แม้จะยังไม่มีวี่แววได้เห็นสปอร์ตโมเดลใหม่จาก Mazda แต่ในงานมหกรรมรถซิ่งแห่งชาติ Tokyo Auto Salon 2025 ทางค่ายก็ไม่พลาดที่จะนำเสนอไฮไลท์อย่าง Mazda MX-5 Spirit Racing Roadster 12R ออกมา

Mazda MX-5 Spirit Racing Roadster 12R มาพร้อมความพิเศษเฉพาะตัวที่น้อยครั้งเราจะได้เห็นจากทาง Mazda นั่นคือ “การทำรถแต่งซิ่งเสร็จสรรพมาจากโรงงาน” โดยเริ่มจากการตกแต่งตัวรถรอบคันด้วยชุดแอโร่พาร์ทต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลิปสปอยเลอร์ที่กันชนหน้า ด้านข้างตัวรถ รวมถึงด้านท้ายรถ และยังมีสปอยเลอร์ตูดเป็ดที่ฝาท้ายอีกชิ้น

โดยทั้งหมดจะถูกทำเป็นสีเทาเฉพาะรุ่น เช่นเดียวกับส่วนของลวดลายสติ๊กเกอร์คาดกลางลำตัวรถ และสติ๊กเกอร์ “Mazda Spirit Racing” ทางด้านหลังของซุ้มล้อหน้าทั้งฝั่งแก้มซ้ายและแก้มขวา แล้วตัดด้วยการแต้ม “ขลิบแดง” ตามส่วนต่างๆเพื่อตัดโทน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณตรงกลางของกันชนหน้าด้านล่าง (ตรงจุดกึ่งกลางของลิปสปอยเลอร์หน้าพอดี) กับบริเวณกรอบกระจกมองข้าง

ซึ่งนั่นก็รวมถึงคาลิปเปอร์เบรกหลังสีแดง ที่ต้องทำให้เข้ากับคาลิปเปอร์เบรกหน้าที่อัพเกรดและเปลี่ยนมาใช้ของ Brembo ซึ่งถูกครอบด้วยชุดล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว จาก RAYS ลายพิมพ์นิยม TE37 รัดด้วยยางซิ่ง Yokohama Advan Neova AD09

และปิดท้ายด้วยการแปะโลโก้ประจำรุ่นเอาไว้ ที่บริเวณกระจังหน้า, ดุมล้อ, กับกันชนท้าย รวมถึง คำว่า “12R” เอาไว้บริเวณข้างไฟท้ายด้านขวา ก็เป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับการตกแต่งภายนอก

ส่วนภายในห้องโดยสาร ก็จะเน้นไปที่การใช้วัสดุหนังอัลคันทาร่าหุ้มตามส่วนต่างๆ ทั้ง พวงมาลัย (พร้อม Center Mark สีแดง), คอนโซลหน้า, คอนโซลกลาง, หัวเกียร์, ด้ามจับเบรกมือ, แผงข้างประตู และเบาะนั่งแบบ Full Bukcet Seat จาก Recaro

แน่นอน ทางค่ายก็ไม่ลืมที่จะใส่โลโก้ “Mazda Spirit Racing” เข้าไปในการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ทั้งที่คอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสาร, พรมรองเท้าทั้ง 2 ฝั่ง, และที่เข็มขัดนิรภัยสีแดง ซึ่งเป็นแบบเข็มขัด 4 จุด ตามฉบับรถซิ่งสายสนามอีกด้วย

สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของตัวรถยังไม่หมดแค่นั้น เพราะจากการบอกไบ้ด้วยการอัพเกรดระบบเบรกด้านหน้าที่สามารถเห็นได้ในทันทีด้วยตาเปล่า ก็คือการสื่อว่าภายในตัวรถยังได้รับการอัพเกรดเสริมสมรรถนะเข้าไปอีกหลายจุดด้วยกัน อย่างเช่นระบบกันสะเทือน ที่เปลี่ยนไปใช้ชุดโช้กอัพของ Bilstien และมีการเซ็ทอัพเหล็กกันโคลง กับชุดเหล็กค้ำโช้กใหม่ เพื่อเพิ่มความกระชับของช่วงล่าง

และที่ขาดไม่ได้คือการอัพเกรดเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร โดยเปลี่ยนตั้งแต่ ท่อไอดียกชุด, ท่อไอเสียแบบยกเส้นตั้งแต่เฮดเดอร์ถึงปลาย, และยังมีการปรับเปลี่ยนชุดแคมชาฟท์ ฝาสูบใหม่ กับลูกสูบใหม่เพิ่มอีก จนทำให้ตอนนี้พละกำลังสูงสุดของมัน ขยับขึ้นมาแตะหลัก 200 PS สักที (ปกติอยู่ที่ 185 PS) และกลายเป็นรถ MX-5 ที่แรงที่สุดจากโรงงานเท่าที่เคยมีมาในทันที ส่วนแรงบิดสูงสุดทางค่ายไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขเอาไว้ แต่ก็คาดว่าจะอยู่ในช่วงราวๆ 210-230 นิวตันเมตร จากเดิมที่มีอยู่ 205 นิวตันเมตร ในรุ่นปกติ

อย่างไรก็ดี น่าเสียดายก็ตรงที่ ท้ายที่สุดแล้วทาง Mazda ตั้งใจจะวางจำหน่ายตัวรถรุ่นนี้ แค่เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 200 คันเท่านั้น ด้วยราคา 7 ล้านเยน หรือราวๆ 1.54 ล้านบาท จึงทำให้หากใครอยากได้ ก็ต้องไปจองกันแค่เฉพาะในแดนปลาดิบ แต่เมื่อได้สิทธิ์ในการครองครองมาแล้ว จะนำรถส่งไปใช้ในประเทศอื่นๆ ก็คงต้องมาว่ากันอีกที