร์โบเข้าไป ทำให้มันสามารถเค้นกำลังสูงสุดได้ 193 PS และมีแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 264 นิวตันเมตร พร้อมส่งกำลังไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด

ขณะที่ราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่คาดว่าจะมีการขยับจากรุ่นซีดานที่มีราคาวางจำหน่าย 21,990 – 28,090 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 733,000 – 936,000 บาท ขึ้นไปอีกไม่มากนัก

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.