มาสด้าเตรียมดันรถยนต์รุ่นพิเศษ Carbon Edition มาสร้างความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ โดยนำคอนเซ็ปต์สไตล์คาร์บอนมาสร้างแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ความสปอร์ต เพิ่มความหรูหรามีระดับ ผ่านรถยนต์มาสด้ารุ่นยอดนิยมถึง 4 รุ่น ประกอบด้วย มาสด้า2, มาสด้า3, มาสด้า CX-3 และมาสด้า CX-30
มาสด้ายังคงมุ่งมั่นในการสร้างโมเดลธุรกิจ Business Quality โดยมุ่งเน้นการสร้างความสุขและความพึงพอใจของลูกค้า มุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ รวมถึงการปรับปรุงโชว์รูมและยกระดับคุณภาพมาตรฐานการบริการ เพื่อดูแลลูกค้าเสมือนคนในครอบครัว ด้วยการเอาใจใส่ดูแลทั้งด้านการขายและการบริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการใช้งานรถยนต์มาสด้า และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่ามาสด้าจะดูแลรถยนต์ที่ลูกค้ารักให้อย่างดีที่สุดในทุกๆ ช่วงเวลาไปตลอดอายุการใช้งาน โดยผ่านระบบ Sky Journey ทั้งในการติดต่อและติดตามลูกค้าเพื่อเข้ารับบริการ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพื่อรักษาลูกค้าในระยะยาว พร้อมเสริมธุรกิจรถยนต์มือสองคุณภาพดี CPO รองรับกับราคาขายต่อที่เพิ่มมูลค่ารถคันเดิมของลูกค้าให้สูงขึ้น
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ คาดการณ์ว่าจะขยายตัวดีขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาและจากสามไตรมาสก่อน ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงนโยบายจากภาครัฐที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการเติบโตของธุรกิจ ที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเริ่มกลับมาดีขึ้น แต่ทั้งนี้แล้ว ยังคงต้องจับตามองเรื่องการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้า ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ยังคงไม่คลี่คลายได้มากเท่ากับที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปี และยังมีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงปัจจัยสำคัญจากนโยบาย Zero-Covid ของประเทศจีน และปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวม แต่ยังเชื่อว่า ตลาดรถยนต์ไทยจะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 15% หรืออยู่ที่ประมาณ 870,000 คัน
สำหรับมาสด้าแล้ว คาดการณ์ว่าจะสามารถทำยอดขายในปีนี้ได้ใกล้เคียงกับยอดขายเมื่อปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 35,000 คัน โดยรถรุ่นที่มียอดขายสูงสุดยังคงเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า2 ตามด้วย มาสด้า CX-30 และ มาสด้า CX-3 ซึ่งรถครอสโอเวอร์รุ่นอื่นๆ ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์เพื่อการผลิต จึงทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าได้ทันกับยอดจองที่เพิ่มขึ้น และทำให้ยอดขายลดลงกว่าที่วางเป้าหมายไว้ในช่วงต้นปี ซึ่งคาดว่าภายในเดือนมกราคมการผลิตจะกลับมาอยู่ในภาวะปกติและสามารถส่งมอบให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ยังได้แสดงวิสัยทัศน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปี 2566 ว่า “มาสด้ามองว่าในปี 2566 คาดว่าปัจจัยลบด้านต่างๆ ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ที่เชื่อว่าจะคลี่คลายลงในไม่ช้านี้ และการผลิตรถยนต์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมถึงนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวของหลายๆ ประเทศ ก็เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ความต้องการรถยนต์ใหม่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ยังคงมีปัจจัยลบที่ต้องจับตามอง อาทิ ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น รวมถึงนโยบายดอกเบี้ยจากภาครัฐ อาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของลูกค้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งสิ้น”
สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของปี 2565 มาสด้าตั้งใจที่จะรุกตลาดอย่างเต็มที่ด้วยรถยนต์รุ่นพิเศษ Carbon Edition ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ มาสด้า2, มาสด้า3, มาสด้า CX-3 และ มาสด้า CX-30 ที่มาพร้อมแนวคิด “Unique You” โดดเด่นทั้งภายนอกและภายในที่ได้รับการออกแบบขึ้นพิเศษเพื่อลูกค้าชาวไทย สร้างความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์
โดยนำคอนเซ็ปต์สไตล์คาร์บอนมาสร้างแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ความสปอร์ตเพิ่มความหรูหรามีระดับ ไม่ว่าจะเป็น การตกแต่งพิเศษด้วยกระจกมองข้างสีดำ และล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ที่ตัดกันอย่างลงตัว ภายในห้องโดยสารที่มาพร้อมความพิเศษกับเบาะนั่งสีแดง Burgundy ตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดงบ่งบอกสไตล์ของผู้ขับได้อย่างชัดเจน
ซึ่งการผสมผสานของสีและการตกแต่งนี้ทำให้รุ่นพิเศษนี้ดูสปอร์ตอย่างเด่นชัด กลายเป็นรถยนต์ที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์ที่มีภาพลักษณ์สปอร์ต และถ่ายทอดความสนุกสนานในการขับขี่ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจอันเป็นลักษณะเฉพาะของรถยนต์มาสด้าได้อย่างลงตัว
รุ่นพิเศษ Carbon Edition มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ใน 6 รุ่นย่อย
- มาสด้า2 Carbon Edition รุ่นซีดาน 4 ประตู มาพร้อมความแตกต่างอย่างมีสไตล์ สะท้อนความสปอร์ตไม่ซ้ำใคร ด้วยกระจกมองข้างสีดำตัดกับโทนสีเข้มภายนอก ภายในตกแต่งพิเศษด้วยเบาะนั่งสีแดง Burgundy ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ด้วย Wireless Apple CarPlay® พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) มอบความสนุกในทุกกิจกรรมและเป็นตัวเองได้อย่างไม่ซ้ำแบบใคร ราคาจำหน่าย 669,000 บาท พร้อมข้อเสนอ ดาวน์เริ่มต้น 29,900 บาท1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี มูลค่า 26,500 บาท2 และฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว) มูลค่าสูงสุด 38,515 บาท3
- มาสด้า2 Carbon Edition Sports รุ่นแฮตซ์แบค 5 ประตู ได้รับการเติมเต็มความสปอร์ตพรีเมี่ยมให้แตกต่างแบบไม่ธรรมดา บอกสไตล์ที่โดดเด่นด้วยกระจกมองข้างสีดำ และภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยเบาะนั่งสีแดง Burgundy มอบความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่กับ Sports Paddle Shift ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ความสนุกสนานกับความแตกต่างในแบบฉบับที่มีเอกลักษณ์ ราคาจำหน่าย 669,000 บาท พร้อมข้อเสนอ ดาวน์เริ่มต้น 29,900 บาท1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี มูลค่า 26,500 บาท2 และฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษารถตามระยะ Mazda Care 5 ปี (รวมค่าแรง ค่าอะไหล่ และของเหลว) มูลค่าสูงสุด 38,515 บาท3
- มาสด้า3 Carbon Edition รุ่นซีดาน 4 ประตู มาพร้อมกับสีภายนอกใหม่ สีเทา โพลี เมทัล เกรย์ เป็นครั้งแรก โดยการตกแต่งตัดกับสีโทนเข้ม กระจกมองข้างสีดำ ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ตอบโจทย์ทุกความสปอร์ต สง่างาม เรียบหรูทุกมุมมอง ภายในตกแต่งเป็นพิเศษด้วยหนังสีดำและด้ายสีแดง พร้อมเบาะหนังสีแดง Burgundy และมอบความมั่นใจให้ทุกการเดินทางด้วยระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง ราคาจำหน่าย 1,210,000 บาท พร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.09%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี มูลค่าสูงสุด 28,900 บาท2 และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) มูลค่าสูงสุด 50,007 บาท4
- มาสด้า 3 Carbon Edition Sports รุ่นฟาสต์แบค 5 ประตู ผสานความแตกต่างด้วยดีไซน์สะกดสายตาทุกมุมมอง มาพร้อมกระจกมองข้างสีดำ ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ตัดกับสีภายนอก สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ มอบความโดดเด่นที่เหนือระดับกับหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ภายในห้องโดยสารตกแต่งเป็นพิเศษด้วยหนังสีดำและด้ายสีแดง พร้อมเบาะหนังสีแดง Burgundy เพิ่มความพิเศษในสไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยมได้อย่างลงตัว ราคาจำหน่าย 1,210,000 บาท พร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.09%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี มูลค่าสูงสุด 28,900 บาท2 และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) มูลค่าสูงสุด 50,007 บาท4
- มาสด้า CX-3 Carbon Edition พร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร โดดเด่นด้วยการตัดโทนสีเข้มกับกระจังหน้าสีดำ กระจกมองข้างสีดำ และล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว มอบความเหนือระดับด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า พร้อมเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ดิจิตอลได้อย่างอิสระกับ Wireless Apple CarPlay® พร้อมด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) พร้อมเบาะไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง มอบความสะดวกสบายไปตลอดการเดินทาง ราคาจำหน่าย 904,000 บาท พร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.09%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี มูลค่า 21,500 บาท2 และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) มูลค่าสูงสุด 50,343 บาท4
- มาสด้า CX-30 Carbon Edition มาพร้อมความโดดเด่นด้วยสีโทนเข้ม ตัดกับกระจกมองข้างสีดำที่มีเอกลักษณ์พิเศษ ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารประณีตพิถีพิถันทุกรายละเอียด สะท้อนความพรีเมี่ยมด้วยเบาะหนังสีแดง Burgundy ตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำและด้ายสีแดง มอบความเพลิดเพลินไปตลอดการเดินทางกับระบบเสียง Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง ตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิต และมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้มีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม ราคาจำหน่าย 1,211,000 บาท พร้อมข้อเสนอ ดอกเบี้ย 2.09%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี มูลค่า 25,300 บาท2 และฟรีโปรแกรมคุ้มครองและดูแลรถ 5 ปี Mazda Ultimate Service (MUS) มูลค่าสูงสุด 50,007 บาท4
หมายเหตุ: สีเทา แมชชีน เกรย์ เพิ่ม 10,000 บาท สำหรับมาสด้า2 และ มาสด้า CX-3 และเพิ่ม 15,000 บาท สำหรับมาสด้า3 และมาสด้า CX-30 สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถจองซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมและศูนย์บริการมาสด้าทั่วประเทศ หรือคลิก www.mazda.co.th ที่สำคัญมาสด้ายืนยันพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าทันที และราคาพิเศษนี้สำหรับผู้ที่จองและออกรถภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 – 31 ธันวาคม 2565 เท่านั้น