ผ่านเวลาไปเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น หลังการปล่อยคลิปทีเซอร์แรกออกมา ในที่สุด Mazda EZ-60 ก็ได้ฤกษ์เผยภาพร่างขายจริงกันแล้ว และนั่นก็คือตัวรถที่คุณกำลังเห็นกันอยู่ในตอนนี้

Mazda EZ-60 ถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยงานออกซึ่งต่อยอดมาจาก Mazda Arato Concept รถต้นแบบที่ถูกเผยโฉมออกมาเมื่อต้นปี 2024 ในงาน Beijing Auto Show
โดยจุดขายหลักในด้านงานออกแบบของมัน ก็จะยังคงใช้เส้นสายแบบ KODO Design อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ดังเดิม แต่สิ่งที่ต่างออกไปจากรถยนต์รุ่นอื่นๆของแบรนด์คือ ตัวรถจะมีการปรับรายละเอียดงานออกแบบใหม่ ให้ดูเฉียบคม ปราดเปรียวยิ่งขึ้น ทั้ง งานออกแบบกรอบไฟหน้า, เส้นสายกรอบกระจังหน้า, และเส้นสายข้างลำตัวรถแบบกึ่งหยดน้ำ
นอกจากนี้ ด้วยความพยายามในการทำให้ตัวรถมีความลู่ลมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทาง Mazda จึงค่อนข้างใส่ใจในเรื่องของช่องจัดระเบียบลมต่างๆที่ให้มาหลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นช่องดักลมเหนือกันชนหน้า เพื่อรีดลมผ่านแนวฝากระโปรง, ช่องรีดลมข้างกันชนหน้า เพื่อสร้างกำแพงลมหน้าซุ้มล้อ ลดอากาศหมุนวนภายในซุ้มล้อ, และช่องรีดลมบริเวณเสา C เพื่อลดอากาศหมุนวนด้านท้ายรถ
ด้านภายในห้องโดยสารของตัวรถ ทางค่ายก็ยังไม่ได้มีการเผยรายละเอียดใดๆออกมา เนื่องจากกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการของจัวรถรุ่นนี้ จะเกิดขึ้นในอีก 1 สัปดาห์หลังจากนี้ ที่งาน Auto Shanghai 2025
แต่ด้วยความที่ตัวรถ ยังคงถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มร่วมกันกับบริษัท Changan จึงมีความเป็นไปได้ที่มันจะมาพร้อมกับลูกเล่นต่างๆที่ใกล้เคียงกับ Mazda EZ-6 ที่พึ่งถูกนำมาโชว์ตัวในบ้านเราได้ไม่นาน ภายใต้ชื่อสำหรับการลุยตลาดโลกว่า Mazda 6e ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบพวงมาลัย, คอนโซลหน้า, ชุดหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับจอแสดงผลข้อมูลตัวรถหน้าคนขับ, และปุ่มควบคุมลูกเล่นต่างๆที่จะยังคงมีมาให้อยู่ ไม่ได้ถุกตัดแล้วจับยัดไปไว้ในหน้าจออินโฟเทนเมนท์เสียทั้งหมด
ด้านขุมกำลังตัวรถ ก็คาดว่าจะถูกยกมาจาก Deepal S07 ที่ใช้พื้นฐานแพลตฟอร์มร่วมกัน และชาวไทยหลายคนก็รู้จักกันดีว่า มันจะมีทั้งรุ่นขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วน ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 254 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 68.8 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 480 กิโลเมตร/ชาร์จ
และยังอาจจะมีรุ่น Long Range ซึ่งได้มอเตอร์ไฟฟ้า 241 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 80 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 550 กิโลเมตร/ชาร์จ
หรืออาจจะมีรุ่นขุมกำลัง REEV ที่ปรับขนาดแบตเตอรี่ให้เล็กลง แล้วใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร มาช่วยปั่นไฟเพิ่มขณะใช้งานแทน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะถูกนำเข้ามาใช้กับรถยนต์โมเดลอื่นๆที่จะขายในไทยในอนาคตด้วย
ส่วนแนวโน้มการถูกมาทำตลาดในประเทศไทยเอง ก็ถือว่ามีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อย เพียงแต่มันอาจจะเกิดขึ้นภายช่วงปลายปีหน้าเป็นอย่างช้า เนื่องจากทางค่าย Mazda อาจจะต้องการผลักดันให้รถคู่แฝดร่างซีดานของมันอย่าง Mazda 6e สามารถเดินตลาดได้ด้วยตนเองก่อนสักพักนั่นเอง